ผู้จัดการรายวัน – “สมัคร” อ้าง “เจิมศักดิ์” เล่นสกปรกถอนรายการตัวเองแล้วมากล่าวหารัฐบาลกลั่นแกล้ง ขณะเดียวกันยังหันเล่นงานนักวิชาการอ้าขาผวาปีกขวางปรับปรุงช่อง 11 บอกทำไม่ได้ผิดกฎหมาย ลั่นพูดแบบนี้อายคนทั่วประเทศ มั่นใจทำได้ให้คอยดู ปชป.มั่นใจถอดรายการมีเบื้องหลัง ถูกกดดันทางการเมือง หวั่นจุดชนวนสร้างวิกฤติ พร้อม เตือนนายกฯแทรกแซงสื่อ ขัด รธน.มาตรา 45 รองโฆษกฯ ปชป.ให้'สมัคร' วางบทบาทให้ถูกต้องเป็นนายกฯแต่ไปปกป้อง ”ทักษิณ”
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวในรายการ 'พูดจาประสา สมัคร' ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยและวิทยุเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ วานนี้ (17 ก.พ.) ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ การถอดรายการ 'มุมมองของเจิมศักดิ์' ซึ่งจัดโดยนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ทางสถานีวิทยุวิสดอมเรดิโอ 105 เมกะเฮิรตซ์ กรมประชาสัมพันธ์ เวลา 08.00-09.00 น. ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ว่าต้องขอบคุณอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์และบริษัทฟาติมา เหตุเพราะมีคนเล่นไม่ค่อยดีกับรัฐบาลชุดนี้เริ่มต้นก็จัดการให้เสียหาย แต่อธิบดีฯและนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เขาเก่ง บอกให้บริษัทชี้แจง ทั้งบริษัทและอธิบดีฯก็ชี้แจง เรียบร้อย
“เห็นได้ชัดเลยว่าเอาไอ้ความเข้าท่ามาให้รัฐบาล ให้คนในรัฐบาล มาถึงก็ถอดถอนรายการไปเองว่าเขาโครมๆ แล้วก็ถอนรายการออกไปแล้วก็บอกว่า มีคนสั่งให้ถอน ต้องขอบคุณทั้งสองทั้งบริษัทและอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ที่ให้คนทั้งประเทศเข้าใจเลยว่าเขาเล่นสกปรกกันแบบนี้ และต้องขอบคุณรายการนี้ ที่มีช่องทางให้ผมได้มีโอกาสมาชี้แจงเรื่องพรรณอย่างนี้”นายสมัครกล่าว
'สมัคร'อัดนักวิชาการขวางปรับช่อง11
นายสมัคร ยังกล่าวถึงแนวคิดในการตั้งสถานีโทรทัศน์แห่งใหม่ว่าครั้งแรก ที่บอกจะเปิดทีวีช่องใหม่เพราะตนเกิดสนุกขึ้นมาและบอกว่าคอยดูก็แล้วกันว่าจะเป็นอย่างไร โอ้ยเท่านั้นแหละวิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่เหมือนกับตนโยนหินถามทาง วิพากษ์วิจารณ์กันน่าดู สุดท้ายตนรำคาญเต็มทีก็ชี้แจงไปว่าจะทำอย่างไร
'”ผมจะปรับปรุงช่อง 11 เป็นโมเดิ้ลอีเลฟเว่น จะทำช่องนี้ตั้งใจว่าจะทำให้ดีเลย หมายความว่าใช้เวลาตรวจสอบ 1 สัปดาห์ เขามีโฆษณาเฉพาะโลโก้ได้ไหม ไม่โฆษณาสินค้า ดูแลต่างๆหมด อันไหนที่เป็นรายการจืดชืดก็จะทำให้มันดีทันสมัย พูดชัดเจนว่าทำทีวีช่อง 11 ให้ทันสมัยและการเสนอข่าวไม่ต้องเชียร์รัฐบาล ตรงไปตรงมา ช่องไหนเขาทำกันให้ทำเหมือนกับเขาเลย แล้วรัฐบาลจะชี้แจงตัวเองอย่างไร ก็มีรายการของผมนี่ไงในวันอาทิตย์ วันหนึ่งมี 24 ชั่วโมงเอา 7 คูณ ได้เท่าไรผมใช้ชั่วโมงเดียว”
“ผมจะมานั่งด่ารัฐบาลไม่ใช่ แต่มาชี้แจง ไม่น่าเกลียดนะ พูดเอง ของเราเอง รัฐมนตรีมาออกรายการชี้แจงก็ต้องพูดเรื่องกระทรวงเรื่องงานของเขาเท่านี้พอแล้ว นอกนั้นที่ไม่ใช่รัฐมนตรีไม่ใช่นายกรัฐมนตรีว่าเลยให้ความทันสมัย ก็ยังคนมาวิพากษ์วิจารณ์อีกหาว่าควบคุมสื่อ ก็ผมให้สื่อเป็นอิสระยิ่งขึ้นและเป็นสื่อของรัฐบาลด้วยที่จะให้เป็นอิสระก็ไม่ดี ใครพูดอย่างนี้ท่านผู้ชมทั้งหลายก็ดูเอาแล้วกันมันคิดแบบอะไรยังไง”
นายสมัครกล่าวว่า ขอชี้แจงเรื่องทีวี รับรองทำได้และทำแน่ เมื่อวานพอพูดไปนักวิชาการออกมาแล้ว ทำไม่ได้ช่อง 11 ปรับปรุงไม่ได้ กฎหมายที่ออกมาครอบคลุมช่อง 11 ตนเลยบอกว่าเกินเหตุแล้วแบบนี้
”พูดไปก็อายคนทั้งประเทศเขา จะมาออกกฎหมายตัดไปช่อง ให้ไปทำยังไม่ทันจะลงมือ พอทางนี้จะทำ โอยอ้าขาผวาปีกไม่ได้ช่อง 11 อ้าวว่าปรับปรุงไมได้ ผมบอกไม่เข้าท่าอย่าออกความเห็นดีกว่าแบบนี้ คอยดูก็แล้วกันทำได้ไม่ได้ ถูกต้องตามกฎหมายด้วย “นายสมัครกล่าว
ปชป.เชื่อแบน'เจิมศักดิ์'มีเบื้องหลัง
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรีเงา กล่าวว่าการปิดรายการ 'มุมมองของเจิมศักดิ์' มีความพยายามที่จะอธิบายจากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องว่า ไม่ได้มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ตนตั้งข้อสังเกตในฐานะที่ติดตามตรวจสอบการทำงานในด้านนี้ว่า การหยุดจัดรายการของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง น่าจะเป็นการกระทำที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เพราะคงไม่มีผู้ดำเนินรายการวิทยุใดอยากจะหยุดจัดรายการที่ดำเนินมานานโดยไม่มีเหตุผล
'แม้ว่าจะไม่สามารถตรวจสอบได้ชัดเจนว่า มีการแทรกแซงจากบุคคล หรือคณะบุคคลใดหรือไม่ก็ตาม แต่การกระทำในลักษณะนี้เชื่อว่าน่าจะมีการแทรกแซงจากผู้มีอำนาจ อาจจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม จึงคิดว่ารัฐบาลควรต้องระมัดระวังว่าจะไม่ดำเนินการใด ๆ ในการเข้าไปแทรกแซง การทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม และควรเปิดโอกาสให้สื่อได้ทำหน้าที่ของตัวเองตามจรรยาบรรณอย่างเต็มที่ เพราะเมื่อใดก็ตามที่ผู้มีอำนาจเข้าไปแทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน จะเป็นจุดหรือบ่อเกิดของการนำไปสู่วิกฤติทางการเมืองของประเทศไทยเกือบทุกครั้งที่ผ่านมา ดังนั้นในฐานะฝ่ายตรวจสอบติดตามการทำงานของรัฐบาลจึงขอท้วงติงไว้ในเบื้องต้นก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย'
เตือน'สมัคร'ทำผิดรัฐธรรมนูญ
นายองอาจ การที่นายสมัคร กล่าวในรายการ 'สนทนาประสาสมัคร' โดยตำหนิสื่อที่เผยแพร่ข่าวการขึ้นเงินเดือนราชการส่งผลให้สินค้าราคาแพงว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดที่บอกว่า 'หากสื่อมวลชนไม่ลงข่าวเกี่ยวกับการขึ้นเงินเดือน มันจะเป็นจะตายหรืออย่างไร”นั้น'อยากย้ำว่าในมาตรา 45 ส่วนที่ 7 ของรัฐธรรมนูญที่ว่า ด้วยเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลและสื่อมวลชนในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี 2550 ได้ระบุไว้ชัดเจนว่าการห้ามสื่อมวลชน เสนอข่าวสาร แสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วน หรือการแทรกแซงด้วยวิธีการใด ๆ เพื่อริดรอนเสรีภาพตามมาตรานี้จะกระทำไม่ได้ ดังนั้นจึงขอเตือนนายกรัฐมนตรีว่าไม่ควรแสดงความคิดเห็นที่ส่อให้เห็นว่าขัดต่อเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญ และอยากให้นายกรัฐมนตรีเคารพการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน
'เพราะรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ชัดเจนถึงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ของบุคคลและสื่อมวลชน เพราะผมเกรงว่าคำพูดของท่านในวันนี้จะเป็นการส่งสัญญาณหรือไม่ ถึงนโยบายของรัฐบาลต่อไปในอนาคตหรือไม่ ในการที่จะพยายามเข้ามาแทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน'
ติง'หมัก'อย่าเป็นทนายแก้ต่าง"แม้ว"
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่นายสมัคร กล่าวชี้แจงแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในรายการ 'สนทนาประสาสมัคร' เป็นเรื่องไม่เหมาะสม เพราะนายสมัครมีฐานเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ไม่ได้มีฐานะเป็นนักการเมืองที่จะออกมาชี้แจงแก้ตัวให้ใคร ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่าการทำงานของนายกรัฐมนตรีต้องคอยแก้ปัญหาการแย่งตำแหน่งมากกว่าแก้ปัญหาของประเทศ
'”คุณสมัครพยายามสร้างภาพว่าเป็นผู้มีอำนาจเต็มที่สามารถกำหนดคน เข้าบริหารจัดการทั้งหมด โดยเริ่มต้นก็ออกมาพูดว่ากว่าจะได้รัฐมนตรีก็เหนื่อย หรือ แม้กระทั่งการแต่งตั้งตำแหน่งที่ปรึกษาและเลขานุการรัฐมนตรีที่บอกว่าครึ่งหนึ่ง ไม่มีความเหมาะสมจึงต้องออกมาทักท้วง รวมถึงการออกมาคัดค้าน 111 คนของพรรคไทยรักไทยที่เข้าไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ เพราะอยากทำให้ประชาชนเห็นว่ามีอำนาจในการตัดสินและพร้อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขตามที่ประชาชนเรียกร้องแต่สุดท้ายผลการแก้ไขก็ไม่ได้เป็นไปตามที่นายสมัครต ้องการ แต่ผลเป็นไปตามคนที่อยู่เบื้องหลัง ถือเป็นการสร้างภาพลดกระแสเรียกร้องของสื่อมวลชนและประชาชน”นายสาธิตกล่าว
ครป.มั่นใจถูกกดดันถึงปลด'เจิมศักดิ์'
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย ( ครป.) กล่าวว่าการถอดรายการของ อ.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง จากคลื่อนวิทยุ เอฟเอ็ม 105 นั้นน่าจะเป็นการกดดันจากฝ่ายการเมือง แม้จะไม่มีใบสั่งที่เป็นรูปธรรมแต่การประกาศจัดระเบียบสื่อของรัฐบาลทันทีที่นายจักรภพ เพ็ญแข รับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น ถือเป็นการส่งสัญญาณอย่างแจ่มแจ้งว่าถ้าสื่อแขนงใด วิพากษ์วิจารณ์หรือตรวจสอบรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาอาจโดนแบล็คลิสต์ เพราะรัฐบาลไม่มีนโยบายที่ชัดเจนโปร่งใสเป็นรูปธรรมในการจัดระเบียบสื่อ
“ผมเป็นห่วงว่า บรรยากาศแบบนี้กำลังย้อนยุคกลับไปสู่ยุคระบอบทักษิณ ที่มีการแทรกแซงและแทรกซึมสื่อสารพัดวิธีไม่ว่าจะเป็นการสั่งถอดรายการทิ้ง สั่งคุมเนื้อหา หรือใช้งบโฆษณาของหน่วยงานรัฐ และรัฐวิสาหกิจ กระทั่งกลุ่มทุน ธุรกิจการเมืองในเครือข่ายรัฐบาลต่อรองบรรดาสื่อเพื่อตัดงบหรือไม่สนับสนุน หากสื่อเหล่านั้นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างรงไปตรงมา จนทำให้สังคมไทยตกอยู่ในอาณาจักรแห่งความหวาดกลัว และสื่อต้องยอมเซ็นเซอร์ตัวเอง”
นายสุริยะใส กล่าวว่า การปรับปรุงช่อง 11 นั้น โดยหลักการ ครป.เห็นด้วยแต่รัฐบาลต้องกำหนดเป้าหมายและภารกิจให้ชัดเจน ที่สำคัญต้องสร้างการมีส่วนร่วม จากทุกภาคส่วน ปราศจากวาระซ่อนเร้น และยึดกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่ใช่ ดำเนินการตามอำเภอใจ เพื่อให้การปฏิรูปช่อง 11 เป็นประโยชน์กับสังคมส่วนใหญ่อย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงเครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาล
นอกจากนี้ ครป.เห็นว่ารัฐบาลควรจัดช่วงเวลาทางให้ผู้นำฝ่ายค้าน ได้พูดและสื่อสารกับประชาชนเช่นเดียวกับรายการ 'พูดจาประสาสมัคร'เพื่อสร้างวัฒนธรรมใหม่ ทางการเมือง ทำให้บรรยากาศการถ่วงดุลตรวจสอบ มีความเป็นเหตุเป็นผล ประการสำคัญจะทำให้ฝ่ายค้านต้องปรับตัวและทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างสร้างสรรค์มากขึ้น
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวในรายการ 'พูดจาประสา สมัคร' ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยและวิทยุเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ วานนี้ (17 ก.พ.) ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ การถอดรายการ 'มุมมองของเจิมศักดิ์' ซึ่งจัดโดยนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ทางสถานีวิทยุวิสดอมเรดิโอ 105 เมกะเฮิรตซ์ กรมประชาสัมพันธ์ เวลา 08.00-09.00 น. ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ว่าต้องขอบคุณอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์และบริษัทฟาติมา เหตุเพราะมีคนเล่นไม่ค่อยดีกับรัฐบาลชุดนี้เริ่มต้นก็จัดการให้เสียหาย แต่อธิบดีฯและนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เขาเก่ง บอกให้บริษัทชี้แจง ทั้งบริษัทและอธิบดีฯก็ชี้แจง เรียบร้อย
“เห็นได้ชัดเลยว่าเอาไอ้ความเข้าท่ามาให้รัฐบาล ให้คนในรัฐบาล มาถึงก็ถอดถอนรายการไปเองว่าเขาโครมๆ แล้วก็ถอนรายการออกไปแล้วก็บอกว่า มีคนสั่งให้ถอน ต้องขอบคุณทั้งสองทั้งบริษัทและอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ที่ให้คนทั้งประเทศเข้าใจเลยว่าเขาเล่นสกปรกกันแบบนี้ และต้องขอบคุณรายการนี้ ที่มีช่องทางให้ผมได้มีโอกาสมาชี้แจงเรื่องพรรณอย่างนี้”นายสมัครกล่าว
'สมัคร'อัดนักวิชาการขวางปรับช่อง11
นายสมัคร ยังกล่าวถึงแนวคิดในการตั้งสถานีโทรทัศน์แห่งใหม่ว่าครั้งแรก ที่บอกจะเปิดทีวีช่องใหม่เพราะตนเกิดสนุกขึ้นมาและบอกว่าคอยดูก็แล้วกันว่าจะเป็นอย่างไร โอ้ยเท่านั้นแหละวิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่เหมือนกับตนโยนหินถามทาง วิพากษ์วิจารณ์กันน่าดู สุดท้ายตนรำคาญเต็มทีก็ชี้แจงไปว่าจะทำอย่างไร
'”ผมจะปรับปรุงช่อง 11 เป็นโมเดิ้ลอีเลฟเว่น จะทำช่องนี้ตั้งใจว่าจะทำให้ดีเลย หมายความว่าใช้เวลาตรวจสอบ 1 สัปดาห์ เขามีโฆษณาเฉพาะโลโก้ได้ไหม ไม่โฆษณาสินค้า ดูแลต่างๆหมด อันไหนที่เป็นรายการจืดชืดก็จะทำให้มันดีทันสมัย พูดชัดเจนว่าทำทีวีช่อง 11 ให้ทันสมัยและการเสนอข่าวไม่ต้องเชียร์รัฐบาล ตรงไปตรงมา ช่องไหนเขาทำกันให้ทำเหมือนกับเขาเลย แล้วรัฐบาลจะชี้แจงตัวเองอย่างไร ก็มีรายการของผมนี่ไงในวันอาทิตย์ วันหนึ่งมี 24 ชั่วโมงเอา 7 คูณ ได้เท่าไรผมใช้ชั่วโมงเดียว”
“ผมจะมานั่งด่ารัฐบาลไม่ใช่ แต่มาชี้แจง ไม่น่าเกลียดนะ พูดเอง ของเราเอง รัฐมนตรีมาออกรายการชี้แจงก็ต้องพูดเรื่องกระทรวงเรื่องงานของเขาเท่านี้พอแล้ว นอกนั้นที่ไม่ใช่รัฐมนตรีไม่ใช่นายกรัฐมนตรีว่าเลยให้ความทันสมัย ก็ยังคนมาวิพากษ์วิจารณ์อีกหาว่าควบคุมสื่อ ก็ผมให้สื่อเป็นอิสระยิ่งขึ้นและเป็นสื่อของรัฐบาลด้วยที่จะให้เป็นอิสระก็ไม่ดี ใครพูดอย่างนี้ท่านผู้ชมทั้งหลายก็ดูเอาแล้วกันมันคิดแบบอะไรยังไง”
นายสมัครกล่าวว่า ขอชี้แจงเรื่องทีวี รับรองทำได้และทำแน่ เมื่อวานพอพูดไปนักวิชาการออกมาแล้ว ทำไม่ได้ช่อง 11 ปรับปรุงไม่ได้ กฎหมายที่ออกมาครอบคลุมช่อง 11 ตนเลยบอกว่าเกินเหตุแล้วแบบนี้
”พูดไปก็อายคนทั้งประเทศเขา จะมาออกกฎหมายตัดไปช่อง ให้ไปทำยังไม่ทันจะลงมือ พอทางนี้จะทำ โอยอ้าขาผวาปีกไม่ได้ช่อง 11 อ้าวว่าปรับปรุงไมได้ ผมบอกไม่เข้าท่าอย่าออกความเห็นดีกว่าแบบนี้ คอยดูก็แล้วกันทำได้ไม่ได้ ถูกต้องตามกฎหมายด้วย “นายสมัครกล่าว
ปชป.เชื่อแบน'เจิมศักดิ์'มีเบื้องหลัง
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรีเงา กล่าวว่าการปิดรายการ 'มุมมองของเจิมศักดิ์' มีความพยายามที่จะอธิบายจากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องว่า ไม่ได้มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ตนตั้งข้อสังเกตในฐานะที่ติดตามตรวจสอบการทำงานในด้านนี้ว่า การหยุดจัดรายการของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง น่าจะเป็นการกระทำที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เพราะคงไม่มีผู้ดำเนินรายการวิทยุใดอยากจะหยุดจัดรายการที่ดำเนินมานานโดยไม่มีเหตุผล
'แม้ว่าจะไม่สามารถตรวจสอบได้ชัดเจนว่า มีการแทรกแซงจากบุคคล หรือคณะบุคคลใดหรือไม่ก็ตาม แต่การกระทำในลักษณะนี้เชื่อว่าน่าจะมีการแทรกแซงจากผู้มีอำนาจ อาจจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม จึงคิดว่ารัฐบาลควรต้องระมัดระวังว่าจะไม่ดำเนินการใด ๆ ในการเข้าไปแทรกแซง การทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม และควรเปิดโอกาสให้สื่อได้ทำหน้าที่ของตัวเองตามจรรยาบรรณอย่างเต็มที่ เพราะเมื่อใดก็ตามที่ผู้มีอำนาจเข้าไปแทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน จะเป็นจุดหรือบ่อเกิดของการนำไปสู่วิกฤติทางการเมืองของประเทศไทยเกือบทุกครั้งที่ผ่านมา ดังนั้นในฐานะฝ่ายตรวจสอบติดตามการทำงานของรัฐบาลจึงขอท้วงติงไว้ในเบื้องต้นก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย'
เตือน'สมัคร'ทำผิดรัฐธรรมนูญ
นายองอาจ การที่นายสมัคร กล่าวในรายการ 'สนทนาประสาสมัคร' โดยตำหนิสื่อที่เผยแพร่ข่าวการขึ้นเงินเดือนราชการส่งผลให้สินค้าราคาแพงว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดที่บอกว่า 'หากสื่อมวลชนไม่ลงข่าวเกี่ยวกับการขึ้นเงินเดือน มันจะเป็นจะตายหรืออย่างไร”นั้น'อยากย้ำว่าในมาตรา 45 ส่วนที่ 7 ของรัฐธรรมนูญที่ว่า ด้วยเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลและสื่อมวลชนในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี 2550 ได้ระบุไว้ชัดเจนว่าการห้ามสื่อมวลชน เสนอข่าวสาร แสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วน หรือการแทรกแซงด้วยวิธีการใด ๆ เพื่อริดรอนเสรีภาพตามมาตรานี้จะกระทำไม่ได้ ดังนั้นจึงขอเตือนนายกรัฐมนตรีว่าไม่ควรแสดงความคิดเห็นที่ส่อให้เห็นว่าขัดต่อเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญ และอยากให้นายกรัฐมนตรีเคารพการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน
'เพราะรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ชัดเจนถึงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ของบุคคลและสื่อมวลชน เพราะผมเกรงว่าคำพูดของท่านในวันนี้จะเป็นการส่งสัญญาณหรือไม่ ถึงนโยบายของรัฐบาลต่อไปในอนาคตหรือไม่ ในการที่จะพยายามเข้ามาแทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชน'
ติง'หมัก'อย่าเป็นทนายแก้ต่าง"แม้ว"
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่นายสมัคร กล่าวชี้แจงแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในรายการ 'สนทนาประสาสมัคร' เป็นเรื่องไม่เหมาะสม เพราะนายสมัครมีฐานเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ไม่ได้มีฐานะเป็นนักการเมืองที่จะออกมาชี้แจงแก้ตัวให้ใคร ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่าการทำงานของนายกรัฐมนตรีต้องคอยแก้ปัญหาการแย่งตำแหน่งมากกว่าแก้ปัญหาของประเทศ
'”คุณสมัครพยายามสร้างภาพว่าเป็นผู้มีอำนาจเต็มที่สามารถกำหนดคน เข้าบริหารจัดการทั้งหมด โดยเริ่มต้นก็ออกมาพูดว่ากว่าจะได้รัฐมนตรีก็เหนื่อย หรือ แม้กระทั่งการแต่งตั้งตำแหน่งที่ปรึกษาและเลขานุการรัฐมนตรีที่บอกว่าครึ่งหนึ่ง ไม่มีความเหมาะสมจึงต้องออกมาทักท้วง รวมถึงการออกมาคัดค้าน 111 คนของพรรคไทยรักไทยที่เข้าไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ เพราะอยากทำให้ประชาชนเห็นว่ามีอำนาจในการตัดสินและพร้อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขตามที่ประชาชนเรียกร้องแต่สุดท้ายผลการแก้ไขก็ไม่ได้เป็นไปตามที่นายสมัครต ้องการ แต่ผลเป็นไปตามคนที่อยู่เบื้องหลัง ถือเป็นการสร้างภาพลดกระแสเรียกร้องของสื่อมวลชนและประชาชน”นายสาธิตกล่าว
ครป.มั่นใจถูกกดดันถึงปลด'เจิมศักดิ์'
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย ( ครป.) กล่าวว่าการถอดรายการของ อ.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง จากคลื่อนวิทยุ เอฟเอ็ม 105 นั้นน่าจะเป็นการกดดันจากฝ่ายการเมือง แม้จะไม่มีใบสั่งที่เป็นรูปธรรมแต่การประกาศจัดระเบียบสื่อของรัฐบาลทันทีที่นายจักรภพ เพ็ญแข รับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น ถือเป็นการส่งสัญญาณอย่างแจ่มแจ้งว่าถ้าสื่อแขนงใด วิพากษ์วิจารณ์หรือตรวจสอบรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาอาจโดนแบล็คลิสต์ เพราะรัฐบาลไม่มีนโยบายที่ชัดเจนโปร่งใสเป็นรูปธรรมในการจัดระเบียบสื่อ
“ผมเป็นห่วงว่า บรรยากาศแบบนี้กำลังย้อนยุคกลับไปสู่ยุคระบอบทักษิณ ที่มีการแทรกแซงและแทรกซึมสื่อสารพัดวิธีไม่ว่าจะเป็นการสั่งถอดรายการทิ้ง สั่งคุมเนื้อหา หรือใช้งบโฆษณาของหน่วยงานรัฐ และรัฐวิสาหกิจ กระทั่งกลุ่มทุน ธุรกิจการเมืองในเครือข่ายรัฐบาลต่อรองบรรดาสื่อเพื่อตัดงบหรือไม่สนับสนุน หากสื่อเหล่านั้นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างรงไปตรงมา จนทำให้สังคมไทยตกอยู่ในอาณาจักรแห่งความหวาดกลัว และสื่อต้องยอมเซ็นเซอร์ตัวเอง”
นายสุริยะใส กล่าวว่า การปรับปรุงช่อง 11 นั้น โดยหลักการ ครป.เห็นด้วยแต่รัฐบาลต้องกำหนดเป้าหมายและภารกิจให้ชัดเจน ที่สำคัญต้องสร้างการมีส่วนร่วม จากทุกภาคส่วน ปราศจากวาระซ่อนเร้น และยึดกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่ใช่ ดำเนินการตามอำเภอใจ เพื่อให้การปฏิรูปช่อง 11 เป็นประโยชน์กับสังคมส่วนใหญ่อย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงเครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาล
นอกจากนี้ ครป.เห็นว่ารัฐบาลควรจัดช่วงเวลาทางให้ผู้นำฝ่ายค้าน ได้พูดและสื่อสารกับประชาชนเช่นเดียวกับรายการ 'พูดจาประสาสมัคร'เพื่อสร้างวัฒนธรรมใหม่ ทางการเมือง ทำให้บรรยากาศการถ่วงดุลตรวจสอบ มีความเป็นเหตุเป็นผล ประการสำคัญจะทำให้ฝ่ายค้านต้องปรับตัวและทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างสร้างสรรค์มากขึ้น