นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวภายหลังการประชุม กกต.ว่า หลังจากที่ คณะอนุกรรมการสอบสวนกรณีทุจริตเลือกตั้งเชียงราย ซึ่งมีการกล่าวหา นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎรทุจริตเลือกตั้ง ที่มีนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธานได้เข้ามาสรุปรายละเอียดของสำนวนทั้งหมดให้กกต.ฟัง ถึงลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดรวมทั้งรายละเอียดในการสอบพยาน พร้อมทั้งเอกสารสรุปสำนวน จำนวนอ 15 หน้า จากเอกสารผลการสอบสวนทั้งหมดซึ่งมีจำนวนมาก โดย ที่ประชุมได้ดูวีซีดีที่เป็นหลักฐานประกอบ จากนั้นจึงได้ให้สำเนาเอกสารทั้งหมดให้กกต. ทุกคนกลับไปศึกษาและกลับมาพิจารณาร่วมกันอีกครั้งในวันอังคารที่ 26 ก.พ.
นอกจากนี้ที่ประชุมได้พิจารณากรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้ทำหนังสือมายัง กกต.เพื่อขอให้สอบพยานเพิ่มอีก 1 ปากซึ่งเป็นนายตำรวจยศพันตำรวจ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า เนื่องจาก กกต.ต้องใช้เวลาในการพิจารณาสำนวนอีก 7 วัน จึงอนุญาตและให้อนุกรรมการไปสอบเพิ่มเติมและนำผลการสอบมารายงานต่อกกต.ในอังคารหน้า เช่นกัน สำหรับผลการสอบสวนของคณะอนุกรรมการฯนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากยังเป็นความลับทางราชการ
นายอภิชาตกล่าวว่า สำหรับวีซีดีเท่าที่ดูนั้น ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า มีการเดินทางมาของกำนันผู้ใหญ่บ้านจริงซึ่งที่ผ่านมากำนันเหล่านั้นก็ยอมรับว่าเดินทางมาจริง อย่างไรก็ตามกกต.ยังไม่มีการหารือในประเด็นนี้ แต่สำหรับความเห็นส่วนตนภายหลังการดูวีซีดี แล้วไม่เห็นว่าเป็นหลักฐานสำคัญ อะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่ากกต.จะใช้หลักในการพิจารณาให้สอบพยานเพิ่มอย่างไรเพราะอาจจะเป็นการยื้อเวลาของนายยงยุทธ นายอภิชาตกล่าวว่า คงไม่สามารถจะใช้วิธีนี้ ยื้อได้ เพราะกกต.ก็ต้องพิจารณาว่ามีความจำเป็นหรือไม่ แต่กรณีนี้เห็นว่าเมื่อกกต. ต้องขอเวลาศึกษาข้อมูลก็น่าจะให้โอกาสอีกสักหน่อยและก็เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ฉะนั้นในวันที่ 26 ก.พ. น่าจะได้ข้อยุติในเรื่องนี้ ซึ่งที่ต้องไปอ่านสำนวน เพราะมีรายละเอียดมากที่เราจะต้องไปศึกษาก่อน ซึ่งผลการพิจารณาก็จะเปิดเผยให้ทราบ แน่นอน”
ไชยวัฒน์ฟ้องกกต.จัดเลือกตั้งไม่สุจริต
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ประธานสมัชชาประชาชนภาคอีสาน กล่าวว่า ได้อาศัยอำนาจ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 245 (2) เพื่อให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาและมีคำสั่งว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ปฎิบัติหน้าที่ขัดต่อกฎหมายทำให้ ผลการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.50 ไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เนื่องจาก กกต.ได้ปล่อยให้พรรคพลังประชาชนและนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน กระทำการเป็นตัวแทนหรือเป็นนอมินีให้พรรคไทยรักไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำเนินการลงนามส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งทั่วไปทั้งที่ไม่สิทธิ์ เพราะพรรคไทยรักไทยได้ถูกยุบพรรคตามคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และห้ามกรรมการบริหารพรรค 111คนดำเนินกิจกรรมทางการเมือง
นายไชยวัฒน์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะขอให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งว่า พรรคพลังประชาชนและนายสมัครไม่มีสิทธิ์ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ไม่มีสิทธิ์ ส่งผู้สมัครส.ส.รวมทั้งขอให้เพิกถอนความเป็น ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนทั้ง ส.ส.สัดส่วนและ ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งทั้งหมด โดยให้ถือว่าบุคคลดังกล่สวไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. ทั้งนี้เพื่อให้ป็นไปตามคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ ที่ 3-5/2550 พร้อมกับจะขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาพิจารณาและทำการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการละเลย ล่าช้าในการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.และให้กกต. เร่งรัดดำเนินการตรวจสอบเรื่องความเป็นนอมินีโดยด่วน
นอกจากนี้ที่ประชุมได้พิจารณากรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้ทำหนังสือมายัง กกต.เพื่อขอให้สอบพยานเพิ่มอีก 1 ปากซึ่งเป็นนายตำรวจยศพันตำรวจ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า เนื่องจาก กกต.ต้องใช้เวลาในการพิจารณาสำนวนอีก 7 วัน จึงอนุญาตและให้อนุกรรมการไปสอบเพิ่มเติมและนำผลการสอบมารายงานต่อกกต.ในอังคารหน้า เช่นกัน สำหรับผลการสอบสวนของคณะอนุกรรมการฯนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากยังเป็นความลับทางราชการ
นายอภิชาตกล่าวว่า สำหรับวีซีดีเท่าที่ดูนั้น ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า มีการเดินทางมาของกำนันผู้ใหญ่บ้านจริงซึ่งที่ผ่านมากำนันเหล่านั้นก็ยอมรับว่าเดินทางมาจริง อย่างไรก็ตามกกต.ยังไม่มีการหารือในประเด็นนี้ แต่สำหรับความเห็นส่วนตนภายหลังการดูวีซีดี แล้วไม่เห็นว่าเป็นหลักฐานสำคัญ อะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่ากกต.จะใช้หลักในการพิจารณาให้สอบพยานเพิ่มอย่างไรเพราะอาจจะเป็นการยื้อเวลาของนายยงยุทธ นายอภิชาตกล่าวว่า คงไม่สามารถจะใช้วิธีนี้ ยื้อได้ เพราะกกต.ก็ต้องพิจารณาว่ามีความจำเป็นหรือไม่ แต่กรณีนี้เห็นว่าเมื่อกกต. ต้องขอเวลาศึกษาข้อมูลก็น่าจะให้โอกาสอีกสักหน่อยและก็เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ฉะนั้นในวันที่ 26 ก.พ. น่าจะได้ข้อยุติในเรื่องนี้ ซึ่งที่ต้องไปอ่านสำนวน เพราะมีรายละเอียดมากที่เราจะต้องไปศึกษาก่อน ซึ่งผลการพิจารณาก็จะเปิดเผยให้ทราบ แน่นอน”
ไชยวัฒน์ฟ้องกกต.จัดเลือกตั้งไม่สุจริต
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ประธานสมัชชาประชาชนภาคอีสาน กล่าวว่า ได้อาศัยอำนาจ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 245 (2) เพื่อให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาและมีคำสั่งว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ปฎิบัติหน้าที่ขัดต่อกฎหมายทำให้ ผลการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.50 ไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เนื่องจาก กกต.ได้ปล่อยให้พรรคพลังประชาชนและนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน กระทำการเป็นตัวแทนหรือเป็นนอมินีให้พรรคไทยรักไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำเนินการลงนามส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งทั่วไปทั้งที่ไม่สิทธิ์ เพราะพรรคไทยรักไทยได้ถูกยุบพรรคตามคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และห้ามกรรมการบริหารพรรค 111คนดำเนินกิจกรรมทางการเมือง
นายไชยวัฒน์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะขอให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งว่า พรรคพลังประชาชนและนายสมัครไม่มีสิทธิ์ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ไม่มีสิทธิ์ ส่งผู้สมัครส.ส.รวมทั้งขอให้เพิกถอนความเป็น ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนทั้ง ส.ส.สัดส่วนและ ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งทั้งหมด โดยให้ถือว่าบุคคลดังกล่สวไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. ทั้งนี้เพื่อให้ป็นไปตามคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ ที่ 3-5/2550 พร้อมกับจะขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาพิจารณาและทำการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการละเลย ล่าช้าในการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.และให้กกต. เร่งรัดดำเนินการตรวจสอบเรื่องความเป็นนอมินีโดยด่วน