"หมัก"ยันเดินหน้านโยบายปราบปรามยาเสพติด ขัดใจสื่อใช้คำ"ฆ่าตัดตอน" จนไขว้เขวไป หมด อ้าง"ยุคแม้ว" เป็นพวกค้ายาฆ่ากันเอง เตรียมอุตสาหกรรมทหารในจังวัดชายแดนภาคใต้ ให้ทหารลงทุน 51 เอกชน 49 "สุริยะใส" ย้ำนโยบายปราบปรามยาเสพติด ต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่แก้แบบสะท้อนข้อบกพร่องผู้นำ
เมื่อเช้าวานนี้ (24 ก.พ.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการ "สนทนาประสาสมัคร" ถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติดว่า มีการกล่าวหาว่ารัฐบาลสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปฆ่าตัดตอนถึง 2,500 ศพ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วว่าเกิดจากการวิสามัญฆาตรกรรมแค่ 59 ราย ซึ่งทุกรายตำรวจขึ้นศาล และเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบย้อนกลับไปยังผู้ที่ถูกจับกุมในคดีเล็กๆ และได้นิรโทษกรรม เมื่อใกล้ถึงตัวการก็ฆ่าตัดตอนกัน ซึ่งคำนี้อยากขอทำความเข้าใจว่า คำว่า"ฆ่าตัดตอน"พูดจนกลายเป็นนโยบาย
"นโยบายการปราบปรามยาเสพติด เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ดำเนินการ และเมื่อดำเนินการก็ต้องเกิดแบบนี้ สิ่งที่ผมพูดไปกลายเป็นว่า ผมเป็นคนใจร้าย ซึ่งการที่ผมระบุว่า การดำเนินนโยบายต่างๆ ต้องทำครบถ้วนทั้งหมด ถ้าหากตำรวจไปวิสามัญฆาตรกรรม ตำรวจก็ต้องขึ้นศาล แต่ถ้านอกเหนือจากนั้น เกิดการฆ่าตัดตอนกันเอง เราจะทำอย่างไร สื่อมวลชนไม่ยอมเข้าใจว่า ความจริงแล้ว รัฐบาลมีนโยบายปราบปรามยาเสพติดก็เพื่อลูกหลาน ดังนั้น ถ้าเกิดการฆ่าตัดตอนกันเอง แล้วนโยบายปราบปรามยาเสพติดจะต้องยุติหรืออย่างไร ชอบพูดอ้างอิงถึงสหประชาชาติ คนทางโน้นก็ไม่ฟัง เหมือนสร้างให้เห็นว่าสั่งให้ตำรวจไปไล่ยิง ซึ่งรัฐบาลไม่มีคำสั่งอย่างนั้น เมื่อไร ที่ใครใช้คำว่า ฆ่าตัดตอน ขอให้เข้าใจว่าใช้สำนวนผิด" นายสมัคร กล่าว
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการ ครป.กล่าวว่า ครป. สนับสนนุนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล เพราะปัญหายาเสพติดไม่มีแนวโน้มลดลงและเปลี่ยนรูปแบบทั้งการผลิต การเสพ การขายตลอดเวลา สร้างปัญหาทางสังคมอย่างกว้างขวางทั้งในเด็ก เยาวชนและผู้ใหญ่
ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวจะต้องยึดกรอบกฎหมายและเคารพกระบวนการยุติธรรม ไม่เปิดช่องให้มีการตั้งศาลเตี้ย ของเจ้าหน้าที่บางส่วนเหมือนที่ผ่านมา
นายสุริยะใส กล่าวว่า คำพูดนายกรัฐมนตรี และนายเฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ที่ระบุว่าถ้าต้องตาย 3 พัน หรือ 5 พัน ก็มีความจำเป็นว่า เป็นการเข้าข่ายส่งสัญญาณให้เกิดการปราบปราม หรือการฆ่าเกิดขึ้น ซึ่งวิธีการดังกล่าวไม่อาจแก้ปัญหายาเสพติดได้ทั้งหมด กรณีดังกล่าวสะท้อนวุฒิภาวะบกพร่องของผู้นำ ที่แปรความเห็นที่หวังดีของประชาชนเป็นผู้ร้ายไปเสียทั้งหมด
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร ระบุว่าการฆ่าตัดตอนในสงครามปราบปรามยาเสพติดครั้งก่อนเป็นการฆ่ากันเองของผู้ค้ายาว่า ต้องยอมรับว่าการฆ่าตัดตอนที่เกิดขึ้น คงพิสูจน์ได้ยากว่าเป็นฝีมือใคร แต่ที่สำคัญคือรัฐบาลจะต้องเข้ามาดูแล แม้ว่าจะเกิดการฆ่ากันเองก็ตาม รวมทั้งหากมีกรณีที่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย รัฐบาลยิ่งต้องเข้ามาดูแล ไม่ใช่ปล่อยให้มีการฆ่ากันเองแล้วรัฐบาลไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ
**ดันอุตสาหกรรมทหารในภาคใต้
ในช่วงท้ายรายการ นายสมัคร ได้ตอบคำถาม เกี่ยวกับแนวคิดการตั้งเขตปกครองพิเศษใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทยว่า เรื่องนี้พูดกันในห้องเล็กๆ ตนไปคุยมาแล้ว พอคุยเสร็จทางนี้ได้ฟังเหรียญข้างเดียว ก็ไปพูด ซึ่งต้องไปดูเหรียญอีกข้างด้วย เรื่องนี้ยังไม่ปรากฏในนโยบายอะไรทั้งสิ้น
ส่วนเรื่องการศึกษาของนักเรียนมุสลิม นายสมัคร กล่าวว่า กำลังคิดกันว่าทำอย่างไรให้นักเรียนอิสลามในไทยได้เรียนเหมือนกัน เพราะมีปัญหาเรื่องว่า เขาไปตั้งกฎเกณฑ์ไว้ให้นักเรียน นักเรียนต้องหัวละ 10,000 กว่าบาท โรงเรียนพุทธ 5,000 กว่าบาท แล้วโรงเรียนพุทธปิดหมด ไปเข้าโรงเรียนเอกชน เรื่องนี้จะต้องมีการซึ่ง กระทรวงศึกษาธิการต้องดูแลแน่นอน
นายสมัคร ยังกล่าวว่า มีเอกชนประมูลการสร้างถนน 4 เลนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น ที่ยะลา แต่ปรากฎว่า เอกชนที่ประมูลได้ ไม่กล้าที่จะลงไปทำ จึงพูดกับ ผบ.ทบ. และเห็นตรงกันว่า เมื่อเอกชนไม่กล้าลงไปทำ ก็ส่งทหารช่างลงไปทำ ท่านผบ.ทบ. ก็เห็นด้วย รวมทั้งจะสร้างอุตสาหกรรมทหารในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย โดยให้ทหารลง 51 เอกชน 49 ยืนยันว่า จ.ยะลา จะต้องมีถนน 4 เลน
เมื่อเช้าวานนี้ (24 ก.พ.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการ "สนทนาประสาสมัคร" ถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติดว่า มีการกล่าวหาว่ารัฐบาลสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปฆ่าตัดตอนถึง 2,500 ศพ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วว่าเกิดจากการวิสามัญฆาตรกรรมแค่ 59 ราย ซึ่งทุกรายตำรวจขึ้นศาล และเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบย้อนกลับไปยังผู้ที่ถูกจับกุมในคดีเล็กๆ และได้นิรโทษกรรม เมื่อใกล้ถึงตัวการก็ฆ่าตัดตอนกัน ซึ่งคำนี้อยากขอทำความเข้าใจว่า คำว่า"ฆ่าตัดตอน"พูดจนกลายเป็นนโยบาย
"นโยบายการปราบปรามยาเสพติด เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ดำเนินการ และเมื่อดำเนินการก็ต้องเกิดแบบนี้ สิ่งที่ผมพูดไปกลายเป็นว่า ผมเป็นคนใจร้าย ซึ่งการที่ผมระบุว่า การดำเนินนโยบายต่างๆ ต้องทำครบถ้วนทั้งหมด ถ้าหากตำรวจไปวิสามัญฆาตรกรรม ตำรวจก็ต้องขึ้นศาล แต่ถ้านอกเหนือจากนั้น เกิดการฆ่าตัดตอนกันเอง เราจะทำอย่างไร สื่อมวลชนไม่ยอมเข้าใจว่า ความจริงแล้ว รัฐบาลมีนโยบายปราบปรามยาเสพติดก็เพื่อลูกหลาน ดังนั้น ถ้าเกิดการฆ่าตัดตอนกันเอง แล้วนโยบายปราบปรามยาเสพติดจะต้องยุติหรืออย่างไร ชอบพูดอ้างอิงถึงสหประชาชาติ คนทางโน้นก็ไม่ฟัง เหมือนสร้างให้เห็นว่าสั่งให้ตำรวจไปไล่ยิง ซึ่งรัฐบาลไม่มีคำสั่งอย่างนั้น เมื่อไร ที่ใครใช้คำว่า ฆ่าตัดตอน ขอให้เข้าใจว่าใช้สำนวนผิด" นายสมัคร กล่าว
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการ ครป.กล่าวว่า ครป. สนับสนนุนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล เพราะปัญหายาเสพติดไม่มีแนวโน้มลดลงและเปลี่ยนรูปแบบทั้งการผลิต การเสพ การขายตลอดเวลา สร้างปัญหาทางสังคมอย่างกว้างขวางทั้งในเด็ก เยาวชนและผู้ใหญ่
ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวจะต้องยึดกรอบกฎหมายและเคารพกระบวนการยุติธรรม ไม่เปิดช่องให้มีการตั้งศาลเตี้ย ของเจ้าหน้าที่บางส่วนเหมือนที่ผ่านมา
นายสุริยะใส กล่าวว่า คำพูดนายกรัฐมนตรี และนายเฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ที่ระบุว่าถ้าต้องตาย 3 พัน หรือ 5 พัน ก็มีความจำเป็นว่า เป็นการเข้าข่ายส่งสัญญาณให้เกิดการปราบปราม หรือการฆ่าเกิดขึ้น ซึ่งวิธีการดังกล่าวไม่อาจแก้ปัญหายาเสพติดได้ทั้งหมด กรณีดังกล่าวสะท้อนวุฒิภาวะบกพร่องของผู้นำ ที่แปรความเห็นที่หวังดีของประชาชนเป็นผู้ร้ายไปเสียทั้งหมด
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร ระบุว่าการฆ่าตัดตอนในสงครามปราบปรามยาเสพติดครั้งก่อนเป็นการฆ่ากันเองของผู้ค้ายาว่า ต้องยอมรับว่าการฆ่าตัดตอนที่เกิดขึ้น คงพิสูจน์ได้ยากว่าเป็นฝีมือใคร แต่ที่สำคัญคือรัฐบาลจะต้องเข้ามาดูแล แม้ว่าจะเกิดการฆ่ากันเองก็ตาม รวมทั้งหากมีกรณีที่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย รัฐบาลยิ่งต้องเข้ามาดูแล ไม่ใช่ปล่อยให้มีการฆ่ากันเองแล้วรัฐบาลไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ
**ดันอุตสาหกรรมทหารในภาคใต้
ในช่วงท้ายรายการ นายสมัคร ได้ตอบคำถาม เกี่ยวกับแนวคิดการตั้งเขตปกครองพิเศษใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทยว่า เรื่องนี้พูดกันในห้องเล็กๆ ตนไปคุยมาแล้ว พอคุยเสร็จทางนี้ได้ฟังเหรียญข้างเดียว ก็ไปพูด ซึ่งต้องไปดูเหรียญอีกข้างด้วย เรื่องนี้ยังไม่ปรากฏในนโยบายอะไรทั้งสิ้น
ส่วนเรื่องการศึกษาของนักเรียนมุสลิม นายสมัคร กล่าวว่า กำลังคิดกันว่าทำอย่างไรให้นักเรียนอิสลามในไทยได้เรียนเหมือนกัน เพราะมีปัญหาเรื่องว่า เขาไปตั้งกฎเกณฑ์ไว้ให้นักเรียน นักเรียนต้องหัวละ 10,000 กว่าบาท โรงเรียนพุทธ 5,000 กว่าบาท แล้วโรงเรียนพุทธปิดหมด ไปเข้าโรงเรียนเอกชน เรื่องนี้จะต้องมีการซึ่ง กระทรวงศึกษาธิการต้องดูแลแน่นอน
นายสมัคร ยังกล่าวว่า มีเอกชนประมูลการสร้างถนน 4 เลนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น ที่ยะลา แต่ปรากฎว่า เอกชนที่ประมูลได้ ไม่กล้าที่จะลงไปทำ จึงพูดกับ ผบ.ทบ. และเห็นตรงกันว่า เมื่อเอกชนไม่กล้าลงไปทำ ก็ส่งทหารช่างลงไปทำ ท่านผบ.ทบ. ก็เห็นด้วย รวมทั้งจะสร้างอุตสาหกรรมทหารในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย โดยให้ทหารลง 51 เอกชน 49 ยืนยันว่า จ.ยะลา จะต้องมีถนน 4 เลน
