ผู้จัดการรายวัน-วาเลนไทน์ปีนี้คึกคักไม่มาก เงินสะพัดแค่ 2 พันล้าน เพิ่มขึ้น 15% เหตุคนกังวลสินค้าแพง ทำให้ระมัดระวังในการใช้จ่าย กังวลพ่อค้าแม่ค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาดอกไม้ ของขวัญ ช๊อกโกแลต การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรของวัยรุ่น ส่วนวันมาฆบูชาที่จะถึงนี้ คาดเงินสะพัด 3.6 พันล้าน ส่วนใหญ่ใช้จ่ายเพื่อทำบุญ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ว่า ประชาชนจะมีการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้รวมทั้งประเทศ 2,159.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% จากปีที่แล้วที่มีการใช้จ่าย 1,876.37 ล้านบาท ถือเป็นอีกปีที่เทศกาลวาเลนไทน์ไม่ค่อยคึกคักเท่าที่ควร เพราะสินค้ามีราคาแพงขึ้น ทำให้คนระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย
ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าบรรยากาศในวันวาเลนไทน์ปีนี้เมื่อเทียบกับปี 2550 มีความคึกคักมากกว่าเพียง 35.3% น้อยกว่า 45.3% และไม่เปลี่ยนแปลง 19.3% โดยคนที่เห็นว่าคึกคักกว่า เพราะเห็นว่าเศรษฐกิจดีขึ้น มีสถานที่เที่ยวมากขึ้น ส่วนผู้ที่เห็นว่าคึกคักน้อยลง เพราะราคาสินค้าแพงขึ้น เศรษฐกิจแย่ลง และมีความกังวลเรื่องระเบิด
“ปีนี้ประชาชนจะฉลองเทศกาลวาเลนไทน์เพียง 52.1% ไม่ฉลอง 47.9% โดยส่วนใหญ่จะฉลองกับคนรัก เพื่อน พี่น้อง พ่อแม่ สินค้าที่จะซื้อในวันวาเลนไทน์ จะซื้อดอกไม้มากที่สุด รองลงมา คือ การ์ด ของขวัญ ช๊อกโกแลต และตุ๊กตา ส่วนกิจกรรมที่จะทำ จะไปทานข้าวมากที่สุด นอกนั้น ไปเดินห้างสรรพสินค้า ไปดูหนัง ไปบ้านแฟน ไปคาราโอเกะ และอยู่บ้าน”นายธนวรรธน์กล่าว
นายธนวรรธน์กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนมีความกังวลในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ คือ พ่อค้าแม่ค้าจะมีการขึ้นราคาดอกไม้เกินความเป็นจริงมากที่สุด รองลงมา คือ ราคาของขวัญแพงเกินจริง การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรของวัยรุ่น การล่วงละเมิดทางเพศเพิ่มขึ้น ร้านอาหารเต็ม การจราจรติดขัด ทั้งนี้ ในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่น ผลสำรวจชี้ว่า หากตำรวจมีความเข้มงวด จะทำให้วัยรุ่นเปลี่ยนสถานที่การมีเพศสัมพันธ์ และทำให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ลดลง
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามถึงความสำคัญของวันวาเลนไทน์ ประชาชนให้ความสำคัญในอันดับท้ายๆ ของวันเทศกาลสำคัญ ดดยเห็นว่าวันปีใหม่ คริตมาส สำคัญที่สุด รองลงมา คือวันสำคัญทางศาสนา วันพ่อ/แม่ วันเกิด วันสงกรานต์ และวันตรุษจีน
นายธนวรรธน์กล่าวอีกว่า ศูนย์ฯ ได้มีการสำรวจการใช้จ่ายของประชาชนในวันมาฆบูชา ที่จะถึงในวันที่ 21 ก.พ.นี้ พบว่าจะมีการใช้จ่ายรวมทั้งประเทศ 3,642.34 ล้านบาท โดยคนส่วนใหญ่จะใช้จ่ายเพื่อทำบุญ ไปเที่ยว ทานข้าวนอกบ้าน และอื่นๆ โดยสิ่งที่จะขอพรในวันมาฆบูชานี้ อยากขอให้ในหลวงทรงมีพระเกษมสำราญ ขอให้เศรษฐกิจของประเทศไทยดีขึ้น ขอให้ประเทศชาติมีความสมานฉันท์ และขอให้การเมืองมีเสถียรภาพ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ว่า ประชาชนจะมีการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้รวมทั้งประเทศ 2,159.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% จากปีที่แล้วที่มีการใช้จ่าย 1,876.37 ล้านบาท ถือเป็นอีกปีที่เทศกาลวาเลนไทน์ไม่ค่อยคึกคักเท่าที่ควร เพราะสินค้ามีราคาแพงขึ้น ทำให้คนระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย
ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าบรรยากาศในวันวาเลนไทน์ปีนี้เมื่อเทียบกับปี 2550 มีความคึกคักมากกว่าเพียง 35.3% น้อยกว่า 45.3% และไม่เปลี่ยนแปลง 19.3% โดยคนที่เห็นว่าคึกคักกว่า เพราะเห็นว่าเศรษฐกิจดีขึ้น มีสถานที่เที่ยวมากขึ้น ส่วนผู้ที่เห็นว่าคึกคักน้อยลง เพราะราคาสินค้าแพงขึ้น เศรษฐกิจแย่ลง และมีความกังวลเรื่องระเบิด
“ปีนี้ประชาชนจะฉลองเทศกาลวาเลนไทน์เพียง 52.1% ไม่ฉลอง 47.9% โดยส่วนใหญ่จะฉลองกับคนรัก เพื่อน พี่น้อง พ่อแม่ สินค้าที่จะซื้อในวันวาเลนไทน์ จะซื้อดอกไม้มากที่สุด รองลงมา คือ การ์ด ของขวัญ ช๊อกโกแลต และตุ๊กตา ส่วนกิจกรรมที่จะทำ จะไปทานข้าวมากที่สุด นอกนั้น ไปเดินห้างสรรพสินค้า ไปดูหนัง ไปบ้านแฟน ไปคาราโอเกะ และอยู่บ้าน”นายธนวรรธน์กล่าว
นายธนวรรธน์กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนมีความกังวลในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ คือ พ่อค้าแม่ค้าจะมีการขึ้นราคาดอกไม้เกินความเป็นจริงมากที่สุด รองลงมา คือ ราคาของขวัญแพงเกินจริง การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรของวัยรุ่น การล่วงละเมิดทางเพศเพิ่มขึ้น ร้านอาหารเต็ม การจราจรติดขัด ทั้งนี้ ในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่น ผลสำรวจชี้ว่า หากตำรวจมีความเข้มงวด จะทำให้วัยรุ่นเปลี่ยนสถานที่การมีเพศสัมพันธ์ และทำให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ลดลง
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามถึงความสำคัญของวันวาเลนไทน์ ประชาชนให้ความสำคัญในอันดับท้ายๆ ของวันเทศกาลสำคัญ ดดยเห็นว่าวันปีใหม่ คริตมาส สำคัญที่สุด รองลงมา คือวันสำคัญทางศาสนา วันพ่อ/แม่ วันเกิด วันสงกรานต์ และวันตรุษจีน
นายธนวรรธน์กล่าวอีกว่า ศูนย์ฯ ได้มีการสำรวจการใช้จ่ายของประชาชนในวันมาฆบูชา ที่จะถึงในวันที่ 21 ก.พ.นี้ พบว่าจะมีการใช้จ่ายรวมทั้งประเทศ 3,642.34 ล้านบาท โดยคนส่วนใหญ่จะใช้จ่ายเพื่อทำบุญ ไปเที่ยว ทานข้าวนอกบ้าน และอื่นๆ โดยสิ่งที่จะขอพรในวันมาฆบูชานี้ อยากขอให้ในหลวงทรงมีพระเกษมสำราญ ขอให้เศรษฐกิจของประเทศไทยดีขึ้น ขอให้ประเทศชาติมีความสมานฉันท์ และขอให้การเมืองมีเสถียรภาพ