xs
xsm
sm
md
lg

เลือกตั้งอเมริกา-ทุนสำคัญที่สุด

เผยแพร่:   โดย: ชัยสิริ สมุทวณิช

เงินนั้นสำคัญมานานแล้วในการหาเสียงเลือกตั้งไม่ว่าในประเทศใด ยิ่งอเมริกาซึ่งเป็นประเทศทุนนิยมเสรีมีนายทุนใหญ่ร่ำรวยมาก การเลือกตั้งก็พึ่งพาพวกนายทุนเหล่านี้

ดังนั้นเม็ดเงินสำหรับการเลือกตั้งก็เลยมากไปด้วย

คนอเมริกันถือเป็นเรื่องปกตินะครับ

แถมยังมองว่าใครระดมเงินได้มากกว่า คนนั้นจะประสบความสำเร็จมากกว่าอย่างน้อยต้องมีฝีมือในการบริหารจัดการละครับ

ดังนั้น พรรคใหญ่ 2 พรรค เวลานี้ก็ได้รับเงินบริจาคมากมาย

และระดมทุนกันต่อเนื่อง

นสพ.วอลล์สตรีท เจอร์นัล เคยประมาณการว่าในปี 2000 นั้น ข้อมูลการเงินในการทำการรณรงค์การเลือกตั้งมีมากมายนับพันๆ ล้านเหรียญสหรัฐ ไม่นับการซื้อโฆษณาและการ “ซื้อเสียง”

ที่มลรัฐไอโอวา กลุ่มอิสระคอมมอนเซนส์ ได้สนับสนุนการโทรศัพท์ไปตามบ้านให้สนับสนุนผู้สมัครนายไมค์ ฮัคคาบี แถมยังกล่าวโจมตีคู่แข่งของเขาอย่างรุนแรง

อย่างนี้ก็เข้าข้างฝักใฝ่ชัดเจน

ไม่เรียกว่าอิสระแล้วละครับ แม้ว่าผู้สมัครรายนั้นจะไม่ได้รู้เห็นหรือว่าเกี่ยวข้องแต่ประการใดก็ตาม
ยังมีกลุ่มสโมสรเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งเป็นพวกต่อต้านภาษีได้ทำงานที่จะให้นายฮัคคาบีแพ้ให้ได้ ด้วยการโฆษณาในสื่อต่างๆ อย่างแพร่หลาย

ส่วนทางฝั่งเดโมแครตก็มีพวกจัดตั้งเรียกตัวเองว่า American Federation of Teachers (AFL-CIO Committee on Political Education) กลุ่มนี้ทุ่มเงินไป 250,000 เหรียญ ไปซื้อโฆษณาในรายการทางวิทยุที่โอไอวา โดยให้การสนับสนุนนางฮิลลารี คลินตัน

ส่วนพวก Friend of Earth Action นี่ก็ไม่ได้สนับสนุนหนุนคลินตันโดยไปซื้อโฆษณาโจมตีเธอยับเยินเช่นกัน

ในรอบ 4 ปี ที่ผ่านมา ทั้ง 2 พรรค แม้จะระดมเงิน แต่ก็ไม่ได้มากนัก โดยใช้เงินก็ไม่ใช้มากตามไปด้วย

ขณะที่พวกกลุ่มอิสระกลับใช้เงินมากกว่าเดิมอีกหนึ่งเท่าตัวสนับสนุนหรือค้านผู้สมัครจากทั้ง 2 พรรค

ข้อมูลทั้งปวงก็มาจาก นสพ.วอลล์สตรีท เจอร์นัล แบบที่กล่าวแล้วแหละครับ

พวกกลุ่มไม่แสวงกำไร แต่ยินดีรับเงินจากคนรวยเป็นรายบุคคลก็มีแยะครับในอเมริกา นอกจากรับทรัพย์จากคนรวยแล้ว องค์กรใหญ่ๆ ก็ให้เงินด้วย บางครั้งเงินจากสหภาพก็บริจาคให้

กลุ่มไม่หากำไร ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยแหล่งที่มาของเงินจนกว่าจะหลังเลือกตั้งอีกหลายเดือน บางครั้งก็ไม่เปิดเผยไปเลย

ในการแข่งขันการเลือกตั้งปี 2000 นั้น พวกกลุ่ม “เครื่องเคียง” เหล่านี้ใช้เงินไป 260 ล้านเหรียญ ซึ่งว่ากันตามจริงก็ถือว่าพอประมาณไม่ได้มากมายเหมือนผู้สมัครที่ใช้กันมากกว่าหลายเท่า

เงิน 260 ล้านเหรียญใช้กับการแข่งขันประธานาธิบดีและสภาคองเกรส โดยหนึ่งในห้าใช้ในการเมืองระดับชาติ

แต่ในปี 2006 เลือกตั้งกลางเทอม พวกข้างเคียงเหล่านี้ใช้เงินถึง 600 ล้านเหรียญ หรือ 2 ใน 3 ของเงินที่พวกพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคใช้ครับ

และพวกผู้สมัครนั้นเป็นผู้ใช้เงินรายใหญ่ที่สุดอยู่ดี

กระนั้นก็ตามเงินเดินสะพัดมากกว่าเดิมใน 2 ปีที่ผ่านมา

ปี 1995 -96 เพิ่มจาก 2.8 พันล้านเหรียญเป็น 3.6 พันล้านเหรียญ ในปี 1996-2000 และเพิ่มเป็น 4.8 พันล้านเหรียญ ในช่วงปี 2003-04 ครับ

ปีนี้และปีหน้าก็คาดได้ว่า เงินจะเดินอยู่ในตลาดการเมืองไม่ต่ำกว่า 6 พันล้านเหรียญแล้วครับ

ส่วนพวกกลุ่มอิสระก็เพิ่มปริมาณไปด้วย

กฎหมายออกมาในปี 2002 ต้องการให้ใช้เงินน้อยลงในการเลือกตั้งเป็นกฎหมายชื่อ Bipartisan Campaign Reform Act of 2002 จัดเสนอโดยวุฒิสมาชิก จอห์น แมคเคน

กฎหมายนี้ห้ามไม่ให้พรรคการเมืองรับเงินก้อนใหญ่จากบุคคลที่ร่ำรวยหรือจากบรรษัทใหญ่, จากสหภาพหรือจากกลุ่มผลประโยชน์ใดๆ

กฎหมายยังยกความสำคัญต่อ “กลุ่มรวมๆ” กับการระดมทุนซึ่งรวมเอาระดมเงินจากเพื่อนพ้องน้องพี่, จากลูกจ้างบรรษัทใหญ่ๆ, จากครอบครัวและผ่านมือเข้าสู่พรรคในลักษณะเป็นเงินก้อนใหญ่ให้กับการรณรงค์ทางการเมือง

กฎหมายยังไม่ให้สหภาพยึดโยงการบริจาคกับพรรคการเมืองด้วย

มีกลุ่มอีกระดับหนึ่งซึ่งโตเร็ว กลุ่มนี้จัดตั้งโดยอาศัยเซกชันที่ 501C ของ Tax Code ซึ่งให้ฐานะการเว้นภาษีต่อกลุ่มไม่แสวงกำไรโดยในหมวดว่าด้วย “Social Welfare” มีหมวดย่อยที่กลุ่มนี้สามารถกระตุ้นให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกหรือต่อต้านผู้สมัครคนใดก็ได้

และภายใต้กฎนี้ กลุ่มไม่รับเงินจากแหล่งที่กฎหมายระบุไว้

มีข้อมูลระบุว่ามีถึง 527 องค์กรโตขึ้นมาด้วยเงิน 171 ล้าน ในปี 2000 โดยมีเงินเพิ่มเป็น 316 ล้านในปี 2002 และปี 2004 มีเงิน 653 ล้าน การใช้เงินลดลงเหลือ 443 ล้านในปี 2006 ในเลือกตั้งกลางเทอม

กลุ่มใหม่ๆ นี้กำลังดึงเงินที่พรรคใช้และได้รับมาก่อนที่จะมีการปรามโดยกฎหมายในปี 2002 ครับ

หลังจากนั้นถึงปีถัดมาตัวเลขระบุว่า จอร์จ โซรอสเองก็เคยใช้เงิน 200,000 เหรียญกับพรรคเดโมแครต หลังจากนั้นก็ให้เงินไม่ต่ำกว่า 20 ล้านกับ 527 องค์กรครับ

นี่แหละครับ... ทุนกับเงินในการเลือกตั้งของอเมริกา

สำหรับในไทยนั้น เงินชี้ขาด แต่เราไม่แยบยลเหมือนในอเมริกา แม้เราจะระดมทุน แต่เราแค่จัดโต๊ะเลี้ยงอาหารหาเงินก็เท่านั้น

ไม่มีการระดมหาเงินกันต่อเนื่อง

ไม่มีองค์กร “ข้างเคียง” ช่วยกันสนับสนุนหรือต่อต้านคู่แข่งเหมือนของเขา

เรามีแต่ด่ากันไปด่ากันมา และเอาดีใส่ตัว เอาชั่วป้ายคนอื่นเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น