ยะลา - กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ เตรียมฟัน ข้าราชการกรมการศาสนา กรณีผู้แสวงบุญถูกลอยแพ ในขณะไปทำพิธีฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย
จากกรณีที่เกิดปัญหาผู้แสวงบุญจากประเทศไทย จำนวน 2,350 คน ถูกลอยแพ ไม่สามารถเข้าที่พักอาศัยยังบ้านพัก อาคารดารุลฆอซซะห์ ในนครเมกกะห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยมีคณะอนุกรรมการจัดเช่าที่พัก เป็นผู้ลงนามในสัญญาเช่าพร้อมกับจ่ายเงินล่วงหน้าไปแล้ว จำนวน 65 ล้านบาท ในการเดินทางไปแสวงบุญ ในเทศกาลฮัจญ์ ประจำปี 2549 -2550
ทำให้ผู้ประกอบการฮัจญ์ ต้องนำผู้แสวงบุญ จำนวนดังกล่าว ไปเช่าอาคารที่พักใหม่ ซึ่งอยู่ไกลจากมัสยิดอัลฮาราม เกิดความเดือดร้อน ในการเดินทางไปประกอบศาสนกิจที่มัสยิด และผู้ประกอบการต้องหาเงินมาจ่ายค่าเช่าอาคารใหม่รวม 7 อาคาร เป็นเงินจำนวน 44 ล้านบาท ทำให้บริษัทผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหาย จำนวน 10 บริษัท ได้ร้องเรียนต่อคณะผู้แทนอามีรุ้ลฮัจญ์ไทย ให้ร้องเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยซาอุดีอาระเบียและกษัตริย์แห่งซาอุดีอาระเบีย นั้น
นายบูราฮานูดิน อุเซ็ง อดีตประธานอนุกรรมการดำเนินการจัดเช่าที่พัก ในเทศกาลฮัจญ์ประจำปี 2549-2550 เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าว เมื่อมีปัญหาคณะผู้แทนฮัจญ์ได้ร้องเรียนไปยังกระทรวงฮัจญ์และศาลาว่าการนครเมกกะ ติดตามเงินค่าเช่าที่พักคืนมาได้ 35 ล้านบาท และยังค้างอีก 30 ล้านบาท
ต่อมาคณะผู้แทนฮัจญ์ไทยได้ร้องเรียนไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และกษัตริย์อับดุลเลาะห์ แห่งซาอุดีอาระเบีย ขณะนี้ศาลสูงสุดนครเมกกะได้ตัดสินให้ผู้ดูแลผลประโยชน์อาคาร จ่ายเงินคืนจำนวน 20 ล้านบาทและเหลืออยู่ 10 ล้านบาท คณะผู้แทนฮัจญ์ไทยอยู่ในระหว่างกำลังฟ้องร้อง เพื่อติดตามเงินที่เหลือกลับคืนทั้งหมด จากคำสั่งศาลดังกล่าว เห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาระหว่างคู่สัญญาฝ่ายไทย กับผู้ดูแลผลประโยชน์ โดยไม่ได้เกิดจากปัญหาการปฏิบัติงานของคณะอนุกรรมการดำเนินการจัดเช่าที่แต่ประการใด
ในขณะที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบในวงราชการ ลงนามโดย พ.ต.อ.สมพงษ์ เตชะสมบูรณ์ รองผู้บังคับการฯ มีหนังสือถึงอธิบดีกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เลขที่ ตช 0026.10 5/590 ลงวันที่ 31 มกราคม 2551 ขอทราบสถานภาพข้าราชการ ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ของชาวไทยมุสลิมในประเทศไทย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
กรณีตรวจสอบพบว่านายอนุชา หะระหนี นักวิชาการศาสนาระดับ 6 ข้าราชการสังกัด กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม และบุคคลที่เป็นอนุกรรมการ ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงวัฒนธรรม และทางการราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย กำหนดไว้สำหรับการเช่าที่พักของผู้แสวงบุญชาวไทย ที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
เป็นเหตุให้ผู้แสวงบุญชาวไทยไม่สามารถเข้าพักตามสถานที่กำหนดไว้ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของคณะอนุกรรมการดำเนินการจัดเช่าที่พักสำหรับผู้แสวงบุญชาวไทยมุสลิม ในเทศกาลฮัจญ์ ประจำปี 2549 -2550 ตามคำสั่งกระทรวงวัฒนธรรม ที่ 106/2549 เพื่อสอบสวนผู้ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษกันต่อไป
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าว ซึ่งเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ประจำปี 2551 แจ้งว่า ในปีนี้ ยังเกิดปัญหาในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก ทั้งในนครมาดีนะห์ และนครเมกกะ ซึ่งมีผู้แสวงบุญได้รับความเดือดร้อน จำนวน 2,881 คน ที่ต้องไปพักอาศัยบ้านเช่าที่อยู่ไกลจากมัสยิดเป็นระยะทาง 7 กม. ซึ่งผิดหลักเกณฑ์ที่กรมการศาสนากำหนด ซึ่งปรากฏว่า กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ยังได้ส่งข้าราชการ ผู้ถูกร้องทุกข์ดังกล่าว ไปเป็นผู้แทนกรมการศาสนา ในการดูแลรับผิดชอบผู้แสวงบุญเหมือนเดิม สร้างความแปลกใจแก่บรรดาผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก