xs
xsm
sm
md
lg

รำลึกถึงแขกเมือง

เผยแพร่:   โดย: ชัยอนันต์ สมุทวณิช

ข่าวการสังหารอดีตผู้นำเบนาซีร์ บุตโต ทำให้เกิดความสงสัยว่าเหตุใดพวกแขกจึงชอบความรุนแรง จะเป็นเพราะต่างศาสนาหรือไม่ การเมืองในปากีสถานคงจะยุ่งยากไปอีกนาน

โดยทั่วไปแล้ว แขกฮินดูมักจะไม่ชอบความรุนแรง ผมเคยอยู่เมืองแขกระยะสั้นๆ ตอนนั้นผมอายุเพียง 13 ปี ไปอินเดียก็เพราะพ่ออ่านหนังสือ “ของดีในอินเดีย” ของหลวงวิจิตรวาทการ ท่านเคยเป็นทูตที่อินเดีย และเล่าถึงโรงเรียนที่ฝรั่ง (อังกฤษ) ไปตั้งไว้ มีการสอนเป็นภาษาอังกฤษเช่นที่ดาจีลิง และซิมลา เป็นต้น เมืองเหล่านี้เรียกกันว่า “Hill Station” เพราะอยู่บนภูเขา มีโรงเรียนประจำทั้งชาย-หญิงที่ดีๆ หลายโรงเรียน ก่อนที่เด็กจะไปอังกฤษพ่อแม่มักนิยมส่งลูกไปอินเดียก่อน ค่าเล่าเรียนก็ถูกตกเดือนละไม่กี่พันบาท

เมืองที่ผมไปเรียนอยู่ในรัฐเบงกอลตะวันตก จึงต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่เมืองกัลกัตตาซึ่งเป็นเมืองใหญ่ ต่อจากนั้นก็ขึ้นเครื่องบินเล็กไปลงสนามบินซีลีกุลี แล้วนั่งรถผ่านทางเลียบเขาที่คดเคี้ยว ผมเมาทั้งเครื่องบิน ทั้งรถ นับเป็นการเดินทางที่ผมสะบักสะบอมที่สุด

ที่ดาจีลิงผมพักโรงแรมเล็กๆ ชื่อ Windermere ผมออกไปเดินในเมืองพบกับเทนสิงห์ นอร์เกย์ ผู้พิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ด้วย เทนสิงห์กำลังดัง เขาเป็นชาวเชอร์ปา เผ่านี้ปีนเขาเก่งมากจึงมีอาชีพพานักปีนเขาเดินทาง ผมขอลายเซ็นเทนสิงห์มาด้วย

อาหารแขกที่ผมพบครั้งแรกเป็นอาหารของนักเรียน ส่วนมากเป็นอาหารที่ทำจากถั่ว นับตั้งแต่ “ดัล” คือซุปถั่วนั่นเอง ผมเห็นเพื่อนๆ ตักดัลใส่ข้าวกินแล้วก็อยากอ้วก เพราะสีเหลืองๆ คล้ายอึ ต่อมาอีกหลายสิบปี ผมได้ทานดัลที่ร้านอาหารชั้นดีก็อร่อยมาก ของว่างหรือขนมที่ขายก็เป็นโรตีแบบแขกไม่เหมือนโรตีบ้านเราเป็นแป้งสีน้ำตาลขนาดฝ่ามือเด็ก กินกับผักหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ คลุกผงกะหรี่ ที่อินเดียมีพริกเม็ดกลมๆ แต่เผ็ดมาก ผมกินข้าวคลุกน้ำปลาพริกอยู่หลายเดือน ยังโชคดีที่มีคนงานในโรงเรียนเชือดไก่ และทำไก่ย่างมาให้เรากิน แต่ราคาแพงมาก

อาหารแขกที่ดีๆ อร่อยมากอย่างที่โรงแรมเจดี ที่เชียงใหม่ บรรดาโรตีชนิดต่างๆ ก็เยี่ยม อาหารไม่ว่าจะเป็นแกงหรือไก่ทันดูรีก็แสนจะอร่อย สมัยอยู่นิวซีแลนด์เพื่อนชาวศรีลังกาของผมเป็นมังสวิรัติชน เขาทำกะหรี่แห้งๆ คือเอาผงกะหรี่คลุกกับผักมีข้าวโพด แครอท ถั่วหั่นชิ้นเล็กๆ แล้วผัดกับผงกะหรี่อร่อยจริงๆ

แถบภูเขาหิมาลัยมีชาวทิเบต และชาวสิกขิมอยู่แยะ เมืองหลวงของสิกขิมคือ กันต๊อกอยู่ห่างจากโรงเรียนเราขนาดเดินไปได้ วันไหนอากาศดีครูใหญ่ชาวสวิสจะเข้ามาตบมือเรียกเด็กให้ออกจากห้องไปเดินเล่นอย่างที่เรียกว่า hiking เดินไกลนับเป็นสิบๆ กิโล และเลาะลัดไปตามไหล่เขา พวกทิเบตและสิกขิมเดินกันสบาย เพราะพวกนี้เดินมาโรงเรียนไกลเป็นสิบๆ กิโล คนทิเบตแข็งแรงมากเวลามีเรื่องชกต่อยกัน เราจะสู้ไม่ได้ เพราะพวกแขกฮินดูจะรักสงบ ไม่ค่อยสู้คนอย่างดีก็ปล้ำกันไม่เคยเห็นการชกต่อยกัน

ถ้าจะไปกินอาหารจีนก็ต้องเข้าเมือง มีร้านอาหารจีนอยู่ร้านหนึ่งซอมซ่อมาก อาหารก็ไม่อร่อยแต่ก็ยังดีกว่าอาหารที่โรงเรียน ที่ร้านมีม่านกั้นโต๊ะต่างๆ มีคนเสิร์ฟเป็นชาวทิเบต สงสัยจะไม่ชอบอาบน้ำ เวลาเดินไปเสิร์ฟเด็กไทยแก่นๆ จะเอามือไปไว้ที่ม่าน พอเดินผ่านก็จะจับนมสาวทิเบต นับเป็นอะไรที่สนุกและน่าตื่นเต้น ผมเองก็เคยจับนมสาวทิเบตมาแล้ว จัดเป็นคนไทยน้อยคนที่เคยสัมผัสสาวทิเบต

ที่ตลาดมีรถแท็กซี่จอดกันหลายคัน โรงเรียนผมเคยไปเตะฟุตบอลกับทีมคนขับรถแท็กซี่ พวกเรามีรองเท้าฟุตบอลอย่างดี พวกแท็กซี่เท้าเปล่า ผมเล่นเป็นโกล์โดนคนขับแท็กซี่ยิงประตู 11 ลูก

โรงเรียนที่ผมอยู่เต็มไปด้วยเด็กเหลือขอ เป็นเด็กไทยที่เกเรแล้วถูกส่งมาอยู่โรงเรียนประจำ ผมมีเพื่อนที่อยู่ในวงการนักเลง เคยตีรันฟันแทงมาแล้ว แต่ก็มีเด็กดีๆ ที่เป็นเด็กเรียนมากพอๆ กัน ใกล้ๆ โรงเรียนมีโรงเรียนคอนแวนต์ มีเด็กผู้หญิงจากเมืองไทยพี่น้องสองคนชื่อ พรทิวา และพรทิพย์ เวลานั้นยังรูปร่างสะโอดสะอง พวกเรานักเรียนไทยคอยดูสาวๆ คอนแวนต์เวลาเดินมาโบสถ์ พูดกันว่ามีเจ้าหญิงจากทิเบตมาอยู่โรงเรียนนี้ด้วย

ผมกลับไปอินเดียอีกครั้งก็ตอนที่นักวิชาการอินเดียเชิญไปร่วมเสวนา นักวิชาการเอเชียอาคเนย์กับนักวิชาการอินเดีย มีราชนี โคทารี พี่เบิ้ม ปัญญาชนเป็นประธาน นักวิชาการอินเดียที่มาร่วมเก่งๆ ทั้งนั้น เป็นเจ้าความคิด แต่พอเจอกับแขกอินเดียที่อยู่มาเลเซียคือ K.J. Ratnam ทีไรเป็นต้องวงแตกทุกครั้งไป จึงได้ความรู้ใหม่ว่าแขกอินเดียกับแขกมาเลเซียไม่ค่อยจะกินเส้นกัน

นักวิชาการไทยมักไม่อยากไปอินเดีย เพราะมีประสบการณ์ไม่ดี บางคนไปแลกเงินแขกชักไป 100 เฉยๆ บอกว่าเป็นค่าคอมมิสชัน ผมอาจเป็นนักวิชาการน้อยคนที่ไม่ได้ถูกแขกหลอก แต่หลอกแขกได้ คือผมรู้ว่าอินเดียเก็บภาษีบุหรี่และเหล้าสูงมาก ข้อสำคัญคือ แม้มีสตางค์ก็ซื้อไม่ได้เพราะไม่มีขาย เหล้าที่แขกชอบมากคือ จอนนี่ วอลเกอร์ และบุหรี่ 555 นอกนั้นก็มีปากกาลูกลื่น

ผมเอาวิสกี้ไป 1 ขวด บุหรี่ 1 ห่อ และปากกาลูกลื่น 10 ด้าม เวลาไปเดินตลาดก็จะถือของพวกนี้ไปด้วย พบอะไรก็จะถามราคาแล้วแขกจะถามว่า แลกกับบุหรี่ไหม ผมเลยไม่ต้องใช้สตางค์ การซื้อของที่เมืองแขก ผมจึงไม่ต้องจ่ายสตางค์เลย เพราะใช้วิธีแลกของเอา ปากกาลูกลื่นแขกก็ชอบมาก ใครไปอินเดียจะใช้วิธีของผมก็ได้ไม่สงวนลิขสิทธิ์

แขกไทยที่ผมรู้จักดีคือ “โกกู๊ด” แขกเฝ้ายามที่วชิราวุธ คอยจับเด็กหนีโรงเรียน “โกกู๊ด” เป็นแขกที่เหมือนยักษ์ในหนังแขก ที่เหาะตัวทื่อๆ มาก คือตัวใหญ่หัวล้านมันแผลบ

อินเดียและปากีสถานเป็นประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยมานาน และลงลึกถึงหมู่บ้าน ผมมีเพื่อนนักวิชาการชาวบังกลาเทศชื่อ โมฮัมหมัด ยูนุส เขาทำธนาคารแกรมมีนให้เครดิตแก่ผู้ประกอบการรายย่อยโดยเฉพาะผู้หญิง แขกเป็นคนช่างคิดเมืองแขกมีนักคิด และคนเก่งๆ มากมาย จึงไม่น่าแปลกใจว่าเวลานี้อินเดียจึงไปไกลทางด้านไอทีมาก

ถ้าใครยังไม่เคยไปเที่ยวอินเดีย ผมแนะนำให้ไปอย่างน้อยก็ไปดูทัชมาฮาล ยามพระจันทร์เต็มดวง เดี๋ยวนี้อินเดียมีโรงแรมห้าดาวมากมาย บางแห่งมีโคมระย้าอันเบ้อเริ่มเทิ่ม แต่ไม่เคยเปิดไฟเลย

ของอร่อยที่อินเดียอีกอย่างหนึ่งคือ โคคา-โคล่าที่อินเดียเรียกว่า “แคมป้า โคล่า” ผมว่ารสชาติดีกว่าที่อื่นๆ ไม่รู้มีสูตรเด็ดอะไร

ผมไม่ได้ไปอินเดียมานานแล้ว เพื่อนอาวุโสต่างล้มหายตายจากไปเกือบหมดแล้ว ผมหวังว่าจะได้กลับไปดาจีลิงและกาลิมปงอีก และก็จะไปร้านอาหารจีนถ้ายังมีอยู่ แต่คงไม่ได้จับนมคนทิเบตอีกแล้ว

กำลังโหลดความคิดเห็น