xs
xsm
sm
md
lg

จีน: การพัฒนาและปัญหา (จบ)

เผยแพร่:   โดย: ศ.ดร.ลิขิต ธีรเวคิน

การขยับชั้นทางสังคมคือการทำให้คนในสังคมมีโอกาสเปลี่ยนสถานะ จะเกิดขึ้นต่อเมื่อระบบสังคมเปิด ไม่กีดกันศาสนาและเผ่าพันธุ์ ไม่เล่นพรรคเล่นพวกแต่ใช้ความสามารถ อันหมายถึงการมีโอกาสเข้าถึงการศึกษา เมื่อคนส่วนใหญ่มีโอกาสขยับชั้นทางสังคมก็ย่อมหมายความว่ามีสถานศึกษาหรือสถาบันการศึกษาเกิดขึ้นโดยทั่วไป

ในส่วนที่เกี่ยวกับจิตวิทยาศาสตร์นั่นคือการไม่หลงงมงายในอำนาจเหนือธรรมชาติ มีเหตุมีผลในการคิด มีตรรกที่อธิบายได้ทั้งในนามธรรมและรูปธรรม

ประการสุดท้ายคือประชากร ซึ่งออร์แกนสกี้กล่าวว่ามหาอำนาจในอดีตไม่เคยมีประชากรต่ำกว่า 30 ล้านคน แต่ประชากรนั้นต้องเป็นประโยชน์ คือมีอำนาจซื้อ มีทักษะ มีวินัย มีศีลธรรม ไม่ใช่ประชากรที่สร้างปัญหา ขาดศีลธรรม ขาดการเคารพตนเอง ฉ้อโกง ขี้เกียจ อมโรค เขลา และจน นอกจากนั้นอายุประชากรต้องป่องตรงกลางคือ ระหว่าง 16-60 ปี ประชากรอายุ 1-15 ปี ต้องไม่มากเกินไป 60 ขึ้นไปต้องมีไม่มากเกินไป เพราะตรงกลางคือผู้ผลิต ข้างล่างและข้างบนคือผู้บริโภค การคุมกำเนิดหรือการวางแผนครอบครัวต้องคำนึงถึงส่วนนี้

ตัวแปรทั้ง 5 นี้ผู้เขียนได้บอกกับนักวิชาการญี่ปุ่นเมื่อครั้งเป็นอาจารย์ที่เกียวโตหลังจากการไปเยี่ยมเยียนประเทศจีนเมื่อปี ค.ศ. 1976 ว่าจีนมีครบทุกตัวยกเว้นตัวเดียวคือวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี กล่าวคือ จีนมีระบบการเมืองที่มั่นคง มีระบบสังคมที่กรรมกรและชาวนามีโอกาสขยับชั้น ลัทธิสังคมนิยมทำลายความหลงงมงายลงไปมาก ประชากรจีน 800 ล้านคน (ในขณะนั้น) มีแผ่นดินกว้างใหญ่ มีทรัพยากรมาก เหลืออย่างเดียวคือวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ดังนั้นจีนจะเป็นคู่แข่งสำคัญของญี่ปุ่นในอนาคต นักวิชาการญี่ปุ่นไม่ค่อยเชื่อนัก แต่เมื่อเติ้ง เสี่ยวผิง เปิดประตูเมื่อสี่ทันสมัยจีนก็พัฒนาได้อย่างรวดเร็ว

ในกรณีของอินเดียนั้น ระบบการพัฒนาการเมืองเป็นประชาธิปไตย การพัฒนาเศรษฐกิจของอินเดียเกิดขึ้นโดยกลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง แต่อินเดียมีตลาดที่ใหญ่โตแม้ขายถั่วลิสงก็ร่ำรวยมหาศาล การขยับชั้นทางสังคมของอินเดียถูกจำกัด แต่กลุ่มชนชั้นสูง และคน 200 ล้านคนที่เป็นชนชั้นกลางจะเป็นตัวแปรที่สำคัญ อินเดียจึงเทียบกับจีนไม่ได้แต่ก็มีศักยภาพสูงที่จะกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ก็คือ อินเดียและจีนไม่ใช่ประเทศแบบเดิมอีกต่อไป แต่มีการกล่าวว่านอกเหนือจากสหรัฐฯ ยุโรปและญี่ปุ่นแล้ว มี 4 ประเทศที่จะเป็นมหาอำนาจอย่างแน่นอนอันได้แก่ ประเทศบริกส์ (Bric) คือ บราซิล รัสเซีย อินเดียและจีน

จีนมีปัญหาอะไรในขณะนี้ ปัญหาของจีนคือเติบโตเร็วเกินไป ความเติบโตของจีนที่ก้าวไปอย่างรวดเร็วนี้ทำให้จีนไม่มีโอกาสได้ป้องกันผลเสียที่ตามมา ในเบื้องต้นเศรษฐกิจของจีนที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วนี้นำไปสู่การสะสมเงินตราต่างประเทศอย่างมหาศาล ล้ำหน้าญี่ปุ่นและไต้หวัน การมีเงินตราต่างประเทศในการครอบครองทำให้เกิดเศรษฐกิจที่ร้อนระอุ การเปิดกว้างของธุรกิจเอกชนนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจน และการเสียดุลของภูมิภาคต่างๆ และที่สำคัญที่สุดนำไปสู่ผลเสียทางสภาพแวดล้อม สร้างวัตถุนิยมอย่างมหันต์ จนกล่าวได้ว่าจีนเป็นประเทศที่ถูกครอบงำด้วยวัตถุนิยม บริโภคนิยม และเงินตรานิยม และจากสภาวะดังกล่าวนี้ก็นำไปสู่การโหยหาสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ โดยขณะนี้สุเหร่ามัสยิดมีอยู่ 30,000 แห่งเฉพาะมณฑลซินเจียงมี 28,000 กว่าแห่ง มีวัดและศาลเจ้าอยู่ 15,000 กว่าแห่ง มีโบสถ์คริสต์ศาสนาที่ถูกต้องตามกฎหมาย 2,000 กว่าแห่ง แต่ที่ลักลอบดัดแปลงบ้านและอาคารชุดเป็นโบสถ์ก็มีจำนวนมากมาย

และที่สำคัญกว่านั้นความจำเป็นหาสิ่งยึดเหนี่ยวได้นำไปสู่ขบวนการทางศาสนา ซึ่งเลียนแบบมาจากสวนลุมพินีคือการรำมวยจีนในขบวนการที่เรียกว่า ฟาหลุนกง มีสมาชิกจำนวน 120 ล้านคน มากกว่าสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งมีประมาณ 60 กว่าล้านคน แต่ผลลบที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจจนนำไปสู่การข่มเหงรังแกประชาชนโดยผู้ที่มีความร่ำรวยกว่า เช่น โรงงานที่กดขี่ผู้รับจ้าง ข้าราชการที่รังแกประชาชน การฉ้อราษฎร์ที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง การขาดหลักยึดทั้งในทางการเมือง ทางศาสนาและทางศีลธรรม การยึดมั่นอยู่กับประเพณีเก่าๆ และค่านิยมดั้งเดิม ทำลายลูกในท้องที่เป็นเพศหญิง รวมทั้งทำให้ลูกสาวเป็นอัมพาต ผลที่ตามมาก็คือ มีจีนที่เป็นชาย 160 คน ต่อหญิง 100 คน ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาทางสังคมคือการเสียดุลระหว่างสองเพศ จะไม่มีเจ้าสาวสำหรับการแต่งงาน นโยบายลูกคนเดียวก็นำไปสู่เด็กที่มีน้ำหนักเกินอย่างมาก รวมทั้งกลายเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง เพราะทุกคนเอาใจกลายเป็นจักรพรรดิน้อยที่เสียผู้เสียคนจำนวนไม่น้อย

นัยที่สำคัญคือ เมื่อปกครองบริหารประเทศก็จะถืออำนาจบาตรใหญ่ถ้าระบบตรวจสอบมีไม่ดีพอ เมื่อเจรจาความเมืองระหว่างประเทศก็จะใช้ความเป็นมหาอำนาจและชาตินิยม และผลประโยชน์ของจีนอย่างแข็งกร้าวทำให้เกิดความตึงเครียดในการเมืองระหว่างประเทศได้ กรณีที่เห็นคือการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ 4 เขื่อน และกำลังจะสร้างอีก 10 เขื่อนในเมืองจีน ซึ่งแม่น้ำโขงไหลผ่าน เขื่อนบางเขื่อนสูงถึง 250 เมตรทำให้น้ำในแม่น้ำโขงถูกกักไว้เป็นจำนวนมาก การระเบิดเกาะแก่งในแม่น้ำโขงเพื่อการเดินเรือ การถ่ายเทน้ำมันเครื่องลงในแม่น้ำ มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม จำนวนของปลาบึกลดลง มีการสร้างที่กั้นน้ำเป็นขั้นบันไดเพื่อการไหลของแม่น้ำในแม่น้ำโขง ทั้งหลายดังกล่าวนี้จีนไม่ได้เอาใจใส่ทั้งๆ ที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่ยอมเข้าร่วมในคณะกรรมการระหว่างประเทศเกี่ยวกับแม่น้ำโขง

ถ้าจะอ่านใจจีนในปัจจุบันก็คงจะได้ว่า จีนก็คงจะหนักใจกับปัญหาภายใน เพราะผลกระทบที่มีต่อระบบสังคมนิยม จีนคงไม่สามารถจะต้านการมีระบบการเมืองแบบเปิดมากขึ้นได้ในอนาคต ผู้เขียนเคยทำนายเมื่อ 25 ปีที่แล้วว่าจีนต้องเปิดให้มีการเลือกตั้งผู้นำในหมู่บ้านและก็เกิดขึ้นแล้ว และขอทำนายต่อไปว่า ในอนาคตอันใกล้นี้จะต้องมีการเลือกผู้บริหารท้องถิ่นในเมืองใหญ่ๆ เช่น เมืองเซี่ยงไฮ้ เมืองปักกิ่ง เป็นต้น ตัวอย่างการมีสภามาจากการเลือกตั้งที่มาจากประชาชน ที่ฮ่องกงก็ดี ที่มาเก๊าก็ดี ที่ไต้หวันก็ดี จะเป็นแรงกระตุ้นให้มีการเรียกร้องการเลือกตั้งทั่วไปในที่สุด

ในส่วนของค่านิยมความเชื่อนั้น จีนพยายามฟื้นฟูศาสนาพุทธด้วยการซ่อมแซมวัดและศาลเจ้า มีการสร้างเจ้าแม่กวนอิมที่มีขนาดใหญ่มหึมาที่เกาะๆ หนึ่งไม่ไกลจากเซี่ยงไฮ้ และที่ไหหลำ และที่อื่นๆ เพื่อให้จีนเป็นประเทศที่มีภาพลักษณ์ของศาสนาพุทธเป็นหลัก อย่างน้อยก็เป็นภาพที่เสนอต่อชาวต่างประเทศ และนี่คือจุดประสงค์ที่จะแสดงออกในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกซึ่งจีนเป็นเจ้าภาพ การสร้างและการสนับสนุนทุนเพื่อการเปิดสถาบันขงจื้อ เป็นการรุกทางวัฒนธรรมของจีน รวมตลอดทั้งการฟื้นฟูวีรกรรมของขันทีชาวมองโกลชื่อเจิ้งเหอในราชวงศ์หมิง หรือที่เรียกว่า ซำปอกง ผู้เดินเรือมหาสมบัติร้อยกว่าลำด้วยลูกเรือ 28,000 กว่าคน ท่องสมุทรไปทั่วหลายทวีป ก็บ่งบอกเป็นการแสวงหามิตรไมตรี

เมื่อเร็วๆ นี้กองทัพเรือจีนได้มาเยี่ยมประเทศไทยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าวนี้คือการพยายามจะสร้างภาพจีนใหม่ ขณะเดียวกันในสองทศวรรษนี้จีนจะหลีกเลี่ยงจากการทำสงครามและความขัดแย้งเพื่อพัฒนาประเทศไปสู่ความเป็นมหาอำนาจ แต่จีนก็ต้องเผชิญปัญหาต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งภายในประเทศ ส่วนนอกประเทศนั้นจีนจะถูกกดดันให้แสดงความรับผิดชอบและมีบทบาทในเวทีการเมืองระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น เช่นในกรณีไม่เห็นด้วยกับการกระทำของทหารในพม่าตอนปราบผู้ประท้วงที่เป็นพระ เป็นต้น แต่ก็กระทำอย่างระมัดระวัง

เมื่อเศรษฐกิจของจีนผูกกับเศรษฐกิจของโลกมากยิ่งขึ้น (ส่งออกประมาณ 10-20% ของมวลรวมชาติ) การถดถอยทางเศรษฐกิจของประเทศที่จีนค้าขายด้วยเช่นสหรัฐฯ ย่อมส่งกระทบในทางลบต่อจีนอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันการพัฒนาภายในที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นก็สร้างปัญหาต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว จีนจะประสบการขาดแคลนพลังงานและวัตถุดิบซึ่งเป็นปัญหาที่จะต้องมีการจัดการ เศรษฐกิจจีนเป็นเครื่องจักรที่ร้อนและเดินไปข้างหน้า จะหยุดชะงักงันฉับพลันคงทำไม่ได้ ที่สำคัญที่สุดคือ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจที่กล่าวมานี้ย่อมส่งผลในทางลบต่อบทบาทและอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์จีน การปรับตัวในส่วนของพรรคก็ได้ทำมาแล้วในระดับหนึ่งโดยได้ยอมรับชนชั้นกระฎุมพีหรือผู้ประกอบการให้มีน้ำหนักเทียบเท่ากับชนชั้นอื่นๆ ในขณะที่ระบบจีนให้เสรีภาพส่วนตัว (personal liberty) แต่จีนยังไม่ให้เสรีภาพทางการเมือง (political freedom) อันได้แก่การมีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

เมื่อเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เจริญขึ้นเสียงเรียกร้องก็จะดังขึ้นตามลำดับ การเรียกร้องความเป็นอิสระ สิทธิเสรีภาพ ไม่สามารถจะหยุดยั้งได้ถ้าสังคมมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจการศึกษา และวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ข้อห้าม 3 ข้อของจีนในการเป็นส่วนของการสนทนาคือ T 3 ตัว อันได้แก่ เทียนอันเหมิน (กรณีนักศึกษาประท้วงและลงเอยด้วยการกวาดล้าง) กรณีไต้หวัน และกรณีทิเบต ทั้งสามกรณีเป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนทั้งสิ้น ปัญหาเรื่องสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย นี้จะเป็นปัญหาใหญ่สุดของมหาอำนาจจีนในสองทศวรรษหน้านี้
กำลังโหลดความคิดเห็น