ผู้จัดการรายวัน-“สันติ-ทรงศักดิ์”ประสานเสียงเร่งจ่ายชดเชยเสียงสุวรรณภูมิ “สันติ”ยันรัฐบาลเลือกตั้งจริงใจช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน ขู่ชาวบ้านปล่อยโคมเอาผิดจริง คมนาคมสั่งบขส.ตรึงค่าโดยสาร 1 ไตรมาส บรรเทาภาระประชาชนยุคของแพงและช่วงสงกรานต์ ชี้ปัจจุบันบขส.มีกำไรอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องขึ้ราคา ประกาศตรึงถึง 30 เม.ย ..
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังร่วมรับฟังปัญหาของชุมชนที่ได้รับผลกระทบทางเสียงรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ในที่ประชุมคณะกรรมการไตรภาคีที่มีนายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธานวานนี้ (14 ก.พ.) ว่า ได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจ่ายเงินชดเชยให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบทางเสียงดังเกิน 70 เดซิเบล (NEFมากกว่า 40) ที่อยู่ในกรอบเงื่อนไขของกฎระเบียบและกฎหมาย หากติดขัด ปัญหาในส่วนใดพร้อมที่จะลงไปสั่งการแก้ไขเพื่อเร่งให้มีการเบิกจ่ายเงินได้โดยเร็วที่สุด หลังรัฐบาลแถลงนโยบายการทำงานในวันที่ 18 ก.พ.นี้ จะมีกรอบทางออกที่ชัดเจน
โดยได้ให้แนวทางการทำงานกับคณะกรรมการไตรภาคีว่าจะต้องยึดหลักให้ความเป็นธรรมกับทั้งฝ่ายของชุมชนที่เดือนร้อนและเจ้าหน้าที่รวมทั้งขั้นตอนดำเนินการจะต้องโปร่งใสและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง เพราะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จึงพร้อมที่จะดำเนินการทุกอย่างเพื่อดูแลความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งจะต่างจากรัฐบาลที่ผ่านมาและไม่กลัวว่าจะถูกเช็กบิล
ด้านนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากการรับฟังปัญหาเรื่องการให้ความช่วยเหลือกับผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเสียงรอบสนามบินสุวรรณภูมิเกิดจากความไม่ลงตัวในหลายเรื่อง และยังไม่เป็นที่ยอมรับของชาวบ้าน เช่น การกำหนดแนวเส้นเสียง การประเมินเงินค่าชดเชยและระยะเวลาในการดำเนินการที่เบ็ดเสร็จไม่ชัดเจน ซึ่งในภาพรวมไม่รู้สึกหนักใจกับปัญหานี้ เพราะหลักการการแก้ปัญหาจะต้องกำหนดกติกาที่เป็นธรรมกับ ทอท.และชาวบ้าน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยอมรับก่อน จากนั้นก็ดำเนินตามกติกา เชื่อว่าหลังจากที่รัฐบาลแถลงนโยบายการทำงานแล้วจะมีกรอบการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ กล่าวว่า ปัญหา คือมีมติคณะรัฐมนตรีอนุมติให้จ่ายค่าชดเชยโดยไม่หักค่าเสื่อมราคาและให้คิดรวมค่าการตลาด แต่ในทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่ ทอท.ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะขัดกับกฎหมาย ดังนั้นแม้จะตกลงกันได้ แต่การเบิกจ่ายต้องชะลอไว้ก่อน เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาถูกตรวจสอบภายหลัง จึงเสนอทางออกให้ตกลงค่าชดเชยตามราคาประเมินจริงไปก่อน ส่วนค่าเสื่อมและค่าการตลาดให้เขียนแนบท้ายว่าเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการไตรภาคีจะพิจารณาหาทางจ่ายเพิ่มในภายหลังโดยขณะนี้ชาวบ้านกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบทางเสียงดังเกิน NEF มากกว่า 40 และอยู่อาศัยก่อนปี 2544 มี 766 ราย สามารถตกลงเรื่องราคาค่าชดเชยได้ 503 ราย
นายชัยสวัสดิ์ กล่าวว่า รมว.คมนาคมเร่งรัดให้แก้ไขเปัญหาที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับการจ่ายเงินชดเชยให้กับชาวบ้าน ส่วนที่ชาวบ้านบางส่วนประกาศจะปล่อยโคมลอยเพื่อก่อกวนทางการบินนั้น เรื่องนี้ทางกรมการขนส่งทางอากาศผู้ดูแลรับผิดชอบยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 232 และหากกระทำโดยเจตนา ผู้ที่กระทำผิด มีโทษจำคุก ตั้งแต่ 6 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่1,000 บาทถึง14,000 บาท หรือผิดตามมาตรา 239 ซึ่งเป็นการกระทำโดยประ มาท ผู้กระทำผิดจะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สั่งตรึงราคาบขส.อีก3เดือน
นายสันติ กล่าวต่อไปว่า ได้ให้นโยบายกับบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ในการตรึงอัตราค่าโดยสารออกไปอีกอย่างน้อย 1 ไตรมาส เพื่อบรรเทาภาระความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงนี้รวมถึงต้องการให้เลยจากเทศกาลสงกรานต์ออกไปก่อน จากนั้นค่อยมาพิจารณาอีกครั้งโดยเฉพาะปัจจัยต้นทุนราคาน้ำมัน ซึ่งจากที่บขส.รายงานพบว่า ปัจจุบัน บขส.ยังคงมีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ประมาณ 1.4 ล้านบาทต่อเดือน การปรับขึ้นค่าโดยสารจะทำให้บขส.มีกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 3.2 ล้านบาทต่อเดือนดังนั้นตนจึงเห็นว่า การที่บขส.ไม่ขึ้นค่าโดยสารในขณะนี้ไม่ได้ผลกระทบอะไร เพราะบขส.ยังมีกำไรอยู่ก็สมควรที่จะตรึงราคาไปก่อนระยะหนึ่ง
ส่วนองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นั้น นายสันติกล่าวว่า แนวโน้มของนโยบายต้องการให้ตรึงค่าโดยสารออกไปก่อนเช่นเดียวกับบขส. ซึ่ง ขสมก.นั้นผลประกอบการไม่เหมือนบขส.ดังนั้นจะขอดูข้อมูลทั้งหมดก่อนพิจารณา
ด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า จากที่กระทรวงคมนาคม มีนโยบายชะลอการปรับขึ้นค่าโดยสารซึ่งเดิม บขส.มีกำหนดการจะปรับราคาอีก 3 สตางค์ต่อกิโลเมตรโดยมีผล วันนี้ (15 ก.พ.) นั้น บขส.ได้นำนโยบายเสนอและหารือกับคณะกรรมการ บขส. สรุปว่า บขส.จะตรึงค่าโดยสารไปจนถึงถึงวันที่ 30 เม.ย. 2551 เพื่อให้เลยเทศกาลสงกรานต์ จากนั้นจะมีการพิจารณาอีกครั้งว่า ปัจจัยด้านราคาน้ำมันขณะนั้นกับ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมว่า จำเป็นต้องปรับราคาค่าโดยสารหรือไม่
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังร่วมรับฟังปัญหาของชุมชนที่ได้รับผลกระทบทางเสียงรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ในที่ประชุมคณะกรรมการไตรภาคีที่มีนายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธานวานนี้ (14 ก.พ.) ว่า ได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจ่ายเงินชดเชยให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบทางเสียงดังเกิน 70 เดซิเบล (NEFมากกว่า 40) ที่อยู่ในกรอบเงื่อนไขของกฎระเบียบและกฎหมาย หากติดขัด ปัญหาในส่วนใดพร้อมที่จะลงไปสั่งการแก้ไขเพื่อเร่งให้มีการเบิกจ่ายเงินได้โดยเร็วที่สุด หลังรัฐบาลแถลงนโยบายการทำงานในวันที่ 18 ก.พ.นี้ จะมีกรอบทางออกที่ชัดเจน
โดยได้ให้แนวทางการทำงานกับคณะกรรมการไตรภาคีว่าจะต้องยึดหลักให้ความเป็นธรรมกับทั้งฝ่ายของชุมชนที่เดือนร้อนและเจ้าหน้าที่รวมทั้งขั้นตอนดำเนินการจะต้องโปร่งใสและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง เพราะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จึงพร้อมที่จะดำเนินการทุกอย่างเพื่อดูแลความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งจะต่างจากรัฐบาลที่ผ่านมาและไม่กลัวว่าจะถูกเช็กบิล
ด้านนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากการรับฟังปัญหาเรื่องการให้ความช่วยเหลือกับผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเสียงรอบสนามบินสุวรรณภูมิเกิดจากความไม่ลงตัวในหลายเรื่อง และยังไม่เป็นที่ยอมรับของชาวบ้าน เช่น การกำหนดแนวเส้นเสียง การประเมินเงินค่าชดเชยและระยะเวลาในการดำเนินการที่เบ็ดเสร็จไม่ชัดเจน ซึ่งในภาพรวมไม่รู้สึกหนักใจกับปัญหานี้ เพราะหลักการการแก้ปัญหาจะต้องกำหนดกติกาที่เป็นธรรมกับ ทอท.และชาวบ้าน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยอมรับก่อน จากนั้นก็ดำเนินตามกติกา เชื่อว่าหลังจากที่รัฐบาลแถลงนโยบายการทำงานแล้วจะมีกรอบการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ กล่าวว่า ปัญหา คือมีมติคณะรัฐมนตรีอนุมติให้จ่ายค่าชดเชยโดยไม่หักค่าเสื่อมราคาและให้คิดรวมค่าการตลาด แต่ในทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่ ทอท.ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะขัดกับกฎหมาย ดังนั้นแม้จะตกลงกันได้ แต่การเบิกจ่ายต้องชะลอไว้ก่อน เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาถูกตรวจสอบภายหลัง จึงเสนอทางออกให้ตกลงค่าชดเชยตามราคาประเมินจริงไปก่อน ส่วนค่าเสื่อมและค่าการตลาดให้เขียนแนบท้ายว่าเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการไตรภาคีจะพิจารณาหาทางจ่ายเพิ่มในภายหลังโดยขณะนี้ชาวบ้านกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบทางเสียงดังเกิน NEF มากกว่า 40 และอยู่อาศัยก่อนปี 2544 มี 766 ราย สามารถตกลงเรื่องราคาค่าชดเชยได้ 503 ราย
นายชัยสวัสดิ์ กล่าวว่า รมว.คมนาคมเร่งรัดให้แก้ไขเปัญหาที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับการจ่ายเงินชดเชยให้กับชาวบ้าน ส่วนที่ชาวบ้านบางส่วนประกาศจะปล่อยโคมลอยเพื่อก่อกวนทางการบินนั้น เรื่องนี้ทางกรมการขนส่งทางอากาศผู้ดูแลรับผิดชอบยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 232 และหากกระทำโดยเจตนา ผู้ที่กระทำผิด มีโทษจำคุก ตั้งแต่ 6 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่1,000 บาทถึง14,000 บาท หรือผิดตามมาตรา 239 ซึ่งเป็นการกระทำโดยประ มาท ผู้กระทำผิดจะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สั่งตรึงราคาบขส.อีก3เดือน
นายสันติ กล่าวต่อไปว่า ได้ให้นโยบายกับบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ในการตรึงอัตราค่าโดยสารออกไปอีกอย่างน้อย 1 ไตรมาส เพื่อบรรเทาภาระความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงนี้รวมถึงต้องการให้เลยจากเทศกาลสงกรานต์ออกไปก่อน จากนั้นค่อยมาพิจารณาอีกครั้งโดยเฉพาะปัจจัยต้นทุนราคาน้ำมัน ซึ่งจากที่บขส.รายงานพบว่า ปัจจุบัน บขส.ยังคงมีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ประมาณ 1.4 ล้านบาทต่อเดือน การปรับขึ้นค่าโดยสารจะทำให้บขส.มีกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 3.2 ล้านบาทต่อเดือนดังนั้นตนจึงเห็นว่า การที่บขส.ไม่ขึ้นค่าโดยสารในขณะนี้ไม่ได้ผลกระทบอะไร เพราะบขส.ยังมีกำไรอยู่ก็สมควรที่จะตรึงราคาไปก่อนระยะหนึ่ง
ส่วนองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นั้น นายสันติกล่าวว่า แนวโน้มของนโยบายต้องการให้ตรึงค่าโดยสารออกไปก่อนเช่นเดียวกับบขส. ซึ่ง ขสมก.นั้นผลประกอบการไม่เหมือนบขส.ดังนั้นจะขอดูข้อมูลทั้งหมดก่อนพิจารณา
ด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า จากที่กระทรวงคมนาคม มีนโยบายชะลอการปรับขึ้นค่าโดยสารซึ่งเดิม บขส.มีกำหนดการจะปรับราคาอีก 3 สตางค์ต่อกิโลเมตรโดยมีผล วันนี้ (15 ก.พ.) นั้น บขส.ได้นำนโยบายเสนอและหารือกับคณะกรรมการ บขส. สรุปว่า บขส.จะตรึงค่าโดยสารไปจนถึงถึงวันที่ 30 เม.ย. 2551 เพื่อให้เลยเทศกาลสงกรานต์ จากนั้นจะมีการพิจารณาอีกครั้งว่า ปัจจัยด้านราคาน้ำมันขณะนั้นกับ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมว่า จำเป็นต้องปรับราคาค่าโดยสารหรือไม่
