ผู้จัดการรายวัน – ด้วยความที่เป็นคนช่างสังเกต แม้ไม่ได้เป็นพนักงานฝ่ายการผลิตก็ตาม ทำให้ประสบการณ์จากการทำงานดูแลด้านบัญชี ธุรกิจของครอบครัว ทำให้เกิดผู้ประกอบการใหม่ ที่สามารถต่อยอดธุรกิจของครอบครัวให้กลายเป็นธุรกิจของตัวเอง จากเยลลี่ธรรมดา เป็นเยลลี่สมุนไพร เพื่อสุขภาพ
กัญชพร เมธเมาลี เจ้าของธุรกิจเยลลี่สมุนไพร แบรนด์ ดี.โอ.ฟูดส์ เล่าว่า ธุรกิจนี้ถือเป็นธุรกิจที่ต่อยอดมาจากธุรกิจของครอบครัว ที่ทำเยลลี่ มานานหลายปี ซึ่งกัญชพร ก็ได้มีโอกาสเข้าไปช่วยเหลือในการดูแลบัญชี ส่วนในเรื่องกระบวนการผลิตไม่ได้เข้าไปคลุกคลีมากนัก แต่ก็ถือว่ามีความได้เปรียบกว่าผู้ประกอบการายอื่นที่คิดจะผลิตเยลลี่ขาย
“เมื่อเราคิดที่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ก็อยากเริ่มจากงานที่เรามีความรู้พื้นฐาน คือ การทำเยลลี่ แต่ต้องการทำให้มีความแตกต่าง จึงได้เข้าไปปรึกษากับทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อขอแนวคิดในการเริ่มต้นธุรกิจ สุดท้ายจึงมาลงตัวที่เยลลี่สมุนไพร เพื่อสุขภาพ เพราะที่ผ่านมาในท้องตลาดมีเพียงเยลลี่แบบธรรมดา ดังนั้นจึงคิดว่าหากเพิ่มคุณค่าให้กับเยลลี่ด้วยสมุนไพร น่าจะมีความเป็นไปได้ในทางการตลาด”
ในช่วงแรกกัญธพร ได้เริ่มจากการนำสมุนไพรทั่วๆ ไปที่รู้จักกันดี เช่น เก็กฮวย หล่อฮั่งก้วย ชาเชียว และผลไม้รวม เป็นต้น ซึ่งรสชาติยังไม่เหมือนอย่างในปัจจุบัน แต่ก็ได้มีการปรับปรุงแก้ไขรสชาติเรื่อยมา จนกระทั่งไปได้มีโอกาสไปเปิดตัวสินค้าเยลลี่สมุนไพร ในงานเกี่ยวกับอาหาร ที่ไบเทค บางนา โดยเป็นการแนะนำของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งๆ ที่ในช่วงนั้นยังไม่มีแม้แต่สติ๊กเกอร์ที่จะติดลงบนแพคเกจ ก็รีบทำจนสำเร็จทันออกงานแสดงสินค้า ผลปรากฏว่ามีลูกค้าสนใจเป็นจำนวนมาก ผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ทำให้ในวันท้ายๆ ของงานต้องแจกเพียงนามบัตร และเบอร์ติดต่อให้กับลูกค้าเท่านั้น
“เมื่อเราเห็นความเป็นไปได้ทางการตลาดของธุรกิจเยลลี่สมุนไพรแล้ว จึงคิดที่จำพัฒนารสชาติอื่นๆ ขึ้นมาอีก ทำให้ขณะนี้มีรสชาติรวม 9 รสชาติแล้ว โดยเพิ่มจากรสชาติเดิมขึ้นอีก 5 รส คือ กระเจี๊ยบ ชามะนาว ลิ้นจี่ ส้ม และสับปะรด ซึ่งในเรื่องของวัตถุดิบเราก็มีการคัดสรรเป็นพิเศษเช่นกัน ไม่แพ้ความตั้งใจที่จะพยายามให้เด็กได้รับประทานขนมที่เพิ่มคุณประโยชน์ขึ้นมาเท่านั้น เช่น กระเจี๊ยบ ก็สั่งมาจาก จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งกระเจี๊ยบจะมีความหอมแบบธรรมชาติ ส่วนชาเขียว มาจาก จ.กาญจนบุรี และหล่อฮั่งก้วย จะคัดเลือกลูกแก่ๆ เพื่อให้ได้รสชาติ และความหอมมากที่สุด”
ส่วนราคาขายปลีกจะอยู่ที่ถ้วยละ 10 บาท ซึ่งถึงแม้จะเป็นราคาที่ไม่แพงนัก แต่สำหรับชาวบ้านที่ช่วยในขั้นตอนการผลิตถือว่าเป็นการสร้างรายได้เสริมเป็นอย่างดี โดยตกคนละ 4,000-5,000 บาท/เดือน โดยมีสมาชิกในกลุ่มประมาณ 4-5 คน ที่ร่วมกันพัฒนาสินค้าคนได้รับรางวัลโอทอประดับ 5 ดาว รวมถึงยังได้รับการการันตีในเรื่องความสะอาดและปลอดภัยของขนมจากองค์การอาหารและยา (อย.) ที่ไม่มีการวัตถุกันเสีย หรือสารใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้เยลลี่สมุนไพรเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 3 สัปดาห์
“เรื่องความสะอาดของขนม และคุณภาพต้องการก่อน เพราะเราขายขนมให้กับเด็กเป็นส่วนใหญ่ โดยเป็นการส่งขายตามโรงเรียนในละแวกเขตบางรัก แบ่งเป็นการขายส่งตามโรงเรียนประมาณ 80% และมีผู้รับไปจำหน่ายต่ออีก 20% โดยที่ผ่านมามีผู้สนใจขอเรียนเพื่อนำไปทำเป็นอาชีพ แต่ยังไม่พร้อมในเรื่องของสถานที่เรียน และบุคคลากร ที่ขณะนี้ได้ทุ่มเทเวลาให้กับขึ้นตอนการผลิตประมาณ 10,000 ถ้วย/วัน”
สำหรับแผนธุรกิจในอนาคตทางเยลลี่สมุนไพร ตั้งใจจะขยายธุรกิจด้วยระบบแฟรนไชส์ โดยเป็นการให้แฟรนไชส์ซีผลิตเอง เพื่อจำหน่ายต่อไป
สนใจติดต่อ 08-1646-4612, 08-9073-0452 หรือ0-2211-6998
กัญชพร เมธเมาลี เจ้าของธุรกิจเยลลี่สมุนไพร แบรนด์ ดี.โอ.ฟูดส์ เล่าว่า ธุรกิจนี้ถือเป็นธุรกิจที่ต่อยอดมาจากธุรกิจของครอบครัว ที่ทำเยลลี่ มานานหลายปี ซึ่งกัญชพร ก็ได้มีโอกาสเข้าไปช่วยเหลือในการดูแลบัญชี ส่วนในเรื่องกระบวนการผลิตไม่ได้เข้าไปคลุกคลีมากนัก แต่ก็ถือว่ามีความได้เปรียบกว่าผู้ประกอบการายอื่นที่คิดจะผลิตเยลลี่ขาย
“เมื่อเราคิดที่จะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ก็อยากเริ่มจากงานที่เรามีความรู้พื้นฐาน คือ การทำเยลลี่ แต่ต้องการทำให้มีความแตกต่าง จึงได้เข้าไปปรึกษากับทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อขอแนวคิดในการเริ่มต้นธุรกิจ สุดท้ายจึงมาลงตัวที่เยลลี่สมุนไพร เพื่อสุขภาพ เพราะที่ผ่านมาในท้องตลาดมีเพียงเยลลี่แบบธรรมดา ดังนั้นจึงคิดว่าหากเพิ่มคุณค่าให้กับเยลลี่ด้วยสมุนไพร น่าจะมีความเป็นไปได้ในทางการตลาด”
ในช่วงแรกกัญธพร ได้เริ่มจากการนำสมุนไพรทั่วๆ ไปที่รู้จักกันดี เช่น เก็กฮวย หล่อฮั่งก้วย ชาเชียว และผลไม้รวม เป็นต้น ซึ่งรสชาติยังไม่เหมือนอย่างในปัจจุบัน แต่ก็ได้มีการปรับปรุงแก้ไขรสชาติเรื่อยมา จนกระทั่งไปได้มีโอกาสไปเปิดตัวสินค้าเยลลี่สมุนไพร ในงานเกี่ยวกับอาหาร ที่ไบเทค บางนา โดยเป็นการแนะนำของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งๆ ที่ในช่วงนั้นยังไม่มีแม้แต่สติ๊กเกอร์ที่จะติดลงบนแพคเกจ ก็รีบทำจนสำเร็จทันออกงานแสดงสินค้า ผลปรากฏว่ามีลูกค้าสนใจเป็นจำนวนมาก ผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ทำให้ในวันท้ายๆ ของงานต้องแจกเพียงนามบัตร และเบอร์ติดต่อให้กับลูกค้าเท่านั้น
“เมื่อเราเห็นความเป็นไปได้ทางการตลาดของธุรกิจเยลลี่สมุนไพรแล้ว จึงคิดที่จำพัฒนารสชาติอื่นๆ ขึ้นมาอีก ทำให้ขณะนี้มีรสชาติรวม 9 รสชาติแล้ว โดยเพิ่มจากรสชาติเดิมขึ้นอีก 5 รส คือ กระเจี๊ยบ ชามะนาว ลิ้นจี่ ส้ม และสับปะรด ซึ่งในเรื่องของวัตถุดิบเราก็มีการคัดสรรเป็นพิเศษเช่นกัน ไม่แพ้ความตั้งใจที่จะพยายามให้เด็กได้รับประทานขนมที่เพิ่มคุณประโยชน์ขึ้นมาเท่านั้น เช่น กระเจี๊ยบ ก็สั่งมาจาก จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งกระเจี๊ยบจะมีความหอมแบบธรรมชาติ ส่วนชาเขียว มาจาก จ.กาญจนบุรี และหล่อฮั่งก้วย จะคัดเลือกลูกแก่ๆ เพื่อให้ได้รสชาติ และความหอมมากที่สุด”
ส่วนราคาขายปลีกจะอยู่ที่ถ้วยละ 10 บาท ซึ่งถึงแม้จะเป็นราคาที่ไม่แพงนัก แต่สำหรับชาวบ้านที่ช่วยในขั้นตอนการผลิตถือว่าเป็นการสร้างรายได้เสริมเป็นอย่างดี โดยตกคนละ 4,000-5,000 บาท/เดือน โดยมีสมาชิกในกลุ่มประมาณ 4-5 คน ที่ร่วมกันพัฒนาสินค้าคนได้รับรางวัลโอทอประดับ 5 ดาว รวมถึงยังได้รับการการันตีในเรื่องความสะอาดและปลอดภัยของขนมจากองค์การอาหารและยา (อย.) ที่ไม่มีการวัตถุกันเสีย หรือสารใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้เยลลี่สมุนไพรเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 3 สัปดาห์
“เรื่องความสะอาดของขนม และคุณภาพต้องการก่อน เพราะเราขายขนมให้กับเด็กเป็นส่วนใหญ่ โดยเป็นการส่งขายตามโรงเรียนในละแวกเขตบางรัก แบ่งเป็นการขายส่งตามโรงเรียนประมาณ 80% และมีผู้รับไปจำหน่ายต่ออีก 20% โดยที่ผ่านมามีผู้สนใจขอเรียนเพื่อนำไปทำเป็นอาชีพ แต่ยังไม่พร้อมในเรื่องของสถานที่เรียน และบุคคลากร ที่ขณะนี้ได้ทุ่มเทเวลาให้กับขึ้นตอนการผลิตประมาณ 10,000 ถ้วย/วัน”
สำหรับแผนธุรกิจในอนาคตทางเยลลี่สมุนไพร ตั้งใจจะขยายธุรกิจด้วยระบบแฟรนไชส์ โดยเป็นการให้แฟรนไชส์ซีผลิตเอง เพื่อจำหน่ายต่อไป
สนใจติดต่อ 08-1646-4612, 08-9073-0452 หรือ0-2211-6998