รัฐบาลหมัก วางตัว "น้องเขยแม้ว" นั่งรองนายกฯ คนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่แทน หากนายกฯปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ส่วนการแบ่งงานรองนายกฯ-รมต.ประจำสำนักนายกฯ ลงตัว คนของพรรคพลังประชาชน คุมเบ็ดเสร็จ "สมชาย" คุม มหาดไทย-ศึกษาฯ-วัฒนธรรม "เลี้ยบ" ดูแล คลัง สาธารณสุข กองทุนหมู่บ้าน "มิ่ง" ควบพาณิชย์-ต่างประเทศ-กรมประชาฯ ด้าน "จักรภพ" คุม อสมท.-กรมประชาฯ ส่วนกลาโหม ยุติธรรม - ปปง. -อสส. - ดีเอสไอ -กฤษฎีกา "หมัก" คุมเอง
นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะเป็นรองนายกฯ คนที่ 1 (สร.2) น.พ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี จะเป็นรองนายกฯ คนที่ 2 (สร.3) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ จะเป็นรองนายกฯ คนที่ 3 (สร.4) นายสหัส บัณฑิตสกุล จะเป็นรองนายกฯที่ 4 (สร.5) พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ จะเป็นรองนายกฯ คนที่ 5 (สร.6) และนายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกฯ คนที่ 6 (สร.7) โดยทำหน้าที่และปฏิบัติงานแทนนายกรัฐมนตรี หากนายกฯไม่สามารถปฏิบัติราชการได้ ส่วนการแต่งตั้งโฆษกประจำสำนักนากรัฐมนตรี และทีมโฆษกฯ จะมีความชัดเจนในสัปดห์หน้า
"สุวิทย์-เสธ.หนั่น"ไร้อำนาจต่อรอง
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 19/2551 มอบหมาย และมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นที่น่าสังเกตว่า หลายกระทรวงเป็นการกำกับดูแลกระทรวงที่พรรคร่วมรัฐบาลนั้นๆเป็นเจ้ากระทรวงอยู่แล้ว เช่น พล.ต.สนั่น รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 5 จากพรรคชาติไทย ได้กำกับบริหารราชการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่มีนายวีรศักด์ โค้วสุรัตน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ และกระทรวงเกษตรฯ ที่มีนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ รวมทั้งองค์กรมหาชนที่กำกับดูแล ก็เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ และองค์การพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ถือว่า พล.ต.สนั่น จะได้ดูแลงานกีฬาของชาติด้วย
ส่วนนายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.อุตสาหกรรม จากพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง เปิดประเด็นต่อยอดโครงการกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมือง ที่นายสุวิทย์ ออกมาระบุว่า เป็นแนวคิดของเขามาตลอด แต่ รัฐบาลกลับมอบหมาย การกำกับบริหารราชการสำนักงานกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมืองแห่งชาติ ไปให้กับ นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นผู้กำกับดูแลแทน
ทั้งนี้งานที่มอบหมายให้ นายสุวิทย์ กำกับบริหารราชการ ประกอบด้วย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ที่มีนายมั่น พันธโนทัย เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ และกระทรวงอุตสหากรรม ที่นายสุวิทย์ เป็นเจ้ากระทรวงอยู่แล้วเท่านั้น
"สมชาย"คุมมหาดไทย-ศึกษาฯ
อย่างไรก็ตามกระทรวงใหญ่ๆ มีการแบ่งงานให้กำกับดูแลอย่างชัดเจน ได้แก่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะกำกับบริหารราชการส่วนราชการ ประกอบด้วย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ขณะที่หน่วยงานที่บริหาร และสั่งการใน สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) และกำกับดูแลสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ที่เป็นองค์การมหาชน นอกจากนั้น ยังมีอำนาจในการลงนามในคดีปกครองกรณีที่มีการฟ้องร้องนายกรัฐมนตรี สั่งการข้อกฎหมายที่ว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งลงนามในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
"เลี้ยบ" คุมกทบ.-สบร.
สำหรับในส่วนของรองนายกฯ ของพรรคพลังประชาชน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี จะบริหารราชการ กระทรวงการคลัง และกระทรวงสาธารณสุข และกำกับดูแลในการสั่งการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ รวมทั้งดูแลสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (สทบ.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติและสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) และสามารถสั่งการในข้อกฎหมายว่าด้วยกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
"มิ่ง"กำกับพาณิชย์-ต่างประเทศ
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ จะกำกับและบริหารราชการกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และกรมประชาสัมพันธ์ รวมทั้งสามารถสั่งการได้ในสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และยังกำกับดูแลหน่วยงานของรัฐอย่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และยังมีอำนาจสั่งการในกฎหมายว่าด้วยการขายตรงและตลาดแบบตรง
ด้าน นายสหัส บัณฑิตสกุล จะกำกับและบริหารราชการ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และมีอำนาจสั่งการในสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.)
"สมัคร"คุมยุติธรรม-ความมั่นคง
ขณะที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะกำกับดูแล กระทรวงกลาโหม กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการและปรามปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
รายงานข่าวแจ้งว่า การที่นายสมัคร นำ สำนักงานปปง. ดีเอสไอ และสำนักงานอัยการสูงสุด มากำกับดูเอง แทนที่จะให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเคยเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม กำกับดูแลนั้น เหตุผลมาจากเกรงจะถูกข้อครหาว่า นายสมชาย ซึ่งเป็นน้องเขยของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเข้าไปแทรกแซง คดีที่พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวตกเป็นจำเลยอยู่
"เพ็ญ"คุมสื่อรัฐตามคาด
ขณะที่ 2 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชูศักดิ์ ศิรินิล มีอำนาจสั่งการในสำนักงาน สคบ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า นายชูศักดิ์ ซึ่งถูกวางตัวเป็นรัฐมนตรี ที่จะช่วยดูแลกฎหมายของรัฐบาล กลับไม่ได้กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยงานที่ปรึกษาด้านกฎหมายของรัฐบาล
ส่วนนายจักภพ เพ็ญแข ได้กำกับดูแล และสั่งการสื่อของรัฐตามความตั้งใจของ นายสมัคร ทั้งกรมประชาสัมพันธ์ และ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) รวมทั้งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีหน่วยงาน เช่น สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของทางราชการ(สขร.) เป็นต้น
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า นายสมัคร ได้ลงนามคำสั่งเมื่อเช้าวันที่ 12 ก.พ.นี้ โดยนำเข้าเป็นวาระทราบจร เรื่องที่ 1
นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะเป็นรองนายกฯ คนที่ 1 (สร.2) น.พ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี จะเป็นรองนายกฯ คนที่ 2 (สร.3) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ จะเป็นรองนายกฯ คนที่ 3 (สร.4) นายสหัส บัณฑิตสกุล จะเป็นรองนายกฯที่ 4 (สร.5) พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ จะเป็นรองนายกฯ คนที่ 5 (สร.6) และนายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกฯ คนที่ 6 (สร.7) โดยทำหน้าที่และปฏิบัติงานแทนนายกรัฐมนตรี หากนายกฯไม่สามารถปฏิบัติราชการได้ ส่วนการแต่งตั้งโฆษกประจำสำนักนากรัฐมนตรี และทีมโฆษกฯ จะมีความชัดเจนในสัปดห์หน้า
"สุวิทย์-เสธ.หนั่น"ไร้อำนาจต่อรอง
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 19/2551 มอบหมาย และมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นที่น่าสังเกตว่า หลายกระทรวงเป็นการกำกับดูแลกระทรวงที่พรรคร่วมรัฐบาลนั้นๆเป็นเจ้ากระทรวงอยู่แล้ว เช่น พล.ต.สนั่น รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 5 จากพรรคชาติไทย ได้กำกับบริหารราชการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่มีนายวีรศักด์ โค้วสุรัตน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ และกระทรวงเกษตรฯ ที่มีนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ รวมทั้งองค์กรมหาชนที่กำกับดูแล ก็เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ และองค์การพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ถือว่า พล.ต.สนั่น จะได้ดูแลงานกีฬาของชาติด้วย
ส่วนนายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.อุตสาหกรรม จากพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง เปิดประเด็นต่อยอดโครงการกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมือง ที่นายสุวิทย์ ออกมาระบุว่า เป็นแนวคิดของเขามาตลอด แต่ รัฐบาลกลับมอบหมาย การกำกับบริหารราชการสำนักงานกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมืองแห่งชาติ ไปให้กับ นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นผู้กำกับดูแลแทน
ทั้งนี้งานที่มอบหมายให้ นายสุวิทย์ กำกับบริหารราชการ ประกอบด้วย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ที่มีนายมั่น พันธโนทัย เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ และกระทรวงอุตสหากรรม ที่นายสุวิทย์ เป็นเจ้ากระทรวงอยู่แล้วเท่านั้น
"สมชาย"คุมมหาดไทย-ศึกษาฯ
อย่างไรก็ตามกระทรวงใหญ่ๆ มีการแบ่งงานให้กำกับดูแลอย่างชัดเจน ได้แก่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะกำกับบริหารราชการส่วนราชการ ประกอบด้วย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ขณะที่หน่วยงานที่บริหาร และสั่งการใน สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) และกำกับดูแลสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ที่เป็นองค์การมหาชน นอกจากนั้น ยังมีอำนาจในการลงนามในคดีปกครองกรณีที่มีการฟ้องร้องนายกรัฐมนตรี สั่งการข้อกฎหมายที่ว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งลงนามในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
"เลี้ยบ" คุมกทบ.-สบร.
สำหรับในส่วนของรองนายกฯ ของพรรคพลังประชาชน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี จะบริหารราชการ กระทรวงการคลัง และกระทรวงสาธารณสุข และกำกับดูแลในการสั่งการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ รวมทั้งดูแลสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (สทบ.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติและสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) และสามารถสั่งการในข้อกฎหมายว่าด้วยกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
"มิ่ง"กำกับพาณิชย์-ต่างประเทศ
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ จะกำกับและบริหารราชการกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และกรมประชาสัมพันธ์ รวมทั้งสามารถสั่งการได้ในสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และยังกำกับดูแลหน่วยงานของรัฐอย่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และยังมีอำนาจสั่งการในกฎหมายว่าด้วยการขายตรงและตลาดแบบตรง
ด้าน นายสหัส บัณฑิตสกุล จะกำกับและบริหารราชการ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และมีอำนาจสั่งการในสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.)
"สมัคร"คุมยุติธรรม-ความมั่นคง
ขณะที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะกำกับดูแล กระทรวงกลาโหม กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการและปรามปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
รายงานข่าวแจ้งว่า การที่นายสมัคร นำ สำนักงานปปง. ดีเอสไอ และสำนักงานอัยการสูงสุด มากำกับดูเอง แทนที่จะให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเคยเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม กำกับดูแลนั้น เหตุผลมาจากเกรงจะถูกข้อครหาว่า นายสมชาย ซึ่งเป็นน้องเขยของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเข้าไปแทรกแซง คดีที่พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวตกเป็นจำเลยอยู่
"เพ็ญ"คุมสื่อรัฐตามคาด
ขณะที่ 2 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชูศักดิ์ ศิรินิล มีอำนาจสั่งการในสำนักงาน สคบ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า นายชูศักดิ์ ซึ่งถูกวางตัวเป็นรัฐมนตรี ที่จะช่วยดูแลกฎหมายของรัฐบาล กลับไม่ได้กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยงานที่ปรึกษาด้านกฎหมายของรัฐบาล
ส่วนนายจักภพ เพ็ญแข ได้กำกับดูแล และสั่งการสื่อของรัฐตามความตั้งใจของ นายสมัคร ทั้งกรมประชาสัมพันธ์ และ บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) รวมทั้งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีหน่วยงาน เช่น สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของทางราชการ(สขร.) เป็นต้น
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า นายสมัคร ได้ลงนามคำสั่งเมื่อเช้าวันที่ 12 ก.พ.นี้ โดยนำเข้าเป็นวาระทราบจร เรื่องที่ 1