พบคนสมองดีมีแนวโน้มมีปัญหาสุขภาพจากการดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าคนที่มีระดับสติปัญญาต่ำกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวชนชั้นกลางมีแววดื่มหนักในช่วงวัยเลข 3 นำหน้า เพิ่มความเสี่ยงโรคตับและมะเร็งบางประเภท
นักวิจัยจากสภาวิจัยทางการแพทย์ (เอ็มอาร์ซี) อธิบายว่า คนที่เฉลียวฉลาดมักทำงานที่มีความเครียดสูง และหันไประบายความเครียดกับแอลกอฮอล์ และผู้หญิงที่ยึดครองตำแหน่งหน้าที่ของผู้ชายเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงมากที่จะมีปัญหาการดื่ม
การศึกษาที่นำโดยเดวิด แบตตี้ จากเอ็มอาร์ซี และหน่วยบริการสาธารณสุข มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ สก็อตแลนด์ สรุปว่าในบางสถานการณ์ ความสำเร็จในที่ทำงาน การเต็มใจที่จะดื่มบ่อยขึ้น และการเข้าสังคม คือคำอธิบายของเรื่องนี้
นักวิจัยได้ศึกษาชาย-หญิง 8,710 คนที่เกิดในอังกฤษระหว่างช่วงสัปดาห์หนึ่งในปี 1970 และนำผลการทดสอบความสามารถทางสติปัญญาของคนเหล่านี้เมื่ออายุ 10 ขวบมาเปรียบเทียบกับข้อมูลการดื่มและปัญหาจากการดื่มเมื่ออายุ 30 ปี
ผลศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารอเมริกัน เจอร์นัล ออฟ พับลิก เฮลท์แสดงให้เห็นว่า คนที่ตอนเด็กๆ ได้คะแนนทดสอบสติปัญญาสูง มีปัญหาการดื่มสูงเช่นเดียวกันเมื่อโตขึ้น โดยผู้หญิงมีความเสี่ยงที่จะดื่มมากกว่าผู้ชาย
คนที่ยอมรับว่าดื่มเกือบทุกวันมีคะแนนสติปัญญาสูงที่สุด ขณะที่คนที่บอกว่าไม่แตะต้องสุราเลยเป็นกลุ่มที่ทำคะแนนต่ำที่สุด
ผู้หญิงในสายวิชาชีพและการจัดการมีปัญหาจากเหล้ามากที่สุดในหมู่ผู้หญิงด้วยกัน
อนึ่ง เดือนที่ผ่านมา ทางการอังกฤษเพิ่งออกมาเตือนสาวๆ ชนชั้นกลางว่าดื่มสุรามากกว่าที่คิดๆ กัน โดยพร้อมกันนั้น รัฐบาลยังถูกบีบให้ปรับสูตรการคำนวณการบริโภคแอลกอฮอล์ใหม่ เพื่อให้สอดรับกับกระแสที่แก้วไวน์มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งหมายความว่าสาวผู้ดี 1 ใน 3 ดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าระดับที่ปลอดภัย
ข้อมูลของรัฐบาลอังกฤษตอกย้ำว่า ยิ่งมีรายได้มากเท่าไหร่ คนเรายิ่งดื่มหนักขึ้น โดยกลุ่มที่มีรายได้สูงดื่มเครื่องดื่มมึนเมามากกว่ากลุ่มผู้ใช้แรงงานถึง 30%
สำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งบริหารหรืองานสายวิชาชีพดื่มแอลกอฮอล์สัปดาห์ละ 15.1 หน่วย เทียบกับ 11.6 หน่วยสำหรับผู้รับผิดชอบงานซ้ำๆ เดิมที่ไม่มีความซับซ้อน และคนที่มีรายได้สูงสุดดื่มหนักกว่ากลุ่มอื่นๆ
ภายใต้ระบบการคำนวณเดิม ไวน์ 1 แก้วเท่ากับ 1 ยูนิต แต่ระบบใหม่นั้นถือว่าเป็น 2 ยูนิต ซึ่งหมายความว่าผู้ที่อยู่ในงานสายวิชาชีพดื่มหนักกว่าตัวเลขเดิมถึง 50%
นอกจากนั้น ยังมีรายงานอีกฉบับออกมาเมื่อต้นเดือนระบุว่า จำนวนผู้ที่ดื่มหนักจนนำไปสู่การเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คือเพิ่มขึ้นจากเมื่อ 15 ปีที่แล้วถึงสองเท่า โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงวัยกลางคน
นักวิจัยจากสภาวิจัยทางการแพทย์ (เอ็มอาร์ซี) อธิบายว่า คนที่เฉลียวฉลาดมักทำงานที่มีความเครียดสูง และหันไประบายความเครียดกับแอลกอฮอล์ และผู้หญิงที่ยึดครองตำแหน่งหน้าที่ของผู้ชายเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงมากที่จะมีปัญหาการดื่ม
การศึกษาที่นำโดยเดวิด แบตตี้ จากเอ็มอาร์ซี และหน่วยบริการสาธารณสุข มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ สก็อตแลนด์ สรุปว่าในบางสถานการณ์ ความสำเร็จในที่ทำงาน การเต็มใจที่จะดื่มบ่อยขึ้น และการเข้าสังคม คือคำอธิบายของเรื่องนี้
นักวิจัยได้ศึกษาชาย-หญิง 8,710 คนที่เกิดในอังกฤษระหว่างช่วงสัปดาห์หนึ่งในปี 1970 และนำผลการทดสอบความสามารถทางสติปัญญาของคนเหล่านี้เมื่ออายุ 10 ขวบมาเปรียบเทียบกับข้อมูลการดื่มและปัญหาจากการดื่มเมื่ออายุ 30 ปี
ผลศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารอเมริกัน เจอร์นัล ออฟ พับลิก เฮลท์แสดงให้เห็นว่า คนที่ตอนเด็กๆ ได้คะแนนทดสอบสติปัญญาสูง มีปัญหาการดื่มสูงเช่นเดียวกันเมื่อโตขึ้น โดยผู้หญิงมีความเสี่ยงที่จะดื่มมากกว่าผู้ชาย
คนที่ยอมรับว่าดื่มเกือบทุกวันมีคะแนนสติปัญญาสูงที่สุด ขณะที่คนที่บอกว่าไม่แตะต้องสุราเลยเป็นกลุ่มที่ทำคะแนนต่ำที่สุด
ผู้หญิงในสายวิชาชีพและการจัดการมีปัญหาจากเหล้ามากที่สุดในหมู่ผู้หญิงด้วยกัน
อนึ่ง เดือนที่ผ่านมา ทางการอังกฤษเพิ่งออกมาเตือนสาวๆ ชนชั้นกลางว่าดื่มสุรามากกว่าที่คิดๆ กัน โดยพร้อมกันนั้น รัฐบาลยังถูกบีบให้ปรับสูตรการคำนวณการบริโภคแอลกอฮอล์ใหม่ เพื่อให้สอดรับกับกระแสที่แก้วไวน์มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งหมายความว่าสาวผู้ดี 1 ใน 3 ดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าระดับที่ปลอดภัย
ข้อมูลของรัฐบาลอังกฤษตอกย้ำว่า ยิ่งมีรายได้มากเท่าไหร่ คนเรายิ่งดื่มหนักขึ้น โดยกลุ่มที่มีรายได้สูงดื่มเครื่องดื่มมึนเมามากกว่ากลุ่มผู้ใช้แรงงานถึง 30%
สำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งบริหารหรืองานสายวิชาชีพดื่มแอลกอฮอล์สัปดาห์ละ 15.1 หน่วย เทียบกับ 11.6 หน่วยสำหรับผู้รับผิดชอบงานซ้ำๆ เดิมที่ไม่มีความซับซ้อน และคนที่มีรายได้สูงสุดดื่มหนักกว่ากลุ่มอื่นๆ
ภายใต้ระบบการคำนวณเดิม ไวน์ 1 แก้วเท่ากับ 1 ยูนิต แต่ระบบใหม่นั้นถือว่าเป็น 2 ยูนิต ซึ่งหมายความว่าผู้ที่อยู่ในงานสายวิชาชีพดื่มหนักกว่าตัวเลขเดิมถึง 50%
นอกจากนั้น ยังมีรายงานอีกฉบับออกมาเมื่อต้นเดือนระบุว่า จำนวนผู้ที่ดื่มหนักจนนำไปสู่การเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คือเพิ่มขึ้นจากเมื่อ 15 ปีที่แล้วถึงสองเท่า โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงวัยกลางคน
