บุรีรัมย์ - เลือกตั้งนายกเล็ก และ ส.ท. เทศบาลตำบลสตึก จ.บุรีรัมย์ อดีตนายกเล็ก พ่ายยืดอกยอมรับความปราชัย ขณะที่ ผอ.กกต.บุรีรัมย์ เผย ยังไม่มีร้องเรียน แต่ให้เวลาร้องคัดค้านผลภายใน 30 วัน ก่อนส่ง กกต.กลางพิจารณา แฉมีการจ่ายเงินซื้อเสียงหัวละ 1,000-1,500 บาท เจาะเฉพาะพื้นที่ ส่งผลให้เงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน
วันนี้ (8 มิ.ย.) นายกัมปนาท บุตรโต ปลัดเทศบาลตำบลสตึก ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลตำบลสตึก เปิดเผยถึงผลการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) ตำบลสตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ อย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งจัดให้มีการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า นายปริญญา เจริญพานิช ผู้สมัครนายกเทศมนตรี หมายเลข 1 ได้ 3,128 คะแนน ชนะ นายประสิทธิ์ ศุภประภาวณิชย์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรี หมายเลข 2ได้ 1,759 คะแนน
ส่วนผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลสตึก ปรากฏว่า กลุ่มพัฒนาสตึกของนายประสิทธิ์ ศุภประภาวณิชย์ อดีตนายกเทศมนตรี 2 สมัย ได้รับเลือกตั้งเข้ามา 3 คน และกลุ่มอิสระ 9 คน มีประชาชนมาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 5,166 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิ 7,644 คน คิดเป็นร้อยละ 67.58 บัตรดี 4,887 ใบ คิดเป็นร้อยละ 94.60 บัตรเสีย 172 ใบ คิดเป็นร้อยละ 3.3 บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 107 ใบ คิดเป็นร้อยละ 2.07
ทั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้ มีผู้สมัครนายกเทศมนตรี 2 คน ได้แก่ หมายเลข 1 นายปริญญา เจริญพานิช อดีต ส.ท.เทศบาลตำบลสตึก กลุ่มอิสระ กับ หมายเลข 2 นายประสิทธิ์ ศุภประภาวณิชย์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลสตึก หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสตึก
ส่วนผู้สมัคร ส.ท.มีทั้งสิ้น 24 คน เขตเลือกตั้งที่ 1 จำนวน 11 คน เขตเลือกตั้งที่ 2 จำนวน 13 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ “กลุ่มพัฒนาสตึก” นำโดย นายประสิทธิ์ ศุภประภาวณิชย์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลสตึก 2 สมัย เป็นหัวหน้าทีม ส่งครบทั้ง 2 เขตๆ ละ 6 คน และ กลุ่มอิสระ 12 คน
นายปริญญา เจริญพานิช ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลสตึก ซึ่งได้รับชัยชนะ กล่าวว่า ขอขอบคุณพี่น้อง ประชาชนชาวสตึก ที่ให้ความไว้วางใจเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง ยืนยันว่า จะเข้ามาสานต่องานที่ผู้บริหารชุดเก่าได้ทำไว้ และจะเร่งสร้างงานให้เกิดขึ้นในชุมชน รวมทั้งปรับปรุงซ่อมแซม และพัฒนาสิ่งสาธารณูปโภคต่างๆ ให้ดีขึ้น
นอกจากนี้ จะทำงานตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน เพื่อให้ชาวสตึกมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่หากมีผู้สมัครบางคนร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งก็เป็นสิทธิอันชอบธรรม ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่ที่การวินิจฉัยของ กกต.ด้วย
ทางด้าน นายประสิทธิ์ ศุภประภาวณิชย์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลสตึก หมายเลข 2 สมัย กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นมติของพี่น้องประชาชนชาวสตึก ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร การเมืองย่อมมีแพ้ ชนะ แต่ก็จะขอตรวจสอบการทำงานของทีมผู้บริหารชุดใหม่ ส่วนจะร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งหรือไม่ คงต้องรอพยานหลักฐานหากพบมีการทุจริตเลือกตั้งชัดเจน
ด้าน ว่าที่ ร.ต.ทวี ชุนเกาะ รักษาการผู้อำนวยการการเลือกตั้งปะจำจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งได้เสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว ไม่มีเรื่องร้องเรียนการกระทำทุจริตการเลือกตั้งทั้งจากผู้สมัคร และประชาชน ซึ่งตนได้ออกตรวจความเรียบร้อยตามหน่วยเลือกตั้งในเขตเทศบาล พบว่า มีประชาชนออกมาใช้สิทธิมากกว่าเป้าหมายที่กำหนด
อย่างไรก็ตาม หากผู้สมัครคนใดเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรม พบเห็นมีการทุจริตสามารถนำพยาน หลักฐานมาร้องเรียนได้ที่ กกต.จังหวัด ภายใน 30 วัน เพื่อพิจารณาวินิจฉัย ส่งเรื่องให้ กกต.กลางพิจารณาต่อไป
สำหรับการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลตำบลสตึก แม้จะเป็นสนามเลือกตั้งระดับเทศบาล แต่ก็เป็นสนามเลือกตั้งที่ถูกจับตามองจากประชาชนจำนวนมาก เนื่องจากมีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรงจากผู้สมัคร 2 กลุ่ม ซึ่ง นายปริญญา อดีต ส.ท.ได้รับชัยชนะ เคยอยู่ทีมเดียวกับ นายประสิทธิ์ อดีตนายกเทศมนตรี 2 สมัย แต่มาคราวนี้ ได้แยกตัวออกมาจัดทีมลงสมัครนายกเทศมนตรี และสามารถโค่น นายประสิทธิ์ ลงได้
มีรายงานข่าวแจ้งว่า การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลตำบลสตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ครั้งนี้มีการแข่งขันกันค่อนข้างสูงของ 2 กลุ่มผู้สมัคร ที่มีนักการเมืองระดับชาติ และท้องถิ่นให้การสนับสนุน ซึ่งมีรายงานมีการจ่ายเงินซื้อเสียงกันอย่างหนักแบบยกทีม เจาะเฉพาะพื้นที่ ถึงหัวละ 1,000-1,500 บาท ทำให้มีกระแสเงินสะพัดจากการซื้อเสียงไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท