เอเอฟพี/รอยเตอร์ – กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ(เพนทากอน) ตั้งข้อหา 6 นักโทษอัลกออิดะห์ที่ถูกกล่าวหาเป็นผู้วางแผนก่อเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน หากศาลตัดสินว่าผิดจริงอาจได้รับโทษประหารชีวิต ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชนประท้วงหนักการพิจารณาคดีนักโทษเหล่านี้โดยใช้หลักฐานที่ได้จากการทรมานนักโทษ ถือเป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและรับไม่ได้
เพนทากอนแถลงเมื่อวันจันทร์(11)ว่า คาลิด เชค มูฮัมหมัด ผู้ที่สารภาพว่าได้วางแผนก่อเหตุวินาศกรรมโจมตีสหรัฐฯเมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี2001 และสมาชิกกลุ่มอัลกออิดะห์อีก 5 คน ถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มอัลกออิดะห์ โจมตีและฆาตกรรม 2,973 ข้อหา ข้อหาทำลายทรัพย์สิน ก่อการร้ายและให้วัสดุอุปกรณ์สนับสนุนลัทธิก่อการร้าย นอกจากนี้ จำเลยในจำนวนนี้ 4 คนถูกตัดข้อหาจี้อากาศยาน
เพนทากอนกล่าวว่า หากศาลทหารตัดสินว่าจำเลย 6 คนนี้กระทำผิดจริง ก็จะถูกประหารชีวิต
มูฮัมหมัดรับสารภาพหมดเปลือกว่า ตนวางแผนก่อเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน ในทุกๆแง่ อีกทั้งยังให้ข้อมูลข่าวกรองอันเป็นประโยชน์ ซึ่งนำไปสู่การจับกุมสมาชิกอัลกออิดะห์อีก 5 คน
อย่างไรก็ดี คำสารภาพของมูฮัมหมัดอาจเป็นปัญหา หากนำมาใช้เป็นหลักฐานในการพิจารณาคดี หลังจากที่เมื่อวันอังคารที่แล้ว(5) ไมเคิล เฮย์เดน ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ(ซีไอเอ) ยอมรับชัดเจนว่า ซีไอเอใช้วิธีเทน้ำลงไปที่ใบหน้าและศีรษะของนักโทษที่ถูกผ้าคลุมศีรษะ หรือที่เรียกกันว่า “วอเตอร์บอร์ดิ้ง – waterboarding” สอบสวนนักโทษ 3 คน ซึ่งรวมถึงมูฮัมหมัด ทั้งนี้ ผู้คนในวงกว้างวิพากษ์วิจารณ์ว่าวิธีสอบสวนนักโทษดังกล่าวเป็นการทรมานนักโทษ
ศาลทหารในฐานทัพสหรัฐฯ ที่อ่าวกวนตานาโม คิวบา มีกฎห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ใช้หลักฐานที่ได้มาจากการทรมานนักโทษ เช่นเดียวกับข้อห้ามที่ระบุไว้ในสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่สหรัฐฯได้ลงนาม
ทว่า พลจัตวา โธมัส ฮาร์ตแมนน์ ที่ปรึกษากฎหมายที่เรือนจำกวนตานาโม ไม่ได้กล่าวว่าจะไม่ใช้หลักฐานที่ได้มาจากการสอบสวนมูฮัมหมัด ทั้งนี้ พลจัตวาฮาร์ตแมนน์กล่าวว่า ผู้พิพากษาศาลทหารจะตัดสินใจว่าหลักฐานที่อัยการยื่นต่อศาล ยอมรับได้หรือไม่
ทางด้านศูนย์เพื่อสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกลุ่มพิทักษ์สิทธิตามกฎหมายและเป็นตัวแทนให้กับนักโทษก่อการร้ายบางคน กล่าวว่าศาลทหารที่จะพิพากษานักโทษในกวนตานาโม ดำเนินการอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ และบิดเบือนความเที่ยงธรรม
ขณะที่กลุ่มฮิวแมนไรท์สวอตช์กล่าวว่า จำเป็นต้องนำตัวผู้บงการและวางแผนเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน ขึ้นพิจารณคดี แต่ต้องไม่พิจารณาคดีภายใต้ระบบที่ขาดความน่าเชื่อถือ
เจนนิเฟอร์ ดัสคัล ทนายอาวุโสด้านการต่อต้านลัทธิก่อการร้าย แห่งฮิวแมนไรท์สวอตช์ กล่าวว่าการพิพากษาให้บุคคลหนึ่งได้รับโทษประหารชีวิต โดยพิจารณาจากหลักฐานที่ได้มาจากวิธีวอเตอร์บอร์ดิ้ง หรือจากการทำให้นักโทษอดหลับอดนอนมายาวนาน ขณะที่อยู่ในสภาพบีบคั้นอย่างเจ็บปวด ไม่ใช่คำตอบ
เพนทากอนแถลงเมื่อวันจันทร์(11)ว่า คาลิด เชค มูฮัมหมัด ผู้ที่สารภาพว่าได้วางแผนก่อเหตุวินาศกรรมโจมตีสหรัฐฯเมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี2001 และสมาชิกกลุ่มอัลกออิดะห์อีก 5 คน ถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มอัลกออิดะห์ โจมตีและฆาตกรรม 2,973 ข้อหา ข้อหาทำลายทรัพย์สิน ก่อการร้ายและให้วัสดุอุปกรณ์สนับสนุนลัทธิก่อการร้าย นอกจากนี้ จำเลยในจำนวนนี้ 4 คนถูกตัดข้อหาจี้อากาศยาน
เพนทากอนกล่าวว่า หากศาลทหารตัดสินว่าจำเลย 6 คนนี้กระทำผิดจริง ก็จะถูกประหารชีวิต
มูฮัมหมัดรับสารภาพหมดเปลือกว่า ตนวางแผนก่อเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน ในทุกๆแง่ อีกทั้งยังให้ข้อมูลข่าวกรองอันเป็นประโยชน์ ซึ่งนำไปสู่การจับกุมสมาชิกอัลกออิดะห์อีก 5 คน
อย่างไรก็ดี คำสารภาพของมูฮัมหมัดอาจเป็นปัญหา หากนำมาใช้เป็นหลักฐานในการพิจารณาคดี หลังจากที่เมื่อวันอังคารที่แล้ว(5) ไมเคิล เฮย์เดน ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ(ซีไอเอ) ยอมรับชัดเจนว่า ซีไอเอใช้วิธีเทน้ำลงไปที่ใบหน้าและศีรษะของนักโทษที่ถูกผ้าคลุมศีรษะ หรือที่เรียกกันว่า “วอเตอร์บอร์ดิ้ง – waterboarding” สอบสวนนักโทษ 3 คน ซึ่งรวมถึงมูฮัมหมัด ทั้งนี้ ผู้คนในวงกว้างวิพากษ์วิจารณ์ว่าวิธีสอบสวนนักโทษดังกล่าวเป็นการทรมานนักโทษ
ศาลทหารในฐานทัพสหรัฐฯ ที่อ่าวกวนตานาโม คิวบา มีกฎห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ใช้หลักฐานที่ได้มาจากการทรมานนักโทษ เช่นเดียวกับข้อห้ามที่ระบุไว้ในสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่สหรัฐฯได้ลงนาม
ทว่า พลจัตวา โธมัส ฮาร์ตแมนน์ ที่ปรึกษากฎหมายที่เรือนจำกวนตานาโม ไม่ได้กล่าวว่าจะไม่ใช้หลักฐานที่ได้มาจากการสอบสวนมูฮัมหมัด ทั้งนี้ พลจัตวาฮาร์ตแมนน์กล่าวว่า ผู้พิพากษาศาลทหารจะตัดสินใจว่าหลักฐานที่อัยการยื่นต่อศาล ยอมรับได้หรือไม่
ทางด้านศูนย์เพื่อสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกลุ่มพิทักษ์สิทธิตามกฎหมายและเป็นตัวแทนให้กับนักโทษก่อการร้ายบางคน กล่าวว่าศาลทหารที่จะพิพากษานักโทษในกวนตานาโม ดำเนินการอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ และบิดเบือนความเที่ยงธรรม
ขณะที่กลุ่มฮิวแมนไรท์สวอตช์กล่าวว่า จำเป็นต้องนำตัวผู้บงการและวางแผนเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน ขึ้นพิจารณคดี แต่ต้องไม่พิจารณาคดีภายใต้ระบบที่ขาดความน่าเชื่อถือ
เจนนิเฟอร์ ดัสคัล ทนายอาวุโสด้านการต่อต้านลัทธิก่อการร้าย แห่งฮิวแมนไรท์สวอตช์ กล่าวว่าการพิพากษาให้บุคคลหนึ่งได้รับโทษประหารชีวิต โดยพิจารณาจากหลักฐานที่ได้มาจากวิธีวอเตอร์บอร์ดิ้ง หรือจากการทำให้นักโทษอดหลับอดนอนมายาวนาน ขณะที่อยู่ในสภาพบีบคั้นอย่างเจ็บปวด ไม่ใช่คำตอบ
