นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส. ) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกทม. กล่าวถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ต้องพิจารณาสัญญาการซื้อขายรถและเรือดับเพลิงระหว่าง กทม. และบริษัทสไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเซียล ฟาซอย ประเทศออสเตรีย อีกครั้งว่า เนื่องจากคณะอนุกรรมการไต่สวนชุดเก่าไม่ได้ตรวจสอบไว้ ซึ่งพยานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง คืออดีตทูตออสเตรียประจำประเทศไทย แต่อนุกรรมการยังขาดข้อมูลในส่วนนี้ โดยเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ได้ทำหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ประสานสอบถามข้อมูลจากทูตท่านนี้ ที่ปัจจุบันพ้นตำแหน่งไปแล้ว ตามกระบวนการทางการทูต โดย คตส. มีประเด็นสอบถามข้อเท็จจริงในกระบวนการไปประมาณ 10 ข้อ รวมทั้งประเด็นคำถามที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงทูตท่านนี้ด้วย
นายนาม กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่14 ก.พ.ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการไต่สวนฯได้เชิญผู้บริหารระดับสูงของ บริษัทสไตเออร์ฯ มาให้ข้อมูลเกี่ยวข้องกับการซื้อขายรถและเรือดับเพลิง กับไก่ต้มสุกจากไทย แต่ผู้บริหารคนดังกล่าว เปิดเผยว่า เพิ่งมาทำหน้าที่จึงทราบรายละเอียดเพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนรายละเอียดข้อกำหนดเกี่ยวกับสินค้าเป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาอยู่แล้ว
ด้านนาย บรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการ คตส. หนึ่งในคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีดังกล่าวเปิดเผยว่า การไต่สวนคดีนี้สามารถสรุปผลการไต่สวนได้ทันภายในวาระของ คตส. คือภายในเดือนมิ.ย.นี้แน่นอน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาสัญญาการซื้อขาย ว่ามีที่มาและข้อเท็จจริงอย่างไร
นอกจากนี้ยังประสานขอข้อมูลเพิ่มเติมจากทูตออสเตรีย ซึ่งเป็นพยานบุคคลที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและอดีตผู้ว่าฯ กทม.อ้างถึง โดย คตส.ได้ทำหนังสือผ่านไปยังกระทรวงการต่างประเทศตามขั้นตอนและความคุ้มครองตามเอกสิทธิ์ทางการทูตแล้ว ทั้งนี้ทูตออสเตรีย มีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบข้อซักถามของ คตส.และของนายสมัครได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จำเป็นต้องตัดพยานในส่วนนี้ออกไป
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการไต่สวนฯได้แบ่งการไต่สวนออกเป็น 2 ส่วนคือ การสรุปคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของผู้ถูกกล่าวหาเดิมทั้ง 5 ราย และการตรวจสอบสัญญาซื้อขายรวมถึงการสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 3 ราย ประกอบด้วยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ และคุณหญิงณฐนนท ทวีสิน อดีตปลัด กทม.
เมื่อถามว่า การประสานงานผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศจะได้รับความร่วมมือหรือไม่เนื่องจาก รมว.ต่างประเทศคนปัจจุบัน เป็นคนของพรรคพลังประชาชน นายบรรเจิดกล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าจะได้รับการช่วยเหลือหรือไม่ แต่ทาง คตส.ต้องทำงานไปตามระบบและขั้นตอนที่มี แต่ไม่รู้สึกหนักใจเพราะเป็นการทำงานตามหน้าที่
นายบรรเจิด ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อพันธุ์กล้ายางพารา 90 ล้านต้น ของกรมวิชาการเกษตร กล่าวถึงกรณีที่คตส.ส่งสำนวนการไต่สวนคดีดังกล่าวให้กับอัยการสูงสุดพิจารณา และอัยการสูงสุดได้ตั้งนายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าคณะทำงานว่า ตนไม่รู้สึกหวั่นไหวว่าจะซ้ำรอยคดีสลากพิเศษเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว เพราะถือเป็นหน้าที่ของอัยการ ที่จะพิจารณาตามกรอบเวลาภายใน 30 วัน และจะส่งสำนวนฟ้องต่อศาลหรือไม่ อัยการสูงสุดจะเป็นผู้พิจารณาจากเหตุและผล
นายนาม กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่14 ก.พ.ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการไต่สวนฯได้เชิญผู้บริหารระดับสูงของ บริษัทสไตเออร์ฯ มาให้ข้อมูลเกี่ยวข้องกับการซื้อขายรถและเรือดับเพลิง กับไก่ต้มสุกจากไทย แต่ผู้บริหารคนดังกล่าว เปิดเผยว่า เพิ่งมาทำหน้าที่จึงทราบรายละเอียดเพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนรายละเอียดข้อกำหนดเกี่ยวกับสินค้าเป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาอยู่แล้ว
ด้านนาย บรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการ คตส. หนึ่งในคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีดังกล่าวเปิดเผยว่า การไต่สวนคดีนี้สามารถสรุปผลการไต่สวนได้ทันภายในวาระของ คตส. คือภายในเดือนมิ.ย.นี้แน่นอน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาสัญญาการซื้อขาย ว่ามีที่มาและข้อเท็จจริงอย่างไร
นอกจากนี้ยังประสานขอข้อมูลเพิ่มเติมจากทูตออสเตรีย ซึ่งเป็นพยานบุคคลที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและอดีตผู้ว่าฯ กทม.อ้างถึง โดย คตส.ได้ทำหนังสือผ่านไปยังกระทรวงการต่างประเทศตามขั้นตอนและความคุ้มครองตามเอกสิทธิ์ทางการทูตแล้ว ทั้งนี้ทูตออสเตรีย มีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบข้อซักถามของ คตส.และของนายสมัครได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จำเป็นต้องตัดพยานในส่วนนี้ออกไป
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการไต่สวนฯได้แบ่งการไต่สวนออกเป็น 2 ส่วนคือ การสรุปคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของผู้ถูกกล่าวหาเดิมทั้ง 5 ราย และการตรวจสอบสัญญาซื้อขายรวมถึงการสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 3 ราย ประกอบด้วยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ และคุณหญิงณฐนนท ทวีสิน อดีตปลัด กทม.
เมื่อถามว่า การประสานงานผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศจะได้รับความร่วมมือหรือไม่เนื่องจาก รมว.ต่างประเทศคนปัจจุบัน เป็นคนของพรรคพลังประชาชน นายบรรเจิดกล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าจะได้รับการช่วยเหลือหรือไม่ แต่ทาง คตส.ต้องทำงานไปตามระบบและขั้นตอนที่มี แต่ไม่รู้สึกหนักใจเพราะเป็นการทำงานตามหน้าที่
นายบรรเจิด ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อพันธุ์กล้ายางพารา 90 ล้านต้น ของกรมวิชาการเกษตร กล่าวถึงกรณีที่คตส.ส่งสำนวนการไต่สวนคดีดังกล่าวให้กับอัยการสูงสุดพิจารณา และอัยการสูงสุดได้ตั้งนายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าคณะทำงานว่า ตนไม่รู้สึกหวั่นไหวว่าจะซ้ำรอยคดีสลากพิเศษเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว เพราะถือเป็นหน้าที่ของอัยการ ที่จะพิจารณาตามกรอบเวลาภายใน 30 วัน และจะส่งสำนวนฟ้องต่อศาลหรือไม่ อัยการสูงสุดจะเป็นผู้พิจารณาจากเหตุและผล
