เวลานี้ถ้าใครสามารถมองทะลุเข้าไปในหัวใจของคนชื่อ ทักษิณ ชินวัตร แล้ว น่าจะเห็นอาการ “เต้นแรง” หรือเต้นไม่เป็นส่ำแน่นอน หลังจากพิจารณาองค์ประกอบหลายอย่างมาปะติดปะต่อกัน มันเริ่มส่อสัญญาณ “แปร่งๆ” เกิดขึ้นทั้งจากภายใน ภายนอก ประดังถี่เข้ามาเรื่อยๆ
หากปล่อยทิ้งเนิ่นนานต่อไป รับรองไม่เป็นผลดีแน่
ดีไม่ดีอาจพังครืนเร็วกว่ากำหนด ทุกอย่างที่เคยลงทุนลงแรงเอาไว้อาจต้องเข้าเนื้อ ทำนองทุนหายกำไรหด ก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ ก็ต้องลำดับเรื่องราว และโฟกัสไปในจุดสำคัญให้รู้ที่มาที่ไปเสียก่อน
และถ้าให้เดาสุ่มน่าจะเริ่มต้นมาจากหลายเรื่องไม่ได้ดั่งใจ ชี้นิ้วสั่งการไม่ค่อยได้ผลเหมือนเมื่อก่อน โดยเฉพาะกับคนที่ชื่อ สมัคร สุนทรเวช ที่นับวันทั้งคำพูดและท่าที ตอกย้ำอยู่หลายครั้งว่า “สลัดทิ้ง” ความเป็น “หุ่นเชิด” อย่างไม่ใยดี
คิดแข็งข้อจะสร้างอนาคตด้วยตัวเอง
แม้ว่าอีกมุมหนึ่งยังพยายามรักษาระยะความสัมพันธ์เอาไว้ อาจเป็นเพราะยังไม่พร้อมเปิดศึก หรือต้องการยื้อให้อยู่ยาวที่สุด สร้างเกียรติประวัติในชีวิตก่อนปิดฉากรูดม่านกลับไปเลี้ยงหลาน-เลี้ยงแมวในบั้นปลาย
สังคมมองออก รับรู้ในประเด็นนี้กันไปแล้ว
แต่สำหรับในมุมของ “เฮียแม้ว” ท่าทีแบบนี้มันไม่น่าปลื้ม เพราะยิ่งต้องการสลัดภาพหุ่นเชิดมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นผลร้ายต่อตัวเองในแทบทุกเรื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ต้องลุ้นหลายคดีที่ต้องสรุป และอาจทยอยขึ้นสู่ศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ใช้เวลาในการพิจารณาไม่นานก็รู้ผล
ถ้าเกิดซวย “ป๊อกเดียวจอด” จะยุ่งไปกันใหญ่
ดังนั้นหากต้องการตัดไฟแต่ต้นลมก็ต้องรีบกลับเข้ามา “คุมเกม” ให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่างไรก็ดี คนระดับ “ขาใหญ่” จะเคลื่อนไหวทั้งทีมันก็ต้องมีพิธีรีตองให้ดูอลังการ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี กันหน่วย
และที่สำคัญมองข้ามเรื่อง “ความปลอดภัย” ในชีวิตและทรัพย์สิน ไปไม่ได้เป็นอันขาด ยิ่งอยู่ในช่วงเพิ่งผ่านสถานการณ์เปลี่ยนผ่านได้ไม่นาน ก็ยิ่งละเลยไม่ได้
แม้ในภาพรวมสามารถยึดคืนอำนาจรัฐกลับมาในมือแล้วก็ตาม แต่เมื่อทุกอย่างยังไม่ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้บ้าง
ในช่วงเวลาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หากสังเกตให้ดีจะพบความเคลื่อนไหวผิดปกติหลายอย่างคลอดคล้องกัน
ในทำนองเคลียร์เส้นทางให้ “นายใหญ่” เดินกลับมาอย่างปลอดภัย สมเกียรติ ทุกอย่างสอดรับกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
เริ่มในแง่พิธีการก่อน จะเห็นการเดินทางเข้าออกประเทศโน้น ประเทศนี้เป็นว่าเล่นของอดีตทนายความหน้าหอ "นพดล ปัทมะ" ที่ได้ดิบได้ดีคุมกระทรวง “บัวแก้ว” เริ่มจากการเยือนเมืองลอดช่อง สิงคโปร์ก่อนเป็นอันดับต้นๆ
แม้ว่าในทางสาธารณะภาพออกมาในลักษณะของการไปฟื้นฟู เสริมสร้างความสัมพันธ์กันขึ้นมาให้แนบแน่นเหมือนเมื่อครั้งยุครัฐบาลทักษิณ
แต่ช่วยไม่ได้ที่มีเสียงซุบซิบเล็ดลอดออกมาตามหลังว่า มีรายการ “เคลียร์” กรุยทางกันล่วงหน้าปะปนมาด้วย
ทั้งบังเอิญยังมีระดับบิ๊กในกองทัพหลายคนบินไปป้วนเปี้ยนแถวนั้นพอดี ไล่เรียงกันไปตั้งแต่ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.วินัย ภัททิยะกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม อดีตเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ อดีตรักษาการประธาน คมช.
แถมยังมี “รองบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้นำ คมช. ยังไปเดินลอยชายเลียบๆ เคียงๆ อยู่ด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ ยังบังเอิญอีกว่า ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ยังมี"เฮียแม้ว"ไปโผล่สมทบอีกคน บรรยากาศก็ยิ่งครึกครื้นผิดปกติ
แม้ทุกฝ่ายพยายามออกมายืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า เพียงแค่ไปดูงานโชว์เครื่องบินตามคำเชิญ ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น
แต่ในสถานการณ์ “สมานฉันท์” ยอดฮิต มีแต่ข่าวบิ๊กคนโน้นต่อสายเคลียร์กับคนโน้นผ่านทางบิ๊กคนนี้ เชื่อมโยงกันจนเวียนหัว มันก็อดไม่ได้ที่มีคนตั้งข้อสังเกตให้เห็นภาพการ “เกี้ยะเซียะ” จูบปากกันกับคนในกองทัพแบบพี่แบบน้องมันยิ่งสงสัย
ขณะเดียวกัน เมื่อเอ่ยถึงสิงคโปร์ก็ทำให้เห็นภาพความสัมพันธ์เก่าๆ ผุดขึ้นมาอีก ภาพของ “เทมาเส็ก” การดำเนินธุรกิจในลักษณะ “นอมินี” ประเภทซับซ้อนซ่อนเงื่อนลอยกลับเข้ามาเป็นฉากๆ
ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งยังมีความเคลื่อนไหว มีคิวจับเข่าคุยกับ “ลุงหมัก” ในช่วงเดินทางเยือนเขมรในราวต้นเดือนหน้า ผสมโรงเข้าไปอีก
ล่าสุดมีเสียงคำพูดยืนยันจาก “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ว่าพ่อกลับมาในเดือนมีนาคม
ประกอบกับมีการเคลื่อนไหวทางด้านมวลชนในภาคเหนือ ทางเชียงใหม่-เชียงราย กันอย่างคึกคัก ทั้งชมรมคนรักทักษิณ เพื่อนพ้องน้องพี่ ระดมคน เช่ารถตู้ รถบัส เตรียมเข้ากรุงกันแล้ว
รอแต่เสียงนกหวีดให้สัญญาณเท่านั้น
ทุกอย่างมันเข้าเค้า และช่วยไม่ได้ที่มีหลายคนเชื่อมโยงปะติดปะต่อกันแบบนี้
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะมองมุมไหนฟันธงได้ตรงกันแน่นอนว่า “แม้ว” มาแน่ และมาก่อนกำหนดเสียด้วย จากเดิมที่ส่งสัญญาณกันล่วงหน้าว่าจะถึงไทยอย่างเร็วเดือนเมษายน และอย่างช้าไม่เกินพฤษภาคม เพราะได้รับปากกับศาลเอาไว้แล้ว
แต่ประเด็นที่ต้องวิเคราะห์กันก็คือ ทำไมต้องกลับเร็วก่อนกำหนด ตรงนี้ต่างหาก !!
อย่างที่ได้ตั้งข้อสังเกตกันไปตอนต้นแล้วว่า ทุกอย่างมันเริ่มประดังเข้ามาทุกทิศทาง ไว้ใจใครไม่ได้
ต้องเข้ามาคุมเกมเอง เพื่อประกันความชัวร์
จะสั่งผ่านตัวแทนแบบเมื่อก่อนก็ไม่ค่อยได้ผล แถมยังมีรายการ “แปลงสาร” หาเศษหาเลยกันหลายครั้ง จนเริ่มเกิดเสียงโวยวายเจี๊ยวจ๊าวกันในพรรค เป็นที่น่ารำคาญ
สังเกตได้จากการแบ่งโควตารัฐมนตรี ไล่เรียงมาจนถึงเก้าอี้เลขานุการ-ที่ปรึกษา เกิดความขัดแย้งในกลุ่มก๊วน รวมทั้งสมาชิกที่เข้ามาสมทบภายหลัง
เปิดศึกวิจารณ์เสียๆ หายๆ ทำนองมาทีหลัง แต่ “ชุบมือเปิบ” ไม่ต้องลงทุนซักบาท ชี้หน้าด่า "เฉลิม อยู่บำรุง" กระทบชิ่งไปถึง"สมัคร" โดนเข้าไปเต็มๆ เมื่อเก็บอารมณ์ไม่อยู่ก็ตอบโต้ ขู่ใช้อำนาจรัฐในมือจัดการกับ “เว็บไฮ-ทักษิณ” ที่เป็นต้นตอจาบจ้วง
เพราะถ้าพูดถึงเว็บดังกล่าวในวงการรู้ดีว่ามี “แบ็ก” ดี ว่ากันว่าบ้านอยู่แถวบุรีรัมย์ สามารถสายตรง “นายใหญ่” ได้ตลอดเวลา เจ๋งไม่เจ๋ง คิดเอาเองก็แล้วกัน
ดังนั้น ถ้าพิจารณาอย่างรอบด้านจนถึงนาทีนี้ ฟันธงได้เลยว่า ทักษิณ ร่นเวลากลับมาแน่ ไม่เกินมีนาคม เนื่องจากทุกเรื่องประดังเข้ามา ต้องเข้ามาคุมเกมเอง จะต่อสายสั่งการอยู่หลังม่านคงไม่ทันการณ์แล้ว
หากปล่อยทิ้งเนิ่นนานต่อไป รับรองไม่เป็นผลดีแน่
ดีไม่ดีอาจพังครืนเร็วกว่ากำหนด ทุกอย่างที่เคยลงทุนลงแรงเอาไว้อาจต้องเข้าเนื้อ ทำนองทุนหายกำไรหด ก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ ก็ต้องลำดับเรื่องราว และโฟกัสไปในจุดสำคัญให้รู้ที่มาที่ไปเสียก่อน
และถ้าให้เดาสุ่มน่าจะเริ่มต้นมาจากหลายเรื่องไม่ได้ดั่งใจ ชี้นิ้วสั่งการไม่ค่อยได้ผลเหมือนเมื่อก่อน โดยเฉพาะกับคนที่ชื่อ สมัคร สุนทรเวช ที่นับวันทั้งคำพูดและท่าที ตอกย้ำอยู่หลายครั้งว่า “สลัดทิ้ง” ความเป็น “หุ่นเชิด” อย่างไม่ใยดี
คิดแข็งข้อจะสร้างอนาคตด้วยตัวเอง
แม้ว่าอีกมุมหนึ่งยังพยายามรักษาระยะความสัมพันธ์เอาไว้ อาจเป็นเพราะยังไม่พร้อมเปิดศึก หรือต้องการยื้อให้อยู่ยาวที่สุด สร้างเกียรติประวัติในชีวิตก่อนปิดฉากรูดม่านกลับไปเลี้ยงหลาน-เลี้ยงแมวในบั้นปลาย
สังคมมองออก รับรู้ในประเด็นนี้กันไปแล้ว
แต่สำหรับในมุมของ “เฮียแม้ว” ท่าทีแบบนี้มันไม่น่าปลื้ม เพราะยิ่งต้องการสลัดภาพหุ่นเชิดมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นผลร้ายต่อตัวเองในแทบทุกเรื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ต้องลุ้นหลายคดีที่ต้องสรุป และอาจทยอยขึ้นสู่ศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ใช้เวลาในการพิจารณาไม่นานก็รู้ผล
ถ้าเกิดซวย “ป๊อกเดียวจอด” จะยุ่งไปกันใหญ่
ดังนั้นหากต้องการตัดไฟแต่ต้นลมก็ต้องรีบกลับเข้ามา “คุมเกม” ให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่างไรก็ดี คนระดับ “ขาใหญ่” จะเคลื่อนไหวทั้งทีมันก็ต้องมีพิธีรีตองให้ดูอลังการ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี กันหน่วย
และที่สำคัญมองข้ามเรื่อง “ความปลอดภัย” ในชีวิตและทรัพย์สิน ไปไม่ได้เป็นอันขาด ยิ่งอยู่ในช่วงเพิ่งผ่านสถานการณ์เปลี่ยนผ่านได้ไม่นาน ก็ยิ่งละเลยไม่ได้
แม้ในภาพรวมสามารถยึดคืนอำนาจรัฐกลับมาในมือแล้วก็ตาม แต่เมื่อทุกอย่างยังไม่ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้บ้าง
ในช่วงเวลาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หากสังเกตให้ดีจะพบความเคลื่อนไหวผิดปกติหลายอย่างคลอดคล้องกัน
ในทำนองเคลียร์เส้นทางให้ “นายใหญ่” เดินกลับมาอย่างปลอดภัย สมเกียรติ ทุกอย่างสอดรับกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
เริ่มในแง่พิธีการก่อน จะเห็นการเดินทางเข้าออกประเทศโน้น ประเทศนี้เป็นว่าเล่นของอดีตทนายความหน้าหอ "นพดล ปัทมะ" ที่ได้ดิบได้ดีคุมกระทรวง “บัวแก้ว” เริ่มจากการเยือนเมืองลอดช่อง สิงคโปร์ก่อนเป็นอันดับต้นๆ
แม้ว่าในทางสาธารณะภาพออกมาในลักษณะของการไปฟื้นฟู เสริมสร้างความสัมพันธ์กันขึ้นมาให้แนบแน่นเหมือนเมื่อครั้งยุครัฐบาลทักษิณ
แต่ช่วยไม่ได้ที่มีเสียงซุบซิบเล็ดลอดออกมาตามหลังว่า มีรายการ “เคลียร์” กรุยทางกันล่วงหน้าปะปนมาด้วย
ทั้งบังเอิญยังมีระดับบิ๊กในกองทัพหลายคนบินไปป้วนเปี้ยนแถวนั้นพอดี ไล่เรียงกันไปตั้งแต่ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.วินัย ภัททิยะกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม อดีตเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ อดีตรักษาการประธาน คมช.
แถมยังมี “รองบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้นำ คมช. ยังไปเดินลอยชายเลียบๆ เคียงๆ อยู่ด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ ยังบังเอิญอีกว่า ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ยังมี"เฮียแม้ว"ไปโผล่สมทบอีกคน บรรยากาศก็ยิ่งครึกครื้นผิดปกติ
แม้ทุกฝ่ายพยายามออกมายืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า เพียงแค่ไปดูงานโชว์เครื่องบินตามคำเชิญ ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น
แต่ในสถานการณ์ “สมานฉันท์” ยอดฮิต มีแต่ข่าวบิ๊กคนโน้นต่อสายเคลียร์กับคนโน้นผ่านทางบิ๊กคนนี้ เชื่อมโยงกันจนเวียนหัว มันก็อดไม่ได้ที่มีคนตั้งข้อสังเกตให้เห็นภาพการ “เกี้ยะเซียะ” จูบปากกันกับคนในกองทัพแบบพี่แบบน้องมันยิ่งสงสัย
ขณะเดียวกัน เมื่อเอ่ยถึงสิงคโปร์ก็ทำให้เห็นภาพความสัมพันธ์เก่าๆ ผุดขึ้นมาอีก ภาพของ “เทมาเส็ก” การดำเนินธุรกิจในลักษณะ “นอมินี” ประเภทซับซ้อนซ่อนเงื่อนลอยกลับเข้ามาเป็นฉากๆ
ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งยังมีความเคลื่อนไหว มีคิวจับเข่าคุยกับ “ลุงหมัก” ในช่วงเดินทางเยือนเขมรในราวต้นเดือนหน้า ผสมโรงเข้าไปอีก
ล่าสุดมีเสียงคำพูดยืนยันจาก “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ว่าพ่อกลับมาในเดือนมีนาคม
ประกอบกับมีการเคลื่อนไหวทางด้านมวลชนในภาคเหนือ ทางเชียงใหม่-เชียงราย กันอย่างคึกคัก ทั้งชมรมคนรักทักษิณ เพื่อนพ้องน้องพี่ ระดมคน เช่ารถตู้ รถบัส เตรียมเข้ากรุงกันแล้ว
รอแต่เสียงนกหวีดให้สัญญาณเท่านั้น
ทุกอย่างมันเข้าเค้า และช่วยไม่ได้ที่มีหลายคนเชื่อมโยงปะติดปะต่อกันแบบนี้
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะมองมุมไหนฟันธงได้ตรงกันแน่นอนว่า “แม้ว” มาแน่ และมาก่อนกำหนดเสียด้วย จากเดิมที่ส่งสัญญาณกันล่วงหน้าว่าจะถึงไทยอย่างเร็วเดือนเมษายน และอย่างช้าไม่เกินพฤษภาคม เพราะได้รับปากกับศาลเอาไว้แล้ว
แต่ประเด็นที่ต้องวิเคราะห์กันก็คือ ทำไมต้องกลับเร็วก่อนกำหนด ตรงนี้ต่างหาก !!
อย่างที่ได้ตั้งข้อสังเกตกันไปตอนต้นแล้วว่า ทุกอย่างมันเริ่มประดังเข้ามาทุกทิศทาง ไว้ใจใครไม่ได้
ต้องเข้ามาคุมเกมเอง เพื่อประกันความชัวร์
จะสั่งผ่านตัวแทนแบบเมื่อก่อนก็ไม่ค่อยได้ผล แถมยังมีรายการ “แปลงสาร” หาเศษหาเลยกันหลายครั้ง จนเริ่มเกิดเสียงโวยวายเจี๊ยวจ๊าวกันในพรรค เป็นที่น่ารำคาญ
สังเกตได้จากการแบ่งโควตารัฐมนตรี ไล่เรียงมาจนถึงเก้าอี้เลขานุการ-ที่ปรึกษา เกิดความขัดแย้งในกลุ่มก๊วน รวมทั้งสมาชิกที่เข้ามาสมทบภายหลัง
เปิดศึกวิจารณ์เสียๆ หายๆ ทำนองมาทีหลัง แต่ “ชุบมือเปิบ” ไม่ต้องลงทุนซักบาท ชี้หน้าด่า "เฉลิม อยู่บำรุง" กระทบชิ่งไปถึง"สมัคร" โดนเข้าไปเต็มๆ เมื่อเก็บอารมณ์ไม่อยู่ก็ตอบโต้ ขู่ใช้อำนาจรัฐในมือจัดการกับ “เว็บไฮ-ทักษิณ” ที่เป็นต้นตอจาบจ้วง
เพราะถ้าพูดถึงเว็บดังกล่าวในวงการรู้ดีว่ามี “แบ็ก” ดี ว่ากันว่าบ้านอยู่แถวบุรีรัมย์ สามารถสายตรง “นายใหญ่” ได้ตลอดเวลา เจ๋งไม่เจ๋ง คิดเอาเองก็แล้วกัน
ดังนั้น ถ้าพิจารณาอย่างรอบด้านจนถึงนาทีนี้ ฟันธงได้เลยว่า ทักษิณ ร่นเวลากลับมาแน่ ไม่เกินมีนาคม เนื่องจากทุกเรื่องประดังเข้ามา ต้องเข้ามาคุมเกมเอง จะต่อสายสั่งการอยู่หลังม่านคงไม่ทันการณ์แล้ว