ผู้จัดการรายวัน- เผยอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลไทย ส่วนใหญ่แค่ส่งวัตถุดิบ กับรับจ้างผลิตส่งต่อต่างชาติติดแบรนด์ เสียโอกาสส่งออกมหาศาล กระตุ้นเอสเอ็มอีไทยเร่งพัฒนามาตรฐาน เครื่องหมาย “ฮาลาล” แข่งเวทีโลก
นางจิตราภรณ์ เตชาชาญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลมีความสำคัญต่อตลาดส่งออก เนื่องจากทั่วโลกมีชาวมุสลิมกว่า 1,800 ล้านคน จาก186 ประเทศ มีความต้องการนำเข้าอาหารฮาลาลกว่า 256,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนปี 2549 ประเทศไทยมีสถิติส่งออก มูลค่ากว่า 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทว่า ส่วนใหญ่จะส่งออกวัตถุดิบ และรับจ้างผลิตอาหารแปรรูปส่งไปประเทศอย่างมาเลเซีย อินโดนีเซีย ซึ่งประเทศเหล่านี้ จะนำไปติดแบรนด์ตนเองแล้วส่งขายต่อไปทำให้ได้มูลค่าเพิ่มอย่างสูง ดังนั้น สสว.พยายามผลักดันศักยภาพและขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมฮาลาล โดยเฉพาะเอสเอ็มอีทางภาคใต้ เพื่อขยายการส่งออกอาหารฮาลาลไทย ตั้งเป้ามูลค่าเพิ่มเป็น2-3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในอีก 5 ข้างหน้า
“ปัจจุบันมีเอสเอ็มอีไทย แค่ประมาณ 1,200 บริษัท ที่ผลิตสินค้าอาหารฮาลาล ซึ่งถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับโอกาสตลาด นอกจากนั้น ยังส่งออกภายใต้แบรนด์ของประเทศอื่น ทั้งที่เราเป็นผู้ผลิตเอง ส่วนผู้ประกอบการระดับจิ๋ว ยังมีปัญหาด้านมาตรฐาน ดังนั้น ถ้าจะไปเป้าดังกล่าว ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมาร่วมมือกัน” ผอ.สสว. กล่าว
นางจิตราภรณ์ เผยว่า สิ่งสำคัญเอสเอ็มอีไทยต้องพัฒนามาตรฐานผ่านเครื่องหมาย “ฮาลาล” และผลักดันแบรนด์ไทย และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ควบคู่กันไป ซึ่ง สสว. ได้สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เช่น ร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาล สามารถผลักดันเอสเอ็มอีไทยสู่ตลาดต่างประเทศได้ปีละกว่า 20 ราย สนับสนุนการจัดประชุม World of Halal Science, Industry & Business Conference 2008 ที่ จ.กระบี่ ระหว่าง 22-24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ย และจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ เป็นต้น
นางจิตราภรณ์ เตชาชาญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลมีความสำคัญต่อตลาดส่งออก เนื่องจากทั่วโลกมีชาวมุสลิมกว่า 1,800 ล้านคน จาก186 ประเทศ มีความต้องการนำเข้าอาหารฮาลาลกว่า 256,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนปี 2549 ประเทศไทยมีสถิติส่งออก มูลค่ากว่า 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทว่า ส่วนใหญ่จะส่งออกวัตถุดิบ และรับจ้างผลิตอาหารแปรรูปส่งไปประเทศอย่างมาเลเซีย อินโดนีเซีย ซึ่งประเทศเหล่านี้ จะนำไปติดแบรนด์ตนเองแล้วส่งขายต่อไปทำให้ได้มูลค่าเพิ่มอย่างสูง ดังนั้น สสว.พยายามผลักดันศักยภาพและขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมฮาลาล โดยเฉพาะเอสเอ็มอีทางภาคใต้ เพื่อขยายการส่งออกอาหารฮาลาลไทย ตั้งเป้ามูลค่าเพิ่มเป็น2-3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในอีก 5 ข้างหน้า
“ปัจจุบันมีเอสเอ็มอีไทย แค่ประมาณ 1,200 บริษัท ที่ผลิตสินค้าอาหารฮาลาล ซึ่งถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับโอกาสตลาด นอกจากนั้น ยังส่งออกภายใต้แบรนด์ของประเทศอื่น ทั้งที่เราเป็นผู้ผลิตเอง ส่วนผู้ประกอบการระดับจิ๋ว ยังมีปัญหาด้านมาตรฐาน ดังนั้น ถ้าจะไปเป้าดังกล่าว ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมาร่วมมือกัน” ผอ.สสว. กล่าว
นางจิตราภรณ์ เผยว่า สิ่งสำคัญเอสเอ็มอีไทยต้องพัฒนามาตรฐานผ่านเครื่องหมาย “ฮาลาล” และผลักดันแบรนด์ไทย และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ควบคู่กันไป ซึ่ง สสว. ได้สนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เช่น ร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาล สามารถผลักดันเอสเอ็มอีไทยสู่ตลาดต่างประเทศได้ปีละกว่า 20 ราย สนับสนุนการจัดประชุม World of Halal Science, Industry & Business Conference 2008 ที่ จ.กระบี่ ระหว่าง 22-24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ย และจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ เป็นต้น
