คตส.ตอนรับ “แม้ว” บินกลับ ชงฟัน 2คดีใหญ่ “เก็บภาษีซินแซท400 ล้าน-เอ็กซิมแบงก์” ขณะที่ ดีเอสไอชงสำนวนให้อัยการเชือดซ้ำ “หญิงอ้อ”พร้อมพวกคดีเอสซีแอสเสท ด้าน “ปลัดคลัง-ขรก.สรรพากร” หนาวเจอข้อหาเอื้อชินคอร์ป “สมัคร” ยัน ครม.ไม่ยุ่ง “ทักษิณ” กลับไทย แต่เป็นคนไทยควรให้กลับมาสู้คดี พร้อมหนุนคืนพาสปอร์ตแดง รับไม่เคยโทร.คุยเป็นการส่วนตัว “เฉลิม” ระริกอยากให้กลับมาพรุ่งนี้ พร้อมไปรับถึงสนามบิน หลุดปาก พปช.เกิดมาจาก ทรท. หากถูกยุบจะตั้งชื่อพรรคทักษิณ “เตมูจิน” ลั่น หาก “แม้ว” กลับจะยกพล 1 หมื่นไปตอนรับให้สาสม
ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) วานนี้ (8 ก.พ.) มีการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีธนาคารเพื่อการส่งเสริมการส่งออกและนำเข้า (เอ็กซิมแบงก์) ปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่า โดยมีนายสัก กอแสงเรือง กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นประธาน
นายสัก แถลงหลังการประชุมว่า ที่ประชุมยังไม่สามารถสรุปสำนวนเพื่อส่งให้ คตส.ชุดใหญ่พิจารณาส่งให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้องได้ เนื่องจากยังมีเอกสารบางอย่าง ไม่เรียบร้อย แต่คาดว่าจะสามารถเสนอต่อที่ประชุมคตส.ได้ภายในเดือนก.พ.นี้ ทั้งนี้ในการชี้แจงของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าว เป็นคำชี้แจง เดิม ๆ โดยปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งการให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้
นายสัก กล่าวว่า ในการประชุมคตส.วันจันทร์ที่ 11 ก.พ.นี้ นายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ กรรมการคตส. ในฐานะคณะทำงานในคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ออกนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง ครอบครัวแ ละพวกพ้อง จะเสนอให้ที่ประชุมมีมติสั่งให้กรมสรรพากร เรียกเก็บภาษีบริษัท ชินแซทเทิลไลท์ จำกัด (มหาชน) จากเงินได้ 33 ล้านเหรียญสหรัฐ ในเคลมประกันดาวเทียมไทยคม 3 ที่เสียหาย ซึ่งบริษัทชินแซทฯ ได้เคยยื่นเสียภาษีไว้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร เห็นว่า ไม่ต้องเสียภาษี จึงคืนเงินภาษีกลับคืนไป แต่คณะทำงานฯเห็นว่า เงินดังกล่าว อยู่ในส่วนที่ต้องเสียภาษี จึงต้องให้คตส.มีมติให้กรมสรรพากร เรียกเก็บภาษีดังกล่าวคืนมา อย่างไรก็ตามทางคณะทำงานไม่ได้พิจารณาถึงความผิดเกี่ยวกับข้าราชการที่ทำหนังสือคืนเงินภาษีดังกล่าวไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภาษีที่กรมสรรพากรคืนให้กับบริษัทชินแซทฯ ในกรณีดังกล่าวเป็นเงิน 400 ล้านบาท ซึ่งคตส.เตรียมส่งให้กรมสรรพากร เรียกเก็บคืนแก่รัฐ
ชง คตส.เฉือด ขรก.เอื้อภาษีชินคอร์ป
นายสัก กล่าวในฐานะ ประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีกล่าวหาเจ้าหน้าที่ กระทรวงการคลัง และกรมสรรพากร ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการเรียกเก็บภาษี การซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ในส่วนการซื้อขายหุ้นระหว่าง บริษัท แอมเพิลริช อินเวสเมนท์ จำกัด กับ นายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท. ทักษิณ เปิดเผยว่า ในการประชุมคตส.วันจันทร์ที่ 18 ก.พ. คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาเรื่องดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าวมีจำนวน 8 ราย ประกอบด้วย นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร นางไพฑูรย์ พงษ์เกษร รองอธิบดีกรมสรรพากร นางเบญจา หลุยเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง ผู้อำนวยการ สำนักอุทธรณ์ภาษี กรมสรรพากร น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีตผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมสรรพากร และนายกฤช วิปุลานุสาสน์ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายกรมสรรพากร
คตส.ไม่หวั่นทักษิณกลับไทย
นายสัก กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางกลับมายังประเทศไทย เพื่อสู้คดีเร็วกว่ากำหนดเดิมว่า ถ้ามาแล้วขึ้นศาลเพื่อสู้คดีก็เป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อย คดีของ คตส.จะไม่ค้างนานเกินไป แต่เมื่อกลับมาก็ต้องอยู่ที่ศาลว่าจะดำเนินการอย่างไร คตส.ไม่เกี่ยว และไม่รู้สึกหวั่นไหว ยังคงทำหน้าที่ต่อไปยืนยันว่าจะทำหน้าที่ต่อไปอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ทุกคดีที่ขึ้นศาล ทางคตส.จะมอบให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเลขานุการไปร่วมรับฟังการพิจารณาคดี เพื่อนำมารายงานความคืบหน้าต่อทีประชุม คตส. ซึ่งขณะนี้คดีของคตส.ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล คือคดีนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ เลี่ยงภาษี การซื้อขายหุ้นชินคอร์ป ซึ่งในวันที่ 15 ก.พ.ที่จะถึงนี้จะเป็นนัดสุดท้ายที่ศาลนัดไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย หลังจากนั้นศาลก็จะนัดฟังคำพิพากษาตัดสินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงจะมีการเช็คบิลคตส.หรือไม่ นายสัก กล่าวว่า จะมีการเช็คบิลมากกว่านี้อีกหรือ เพราะที่ผ่านมาเขาก็ฟ้อง คตส.ไปแล้ว 18 คดี
DSI ส่งสำนวนเอสซีแอสเสทให้อัยการ
วันเดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายพรชัย อัศววัฒนาพร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีปกปิด โครงสร้างผู้ถือหุ้น บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้นำสำนวนคดี พร้อมเอกสารหลักฐานรวม 7 กล่อง ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่นโดย นางเพ็ญโสม ดามาพงษ์ นางบุษบา ดามาพงศ์ อดีตกรรมการบริษัท ฯ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ฐานกระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ส่งมอบให้นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาสั่งคดี
ภายหลังรับมอบสำนวนอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ นัดผู้ต้องหาฟังคำสั่งในวันที่ 28 มี.ค.เวลา 10.00 น. โดยในชั้นนี้อัยการได้พิจารณาให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสามไป โดยใช้หลักทรัพย์เดียวกันกับที่ผู้ต้องหายื่นขอประกันตัวในชั้นสอบสวนของดีเอสไอ พร้อมกำหนดเงื่อนไขการประกันตามที่ดีเอสไอเคยกำหนดไว้ ว่า หากจะเดินทางออกนอกประเทศจะต้องแจ้งอัยการให้พิจารณาอนุญาตทุกครั้ง
นายเศกสรรค์ เปิดเผยว่า จะเข้าพบนายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด เพื่อรายงานการส่งสำนวนของดีเอสไอให้ทราบ ซึ่งหลังจากนี้จะได้แต่งตั้งคณะทำงานอัยการขึ้นมาพิจารณาสำนวนและมีความเห็นด้วยความรอบคอบต่อไป
ด้าน นายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความคุณหญิงพจมาน กล่าวว่า หลังจากนี้ กระบวนการพิจารณาสั่งคดีต้องขึ้นอยู่กับอัยการว่าจะมีความเห็นอย่างไร ซึ่งในชั้นพิจารณาสั่งคดีคุณหญิงพจมาน , นางบุษบา และนางเพ็ญโสม จะยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดหรือไม่นั้น ขณะนี้ทีมทนายความกำลังหารือกันอยู่
ขณะที่นายพรชัย กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานบุคคลจนรอบคอบรัดกุม จึงมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาต่อพนักงานอัยการ โดยยืนยันว่าคณะพนักงานสอบสวนทำสำนวนคดีด้วยความละเอียด รอบคอบ และมีความมั่นใจในพยานหลักฐานทั้งหมดที่นำส่งให้พนักงานอัยการ หลังจากนี้คดีดำเนินต่อไปตามกระบวนการยุติธรรม
ปฏิเสธรีบส่งฟ้องกลัวอำนาจเก่า
ด้าน นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า คณะพนักงานสอบสวนได้ประชุมสรุปความเห็นในสำนวนคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น เอสซีแอสเสทฯ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2550 โดยมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย หลังจากนั้นเป็นขั้นตอนที่พนักงานสอบสวนต้องเขียนสำนวนคำฟ้อง พร้อมกับบรรยายพฤติการณ์ความผิดในคดีให้สอดคล้องกับพยานเอกสาร ซึ่งรวบรวมไว้กว่า 1,000 รายการ ซึ่งขั้นตอนการเขียนบรรยายคำฟ้องต้องใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากดีเอสไอต้องการเขียนคำฟ้องให้ชัดเจน อ่านแล้วเข้าใจง่าย และยังต้องเรียงลำดับพยานเอกสารให้สอดรับไปกับสำนวนคำฟ้องด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลัวการแทรกแซงหรือไม่จึงรีบส่งสำนวนคดีซุกหุ้น เอสซีแอสเสทฯ หลังนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรมคนใหม่เข้ารับตำแหน่ง เพียงวันเดียว นายสุนัย กล่าวว่า การที่ดีเอสไอสรุปสำนวนสั่งฟ้องแสดงให้เห็นชัดเจนว่ารัฐมนตรีไม่ได้เข้ามาแทรกแซงการทำงานของดีเอสไอ
สมัครยัน ครม.ไม่ยุ่งทักษิณกลับ
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางกลับประเทศก่อนกำหนดว่า ยังไม่ได้ข่าวนี้เลย อย่างไรก็ตามเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ครม.จะไม่เข้าไปยุ่ง นอกจากนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศที่ให้สัมภาษณ์เรื่องพาสปอร์ตสีแดงหรือพาสปอร์ตทูตว่าต้องทำให้เท่าเทียมกัน แต่ถูกมองว่าเรียกร้องให้คืนพาสปอร์ตแดงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนเห็นว่าเป็นเรื่องของคนที่เจตนาย์ให้ให้มองไปอย่างนั้น
“จุดยืนของผมคือ พ.ต.ท.ทักษิณก็เป็นคนไทยที่จะกลับมาสู้ เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดูแลความปลอดภัย ครม.ไม่ต้องไปดูแลอะไรเลย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมยังมีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งอาจจะเกิดความวุ่นวาย นายสมัคร กล่าวว่า เป็นอย่างนั้นคงไม่ได้ มันไม่ยุติธรรม คนเขาจะเดินทางมาขึ้นศาลเพื่อมาสู้ความจริงกัน ถ้าเช่นนั้นตนเห็นว่าคนพวกนี้อยู่เหนือศาล เมื่อเขาถูกกล่าวหาก็ต้องมาขึ้นศาล มาพิจารณาคดีกันในศาล มาขัดขวางด้วยวิธีการอะไรก็ไม่สมควร
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลยืนยันว่าจะดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยได้ นายสมัคร กล่าวว่า ตนไม่ต้องดูแลหรอก ตนเอาสังคมเป็นเพื่อนเท่านั้นเองว่าสังคมต้องช่วยดูแลว่า เมื่อกล่าวหาเขาก็ให้มาขึ้นศาล แต่จะมีคนมาทำหน้าที่ก่อนศาล ตนก็ขอร้องทุกข์เท่านี้เอง
รับไม่เคยโทรคุยกับ"ทักษิณ"
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังการมีรัฐบาลเรียบรัอย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์มาแสดงความยินดีหรือไม่ นายสมัคร ตอบว่า ทราบว่าท่านไปอยู่ไกล ไปอยู่ที่อเมริกาใต้ แต่ตนก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนแน่ ถามวันหนึ่งก็บอกว่าอยู่อเมริกาใต้ อีกวันหนึ่งก็บอกว่าบราซิล ถามอีกวันบอกอยู่อาเจนตินา เมื่อวานถามอีก ก็บอกว่าอยู่โมรอคโค ตนไม่เคยโทรไปคุยแต่ถามผู้ที่โทรไป
“ที่ได้คุยเพราะคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กำลังคุยกับคุณทักษิณ เขาก็ส่งสายมาให้ผมว่าท่านอดีตนายกฯจะแสดงความยินดีด้วยทำนองนั้น”
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ แนะนำการทำงานบ้างหรือเปล่า นายสมัคร หัวเราะแค่นๆ ก่อนจะกล่าวว่าเออะ เออะ ไม่ต้องแนะนำหรอก แต่ถ้าท่านจะแนะนำก็ไม่ควรจะต้องเอามาบอก ถูกมั้ย
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ในความเห็นของท่าน พ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะกลับประเทศหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ขออนุญาตไม่ออกความเห็น แต่ว่า สถานการณ์การเมืองดีและก็แข็งแรง บ้านเมืองได้กลับสู่สภาพปกติดีแล้ว ใครต่อใครทั่วโลก ก็ได้มาแสดงความยินดีกับเรา เขาก็ยินดีกับเราทั้งหมด ฟังข่าวดูไม่มีอะไรเสียหายเลย ฉะนั้นไม่ต้องวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนั้นปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปตามสภาพของมันดีกว่า
"เฉลิม"หนุนแม้วกลับมาช่วยรัฐบาล
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าววว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะกลับประเทศเร็วขึ้น เพื่อมาช่วยเหลือรัฐบาลในด้านเศรษฐกิจ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ส่วนการดูแลความปลอดภัยให้เป็นไปตามปกติ ทั้งนี้หากกลับมาจะขอไปรับที่สนามบินด้วยตัวเอง และหากมีโอกาสอยากบอกให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาในวันพรุ่งนี้ได้เลย เพราะสถานการณ์นิ่งแล้ว นับตั้งแต่การหาเสียงและการเลือกตั้งที่พรรคพลังประชาชนชนะในการเลือกตั้ง
“ผมยังไม่ได้พูดคุยกับท่านทักษิณ ชินวัตร แต่กำลังรอให้โทรศัพท์มาแสดงความยินดียินดีที่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี”
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนเคยพูดไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้งว่าภารกิจมี 3 อย่างคือ 1. พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง 2.ตนเป็น รมว.มหาดไทย และ 3.พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับประเทศ ซึ่งขณะนี้สำเร็จไป 2 ขั้นแล้ว เหลือขั้นที่ 3 อีกเพียงขั้นเดียว อีกทั้งขณะนี้สถานการณ์ทุกอย่างนิ่งมาตั้งแต่ตอนหาเสียง ซึ่งเคยบอกไปแล้วว่า พรรคพลังประชาชนจะชนะถล่มทลายก็ไม่มีใครเชื่อ ยิ่งในกระทรวงหมาดไทยตอนนี้ ไม่มีทั้งสิงห์ดำ สิงห์แดง เพราะมีแต่สิงห์เหลิม ที่ขณะนี้ตนอยากให้พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาเร็วๆ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ คิดถึงเมืองไทย คิดถึงคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาและลูกๆ ที่อยู่ในประเทศไทย
"เฉลิม"รับ พปช.เติบโตมาจาก ทรท.
ร.ต.อ.เฉลิม ยังเรียกร้องให้คนที่พยายามพูดกดดันให้ยุบพรรคพลังประชาชนให้ยุติการกระทำ เพราะการพิจารณาเพิ่มอยู่ในขั้น กกต. ซึ่งไม่มีอำนาจตัดสินใจให้ยุบพรรคได้ แต่ต้องเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุด เสนอต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน จึงจะมีความชัดเจน ซึ่งการวิจารณ์ในขณะนี้จะไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง นอกจากทำให้สังคมเกิดความสับสนเท่านั้น ทั้งนี้ยอมรับว่าพรรคพลังประชาชนเจริญเติบโตมาจากพรรคไทยรักไทยเดิมที่ถูกยุบ ถึงแม้จะต้องถูกยุบอีกครั้ง สมาชิกพรรคที่เหลือก็จะย้ายไปตั้งพรรคใหม่ ถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
“เรื่องนี้คนชอบพูด เพราะผมปราศรัยเอานโยบายที่ไทยรักไทยโดยท่านทักษิณ บริหารมาใช้ แล้วเราต่อยอด แล้วคนก็มาบอกว่าพลังประชาชนก็คือไทยรักไทยเดิม ถูกต้อง ตั้งขึ้นมาจากนั้นแล้วไปยุบพรรคเขาทำไม ยุบอีกทีจะตั้งชื่อพรรคทักษิณ”
"นพดล"ยันแม้วกลับก่อน พ.ค.
นายนพดล ปัทมะ รมว.การต่างประเทศ อดีตที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับก่อนเดือนพฤษภาคม ที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายคงจะเป็นผู้แถลงอีกครั้ง อยากเรียนว่า ตนไม่ได้เป็นที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว
“ผมในฐานะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเดินทางกลับ เป็นเรื่องของท่านที่จะตัดสินใจเดินทางกลับมาเอง เพื่อมามอบตัวต่อสู้คดีตามกระบวนการประชาธิปไตย”
นายนพดล กล่าวว่าที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับตนที่เข้าดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศเมื่อวันที่ 7 ม.ค. และได้ให้คำปรึกษาบ้าง ในฐานะที่เคยเป็น อดีต รมว.ต่างประเทศมาก่อน โดยให้เน้นการทำงานในเชิงรุก แต่ที่แนะนำเป็นการแนะนำในฐานะที่ให้ความเมตตาตน ไม่ได้มาเป็นที่ปรึกษา เพราะเดี๋ยวจะเป็นประเด็นต่อไปอีก ส่วนการเดินทางกลับของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นตนคิดว่าก่อนเดือนพฤษภาคมแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่ากระทรวงการต่างประเทศมีนโยบายสอดรับกับการเดินทางกลับของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะคืนพาสพอร์ตเล่มสีแดงหรือไม่ นายนพดลกล่าวว่า ตนไม่มีนโยบายในการที่จะคืนพาสปอร์ต การตัดสินใจคืนหนังสือเดินทางทูต เป็นเรื่องการตัดสินใจของกระทรวงการต่างประเทศ
“คือมีการถูกเพิกถอนโดยมิชอบ ซึ่งขัดระเบียบ เพราะฉะนั้นทางกระทรวงการต่างประเทศ จะพิจารณากรณี พ.ต.ท.ทักษิณเสมือนกับอดีตนายกรัฐมนตรีทั่วไปว่า หนังสือเดินทางทางการทูต ควรจะออกให้ใครบ้าง เป็นไปตามกฎหมาย ผมจะไม่เข้าไปแทรกแซงเป็นเรื่องของข้าราชการที่จะดำเนินการ”
"แม้ว"กลับไม่เกี่ยว พปช.ตั้งรัฐบาลสำเร็จ
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ว่ายังไม่ทราบข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางกลับประเทศ และไม่ทราบว่ามีข้อเท็จจริงเรื่องนี้อย่างไร อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องของพ.ต.ท.ทักษิณถ้าท่านตัดสินใจจะกลับมาประเทศไทยเพื่อจะต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมก็เป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะเมื่อมีการตั้งข้อกล่าวหาแล้วในฐานะทีเป็นคนไทยคนหนึ่งการที่จะเดินทางกลับมาต่อสู้คดีก็ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม
ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงจะถูกมองจับโยงว่ารัฐบาลชุดนี้พอตั้งรัฐบาลแล้วพ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะเดินทางกลับ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า คิดว่าคงไม่เกี่ยวกัน เพราะว่าเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาลก็ได้มีเรื่องของการรวมกลุ่มกันของพรรคร่วมรัฐบาล 6 พรรคมาได้ระยะหนึ่งแล้ว อีกอย่างที่ยังไม่ชัดเจนก็คือว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาเมื่อไหร่ก็เป็นเพียง แค่ข่าวตนยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าเมื่อกลับมาสู้คดีแล้วจะขอกลับออกนอกประเทศ สามารถทำได้หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การกลับมาต่อสูคดี ก็คงอยู่ในดุลพินิจทางศาลว่าเมื่อกลับมาต่อสู้คดีแล้วมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับออกมาก่อนหน้านี้เรื่องของการขอประกันตัวจะมีเงื่อนไขอย่างไร ตรงนี้คงเป็นดุลพินิจของทางศาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ากลับมาจริงก็เห็นทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยฮึ่มๆว่าจะขยับ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า เรื่องการจะเคลื่อนไหวของการพันธมิตรฯ ตนเข้าใจว่าไม่น่าจะมีประเด็น เพราะว่าการที่อดีตนายกฯจะกลับมาเพื่อต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมถือว่าเป็นสิทธิของบุคคลเมื่อถูกกล่าวหา ก็คงไม่น่าจะเป็นปัญหา ในเรื่องของทางการเมืองหรือเป็นประเด็นที่จะให้เกิดความไม่สงบหรือไม่เรียบร้อย แต่อย่างใด
สำหรับการหารือในการรักษาความปลอดภัยพ.ต.ท.ทักษิณนั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่จะรักษาความปลอดภัยที่จะต้องดูแลคนไทยทุกคน เท่าเทียมกัน แต่พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะเป็นคนไทยที่ก่อนหน้านี้อาจจะไม่มั่นใจในเรื่องของการเดินทางเข้าประเทศ ฉะนั้นในส่วนของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยืนยันว่าเราพร้อมในเรื่องของการดูแล ทั้งนี้เป็นเรื่องที่ดีที่อดีตนายกจะเดินทางเข้ามาต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ก็เป็นเรื่องที่เราเห็นว่าเหมาะสม
ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการ เดินทางกลับมาต่อสู้คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดต้องไปถาม ทางที่ปรึกษากฎหมายของท่าน และคิดว่าคงเป็นท่าที่ของฝ่ายกฎหมาย
ทั้งนี้เรื่องนี้เป็นเรื่องของการความพร้อมและความสมัครใจของพ.ต.ท.ทักษิณมากกว่า อย่างไรก็ตามขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันในพรรค ส่วนจะส่งผลอะไรต่อการทำงานรัฐบาลหรือไม่นั้นตนคิดว่าไม่เกี่ยว เพราะรัฐบาลก็บริหารชาติบ้านเมือง แต่ถ้าท่านจะกลับมาก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมของท่าน และคงไม่เกี่ยวกับการที่นายเฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยระบุมาก่อนหน้านี้
"จักรภพ"แนะคืนพา"สปอร์ตแดงทักษิณ"
นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุม ครม.ว่า รัฐบาลไม่ได้หารือกรณีข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางกลับ และรัฐบาลจะไม่มีนโยบายพิเศษในเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก็จะไม่ละเมิดสิทธิใดๆ กับอดีตนายกรรฐมนตรี
ส่วนการคืนพาสปอร์ตแดงให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า หนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกริบไปโดยไม่เป็นธรรม หากข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศเสนอเรื่องเพื่อให้คืนพาสปอร์ตแดง ก็เชื่อว่าจะเป็นดุลพินิจของ รมว.ต่างประเทศจะพิจารณา แต่จะไม่มีนโยบายอะไรเป็นพิเศษจากรัฐบาล
ผบ.ทบ.ชี้"แม้ว"กลับไม่เกี่ยวกองทัพ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการเดินทางกลับประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ กองทัพได้เตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างไรว่า กองทัพยังเตรียมไม่ทัน เพราะเพิ่มรู้จากสื่อ ไม่รู้จะเตรียมอย่างไร ไม่มีอะไรต้องเตรียมเพราะไม่เกี่ยวกับกองทัพ
ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์การบริหารประเทศที่มีข้อขัดแย้งมาตั้งแต่ต้นหากมีปัญหาขึ้นมาอีกในส่วนทางด้านการข่าวจะมีการปรับเปลี่ยนเพื่อป้องกันไม่ให้มีความขัดแย้งขึ้นอีก พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีความขัดแย้งทั้งสิ้น ประเทศเสียหายมามากเกินกว่าที่ใครจะมาคิดเรื่องอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นใครจะต้องลืมเรื่องส่วนตัวทั้งสิ้นหรือเรื่องที่มีความขัดแย้ง เลิก จบไปได้เลยเลิกพูด มาทำให้ปัญหาต่างๆที่รุมเร้าอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นปัญหาภายนอกประเทศ เศรษฐกิจ มีมากมายให้มาช่วยกันแก้ไข ถ้าคิดไม่ได้แสดงว่าไม่ได้ใช้สมองในการที่จะมาบริหารประเทศ
“เตมูจิน” ขู่ยกพล 1 หมื่นรับอย่างสาสม
นายชนาพัทธ์ ณ นคร ประธานเครือข่ายเตมูจิน กล่าวว่า ทันที่ทีรู้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทยวันไหน ตนจะรวบร่วมเครือข่ายและประชาชนประมาณ 1 หมื่นคน เพื่อไปต้อนรับพ.ต.ท.ทักษิณ ถึงสนามบินสุวรรรภูมิอย่างสาสม
“ผมอยากเตือนพ.ต.ท.ทักษิณ และรัฐบาลว่าอำนาจเงิน ไม่สามารถซื้ออะไรได้หรือทำอะไรได้ทุกอย่าง ผมจะรวบรวมคนมาให้ดู ให้รู้ว่ามีคนไม่ต้องการ พ.ต.ท.ทักษิณ และหากจะมีการสกัดกั้นนั้น ถ้ารัฐบาลไม่กลัวเหตุการณ์บานปลายก็ลองดู แล้วผมก็อยากรู้ว่ารัฐบาลที่บอกว่าเป็นประชาธิปไตยจะปิดกั้นอย่างนั้นหรือ”
ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) วานนี้ (8 ก.พ.) มีการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีธนาคารเพื่อการส่งเสริมการส่งออกและนำเข้า (เอ็กซิมแบงก์) ปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่า โดยมีนายสัก กอแสงเรือง กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นประธาน
นายสัก แถลงหลังการประชุมว่า ที่ประชุมยังไม่สามารถสรุปสำนวนเพื่อส่งให้ คตส.ชุดใหญ่พิจารณาส่งให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้องได้ เนื่องจากยังมีเอกสารบางอย่าง ไม่เรียบร้อย แต่คาดว่าจะสามารถเสนอต่อที่ประชุมคตส.ได้ภายในเดือนก.พ.นี้ ทั้งนี้ในการชี้แจงของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าว เป็นคำชี้แจง เดิม ๆ โดยปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งการให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้
นายสัก กล่าวว่า ในการประชุมคตส.วันจันทร์ที่ 11 ก.พ.นี้ นายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ กรรมการคตส. ในฐานะคณะทำงานในคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ออกนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง ครอบครัวแ ละพวกพ้อง จะเสนอให้ที่ประชุมมีมติสั่งให้กรมสรรพากร เรียกเก็บภาษีบริษัท ชินแซทเทิลไลท์ จำกัด (มหาชน) จากเงินได้ 33 ล้านเหรียญสหรัฐ ในเคลมประกันดาวเทียมไทยคม 3 ที่เสียหาย ซึ่งบริษัทชินแซทฯ ได้เคยยื่นเสียภาษีไว้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร เห็นว่า ไม่ต้องเสียภาษี จึงคืนเงินภาษีกลับคืนไป แต่คณะทำงานฯเห็นว่า เงินดังกล่าว อยู่ในส่วนที่ต้องเสียภาษี จึงต้องให้คตส.มีมติให้กรมสรรพากร เรียกเก็บภาษีดังกล่าวคืนมา อย่างไรก็ตามทางคณะทำงานไม่ได้พิจารณาถึงความผิดเกี่ยวกับข้าราชการที่ทำหนังสือคืนเงินภาษีดังกล่าวไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภาษีที่กรมสรรพากรคืนให้กับบริษัทชินแซทฯ ในกรณีดังกล่าวเป็นเงิน 400 ล้านบาท ซึ่งคตส.เตรียมส่งให้กรมสรรพากร เรียกเก็บคืนแก่รัฐ
ชง คตส.เฉือด ขรก.เอื้อภาษีชินคอร์ป
นายสัก กล่าวในฐานะ ประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีกล่าวหาเจ้าหน้าที่ กระทรวงการคลัง และกรมสรรพากร ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการเรียกเก็บภาษี การซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ในส่วนการซื้อขายหุ้นระหว่าง บริษัท แอมเพิลริช อินเวสเมนท์ จำกัด กับ นายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท. ทักษิณ เปิดเผยว่า ในการประชุมคตส.วันจันทร์ที่ 18 ก.พ. คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาเรื่องดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าวมีจำนวน 8 ราย ประกอบด้วย นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร นางไพฑูรย์ พงษ์เกษร รองอธิบดีกรมสรรพากร นางเบญจา หลุยเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง ผู้อำนวยการ สำนักอุทธรณ์ภาษี กรมสรรพากร น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีตผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมสรรพากร และนายกฤช วิปุลานุสาสน์ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายกรมสรรพากร
คตส.ไม่หวั่นทักษิณกลับไทย
นายสัก กล่าวถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางกลับมายังประเทศไทย เพื่อสู้คดีเร็วกว่ากำหนดเดิมว่า ถ้ามาแล้วขึ้นศาลเพื่อสู้คดีก็เป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อย คดีของ คตส.จะไม่ค้างนานเกินไป แต่เมื่อกลับมาก็ต้องอยู่ที่ศาลว่าจะดำเนินการอย่างไร คตส.ไม่เกี่ยว และไม่รู้สึกหวั่นไหว ยังคงทำหน้าที่ต่อไปยืนยันว่าจะทำหน้าที่ต่อไปอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ทุกคดีที่ขึ้นศาล ทางคตส.จะมอบให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเลขานุการไปร่วมรับฟังการพิจารณาคดี เพื่อนำมารายงานความคืบหน้าต่อทีประชุม คตส. ซึ่งขณะนี้คดีของคตส.ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล คือคดีนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ เลี่ยงภาษี การซื้อขายหุ้นชินคอร์ป ซึ่งในวันที่ 15 ก.พ.ที่จะถึงนี้จะเป็นนัดสุดท้ายที่ศาลนัดไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย หลังจากนั้นศาลก็จะนัดฟังคำพิพากษาตัดสินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงจะมีการเช็คบิลคตส.หรือไม่ นายสัก กล่าวว่า จะมีการเช็คบิลมากกว่านี้อีกหรือ เพราะที่ผ่านมาเขาก็ฟ้อง คตส.ไปแล้ว 18 คดี
DSI ส่งสำนวนเอสซีแอสเสทให้อัยการ
วันเดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายพรชัย อัศววัฒนาพร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีปกปิด โครงสร้างผู้ถือหุ้น บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้นำสำนวนคดี พร้อมเอกสารหลักฐานรวม 7 กล่อง ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่นโดย นางเพ็ญโสม ดามาพงษ์ นางบุษบา ดามาพงศ์ อดีตกรรมการบริษัท ฯ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ฐานกระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ส่งมอบให้นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาสั่งคดี
ภายหลังรับมอบสำนวนอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ นัดผู้ต้องหาฟังคำสั่งในวันที่ 28 มี.ค.เวลา 10.00 น. โดยในชั้นนี้อัยการได้พิจารณาให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสามไป โดยใช้หลักทรัพย์เดียวกันกับที่ผู้ต้องหายื่นขอประกันตัวในชั้นสอบสวนของดีเอสไอ พร้อมกำหนดเงื่อนไขการประกันตามที่ดีเอสไอเคยกำหนดไว้ ว่า หากจะเดินทางออกนอกประเทศจะต้องแจ้งอัยการให้พิจารณาอนุญาตทุกครั้ง
นายเศกสรรค์ เปิดเผยว่า จะเข้าพบนายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด เพื่อรายงานการส่งสำนวนของดีเอสไอให้ทราบ ซึ่งหลังจากนี้จะได้แต่งตั้งคณะทำงานอัยการขึ้นมาพิจารณาสำนวนและมีความเห็นด้วยความรอบคอบต่อไป
ด้าน นายพิชิฏ ชื่นบาน ทนายความคุณหญิงพจมาน กล่าวว่า หลังจากนี้ กระบวนการพิจารณาสั่งคดีต้องขึ้นอยู่กับอัยการว่าจะมีความเห็นอย่างไร ซึ่งในชั้นพิจารณาสั่งคดีคุณหญิงพจมาน , นางบุษบา และนางเพ็ญโสม จะยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดหรือไม่นั้น ขณะนี้ทีมทนายความกำลังหารือกันอยู่
ขณะที่นายพรชัย กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานบุคคลจนรอบคอบรัดกุม จึงมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาต่อพนักงานอัยการ โดยยืนยันว่าคณะพนักงานสอบสวนทำสำนวนคดีด้วยความละเอียด รอบคอบ และมีความมั่นใจในพยานหลักฐานทั้งหมดที่นำส่งให้พนักงานอัยการ หลังจากนี้คดีดำเนินต่อไปตามกระบวนการยุติธรรม
ปฏิเสธรีบส่งฟ้องกลัวอำนาจเก่า
ด้าน นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า คณะพนักงานสอบสวนได้ประชุมสรุปความเห็นในสำนวนคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น เอสซีแอสเสทฯ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2550 โดยมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย หลังจากนั้นเป็นขั้นตอนที่พนักงานสอบสวนต้องเขียนสำนวนคำฟ้อง พร้อมกับบรรยายพฤติการณ์ความผิดในคดีให้สอดคล้องกับพยานเอกสาร ซึ่งรวบรวมไว้กว่า 1,000 รายการ ซึ่งขั้นตอนการเขียนบรรยายคำฟ้องต้องใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากดีเอสไอต้องการเขียนคำฟ้องให้ชัดเจน อ่านแล้วเข้าใจง่าย และยังต้องเรียงลำดับพยานเอกสารให้สอดรับไปกับสำนวนคำฟ้องด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลัวการแทรกแซงหรือไม่จึงรีบส่งสำนวนคดีซุกหุ้น เอสซีแอสเสทฯ หลังนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรมคนใหม่เข้ารับตำแหน่ง เพียงวันเดียว นายสุนัย กล่าวว่า การที่ดีเอสไอสรุปสำนวนสั่งฟ้องแสดงให้เห็นชัดเจนว่ารัฐมนตรีไม่ได้เข้ามาแทรกแซงการทำงานของดีเอสไอ
สมัครยัน ครม.ไม่ยุ่งทักษิณกลับ
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางกลับประเทศก่อนกำหนดว่า ยังไม่ได้ข่าวนี้เลย อย่างไรก็ตามเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ครม.จะไม่เข้าไปยุ่ง นอกจากนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศที่ให้สัมภาษณ์เรื่องพาสปอร์ตสีแดงหรือพาสปอร์ตทูตว่าต้องทำให้เท่าเทียมกัน แต่ถูกมองว่าเรียกร้องให้คืนพาสปอร์ตแดงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนเห็นว่าเป็นเรื่องของคนที่เจตนาย์ให้ให้มองไปอย่างนั้น
“จุดยืนของผมคือ พ.ต.ท.ทักษิณก็เป็นคนไทยที่จะกลับมาสู้ เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดูแลความปลอดภัย ครม.ไม่ต้องไปดูแลอะไรเลย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมยังมีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งอาจจะเกิดความวุ่นวาย นายสมัคร กล่าวว่า เป็นอย่างนั้นคงไม่ได้ มันไม่ยุติธรรม คนเขาจะเดินทางมาขึ้นศาลเพื่อมาสู้ความจริงกัน ถ้าเช่นนั้นตนเห็นว่าคนพวกนี้อยู่เหนือศาล เมื่อเขาถูกกล่าวหาก็ต้องมาขึ้นศาล มาพิจารณาคดีกันในศาล มาขัดขวางด้วยวิธีการอะไรก็ไม่สมควร
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลยืนยันว่าจะดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยได้ นายสมัคร กล่าวว่า ตนไม่ต้องดูแลหรอก ตนเอาสังคมเป็นเพื่อนเท่านั้นเองว่าสังคมต้องช่วยดูแลว่า เมื่อกล่าวหาเขาก็ให้มาขึ้นศาล แต่จะมีคนมาทำหน้าที่ก่อนศาล ตนก็ขอร้องทุกข์เท่านี้เอง
รับไม่เคยโทรคุยกับ"ทักษิณ"
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังการมีรัฐบาลเรียบรัอย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์มาแสดงความยินดีหรือไม่ นายสมัคร ตอบว่า ทราบว่าท่านไปอยู่ไกล ไปอยู่ที่อเมริกาใต้ แต่ตนก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนแน่ ถามวันหนึ่งก็บอกว่าอยู่อเมริกาใต้ อีกวันหนึ่งก็บอกว่าบราซิล ถามอีกวันบอกอยู่อาเจนตินา เมื่อวานถามอีก ก็บอกว่าอยู่โมรอคโค ตนไม่เคยโทรไปคุยแต่ถามผู้ที่โทรไป
“ที่ได้คุยเพราะคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กำลังคุยกับคุณทักษิณ เขาก็ส่งสายมาให้ผมว่าท่านอดีตนายกฯจะแสดงความยินดีด้วยทำนองนั้น”
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ แนะนำการทำงานบ้างหรือเปล่า นายสมัคร หัวเราะแค่นๆ ก่อนจะกล่าวว่าเออะ เออะ ไม่ต้องแนะนำหรอก แต่ถ้าท่านจะแนะนำก็ไม่ควรจะต้องเอามาบอก ถูกมั้ย
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ในความเห็นของท่าน พ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะกลับประเทศหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ขออนุญาตไม่ออกความเห็น แต่ว่า สถานการณ์การเมืองดีและก็แข็งแรง บ้านเมืองได้กลับสู่สภาพปกติดีแล้ว ใครต่อใครทั่วโลก ก็ได้มาแสดงความยินดีกับเรา เขาก็ยินดีกับเราทั้งหมด ฟังข่าวดูไม่มีอะไรเสียหายเลย ฉะนั้นไม่ต้องวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนั้นปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปตามสภาพของมันดีกว่า
"เฉลิม"หนุนแม้วกลับมาช่วยรัฐบาล
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าววว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะกลับประเทศเร็วขึ้น เพื่อมาช่วยเหลือรัฐบาลในด้านเศรษฐกิจ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ส่วนการดูแลความปลอดภัยให้เป็นไปตามปกติ ทั้งนี้หากกลับมาจะขอไปรับที่สนามบินด้วยตัวเอง และหากมีโอกาสอยากบอกให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาในวันพรุ่งนี้ได้เลย เพราะสถานการณ์นิ่งแล้ว นับตั้งแต่การหาเสียงและการเลือกตั้งที่พรรคพลังประชาชนชนะในการเลือกตั้ง
“ผมยังไม่ได้พูดคุยกับท่านทักษิณ ชินวัตร แต่กำลังรอให้โทรศัพท์มาแสดงความยินดียินดีที่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี”
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนเคยพูดไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้งว่าภารกิจมี 3 อย่างคือ 1. พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง 2.ตนเป็น รมว.มหาดไทย และ 3.พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับประเทศ ซึ่งขณะนี้สำเร็จไป 2 ขั้นแล้ว เหลือขั้นที่ 3 อีกเพียงขั้นเดียว อีกทั้งขณะนี้สถานการณ์ทุกอย่างนิ่งมาตั้งแต่ตอนหาเสียง ซึ่งเคยบอกไปแล้วว่า พรรคพลังประชาชนจะชนะถล่มทลายก็ไม่มีใครเชื่อ ยิ่งในกระทรวงหมาดไทยตอนนี้ ไม่มีทั้งสิงห์ดำ สิงห์แดง เพราะมีแต่สิงห์เหลิม ที่ขณะนี้ตนอยากให้พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาเร็วๆ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ คิดถึงเมืองไทย คิดถึงคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาและลูกๆ ที่อยู่ในประเทศไทย
"เฉลิม"รับ พปช.เติบโตมาจาก ทรท.
ร.ต.อ.เฉลิม ยังเรียกร้องให้คนที่พยายามพูดกดดันให้ยุบพรรคพลังประชาชนให้ยุติการกระทำ เพราะการพิจารณาเพิ่มอยู่ในขั้น กกต. ซึ่งไม่มีอำนาจตัดสินใจให้ยุบพรรคได้ แต่ต้องเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุด เสนอต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน จึงจะมีความชัดเจน ซึ่งการวิจารณ์ในขณะนี้จะไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง นอกจากทำให้สังคมเกิดความสับสนเท่านั้น ทั้งนี้ยอมรับว่าพรรคพลังประชาชนเจริญเติบโตมาจากพรรคไทยรักไทยเดิมที่ถูกยุบ ถึงแม้จะต้องถูกยุบอีกครั้ง สมาชิกพรรคที่เหลือก็จะย้ายไปตั้งพรรคใหม่ ถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
“เรื่องนี้คนชอบพูด เพราะผมปราศรัยเอานโยบายที่ไทยรักไทยโดยท่านทักษิณ บริหารมาใช้ แล้วเราต่อยอด แล้วคนก็มาบอกว่าพลังประชาชนก็คือไทยรักไทยเดิม ถูกต้อง ตั้งขึ้นมาจากนั้นแล้วไปยุบพรรคเขาทำไม ยุบอีกทีจะตั้งชื่อพรรคทักษิณ”
"นพดล"ยันแม้วกลับก่อน พ.ค.
นายนพดล ปัทมะ รมว.การต่างประเทศ อดีตที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับก่อนเดือนพฤษภาคม ที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายคงจะเป็นผู้แถลงอีกครั้ง อยากเรียนว่า ตนไม่ได้เป็นที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว
“ผมในฐานะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเดินทางกลับ เป็นเรื่องของท่านที่จะตัดสินใจเดินทางกลับมาเอง เพื่อมามอบตัวต่อสู้คดีตามกระบวนการประชาธิปไตย”
นายนพดล กล่าวว่าที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับตนที่เข้าดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศเมื่อวันที่ 7 ม.ค. และได้ให้คำปรึกษาบ้าง ในฐานะที่เคยเป็น อดีต รมว.ต่างประเทศมาก่อน โดยให้เน้นการทำงานในเชิงรุก แต่ที่แนะนำเป็นการแนะนำในฐานะที่ให้ความเมตตาตน ไม่ได้มาเป็นที่ปรึกษา เพราะเดี๋ยวจะเป็นประเด็นต่อไปอีก ส่วนการเดินทางกลับของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นตนคิดว่าก่อนเดือนพฤษภาคมแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่ากระทรวงการต่างประเทศมีนโยบายสอดรับกับการเดินทางกลับของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะคืนพาสพอร์ตเล่มสีแดงหรือไม่ นายนพดลกล่าวว่า ตนไม่มีนโยบายในการที่จะคืนพาสปอร์ต การตัดสินใจคืนหนังสือเดินทางทูต เป็นเรื่องการตัดสินใจของกระทรวงการต่างประเทศ
“คือมีการถูกเพิกถอนโดยมิชอบ ซึ่งขัดระเบียบ เพราะฉะนั้นทางกระทรวงการต่างประเทศ จะพิจารณากรณี พ.ต.ท.ทักษิณเสมือนกับอดีตนายกรัฐมนตรีทั่วไปว่า หนังสือเดินทางทางการทูต ควรจะออกให้ใครบ้าง เป็นไปตามกฎหมาย ผมจะไม่เข้าไปแทรกแซงเป็นเรื่องของข้าราชการที่จะดำเนินการ”
"แม้ว"กลับไม่เกี่ยว พปช.ตั้งรัฐบาลสำเร็จ
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ว่ายังไม่ทราบข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางกลับประเทศ และไม่ทราบว่ามีข้อเท็จจริงเรื่องนี้อย่างไร อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องของพ.ต.ท.ทักษิณถ้าท่านตัดสินใจจะกลับมาประเทศไทยเพื่อจะต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมก็เป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะเมื่อมีการตั้งข้อกล่าวหาแล้วในฐานะทีเป็นคนไทยคนหนึ่งการที่จะเดินทางกลับมาต่อสู้คดีก็ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม
ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงจะถูกมองจับโยงว่ารัฐบาลชุดนี้พอตั้งรัฐบาลแล้วพ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะเดินทางกลับ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า คิดว่าคงไม่เกี่ยวกัน เพราะว่าเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาลก็ได้มีเรื่องของการรวมกลุ่มกันของพรรคร่วมรัฐบาล 6 พรรคมาได้ระยะหนึ่งแล้ว อีกอย่างที่ยังไม่ชัดเจนก็คือว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาเมื่อไหร่ก็เป็นเพียง แค่ข่าวตนยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าเมื่อกลับมาสู้คดีแล้วจะขอกลับออกนอกประเทศ สามารถทำได้หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การกลับมาต่อสูคดี ก็คงอยู่ในดุลพินิจทางศาลว่าเมื่อกลับมาต่อสู้คดีแล้วมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับออกมาก่อนหน้านี้เรื่องของการขอประกันตัวจะมีเงื่อนไขอย่างไร ตรงนี้คงเป็นดุลพินิจของทางศาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ากลับมาจริงก็เห็นทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยฮึ่มๆว่าจะขยับ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า เรื่องการจะเคลื่อนไหวของการพันธมิตรฯ ตนเข้าใจว่าไม่น่าจะมีประเด็น เพราะว่าการที่อดีตนายกฯจะกลับมาเพื่อต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมถือว่าเป็นสิทธิของบุคคลเมื่อถูกกล่าวหา ก็คงไม่น่าจะเป็นปัญหา ในเรื่องของทางการเมืองหรือเป็นประเด็นที่จะให้เกิดความไม่สงบหรือไม่เรียบร้อย แต่อย่างใด
สำหรับการหารือในการรักษาความปลอดภัยพ.ต.ท.ทักษิณนั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่จะรักษาความปลอดภัยที่จะต้องดูแลคนไทยทุกคน เท่าเทียมกัน แต่พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะเป็นคนไทยที่ก่อนหน้านี้อาจจะไม่มั่นใจในเรื่องของการเดินทางเข้าประเทศ ฉะนั้นในส่วนของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยืนยันว่าเราพร้อมในเรื่องของการดูแล ทั้งนี้เป็นเรื่องที่ดีที่อดีตนายกจะเดินทางเข้ามาต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ก็เป็นเรื่องที่เราเห็นว่าเหมาะสม
ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการ เดินทางกลับมาต่อสู้คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดต้องไปถาม ทางที่ปรึกษากฎหมายของท่าน และคิดว่าคงเป็นท่าที่ของฝ่ายกฎหมาย
ทั้งนี้เรื่องนี้เป็นเรื่องของการความพร้อมและความสมัครใจของพ.ต.ท.ทักษิณมากกว่า อย่างไรก็ตามขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันในพรรค ส่วนจะส่งผลอะไรต่อการทำงานรัฐบาลหรือไม่นั้นตนคิดว่าไม่เกี่ยว เพราะรัฐบาลก็บริหารชาติบ้านเมือง แต่ถ้าท่านจะกลับมาก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมของท่าน และคงไม่เกี่ยวกับการที่นายเฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยระบุมาก่อนหน้านี้
"จักรภพ"แนะคืนพา"สปอร์ตแดงทักษิณ"
นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุม ครม.ว่า รัฐบาลไม่ได้หารือกรณีข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางกลับ และรัฐบาลจะไม่มีนโยบายพิเศษในเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก็จะไม่ละเมิดสิทธิใดๆ กับอดีตนายกรรฐมนตรี
ส่วนการคืนพาสปอร์ตแดงให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า หนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกริบไปโดยไม่เป็นธรรม หากข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศเสนอเรื่องเพื่อให้คืนพาสปอร์ตแดง ก็เชื่อว่าจะเป็นดุลพินิจของ รมว.ต่างประเทศจะพิจารณา แต่จะไม่มีนโยบายอะไรเป็นพิเศษจากรัฐบาล
ผบ.ทบ.ชี้"แม้ว"กลับไม่เกี่ยวกองทัพ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการเดินทางกลับประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ กองทัพได้เตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างไรว่า กองทัพยังเตรียมไม่ทัน เพราะเพิ่มรู้จากสื่อ ไม่รู้จะเตรียมอย่างไร ไม่มีอะไรต้องเตรียมเพราะไม่เกี่ยวกับกองทัพ
ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์การบริหารประเทศที่มีข้อขัดแย้งมาตั้งแต่ต้นหากมีปัญหาขึ้นมาอีกในส่วนทางด้านการข่าวจะมีการปรับเปลี่ยนเพื่อป้องกันไม่ให้มีความขัดแย้งขึ้นอีก พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีความขัดแย้งทั้งสิ้น ประเทศเสียหายมามากเกินกว่าที่ใครจะมาคิดเรื่องอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นใครจะต้องลืมเรื่องส่วนตัวทั้งสิ้นหรือเรื่องที่มีความขัดแย้ง เลิก จบไปได้เลยเลิกพูด มาทำให้ปัญหาต่างๆที่รุมเร้าอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นปัญหาภายนอกประเทศ เศรษฐกิจ มีมากมายให้มาช่วยกันแก้ไข ถ้าคิดไม่ได้แสดงว่าไม่ได้ใช้สมองในการที่จะมาบริหารประเทศ
“เตมูจิน” ขู่ยกพล 1 หมื่นรับอย่างสาสม
นายชนาพัทธ์ ณ นคร ประธานเครือข่ายเตมูจิน กล่าวว่า ทันที่ทีรู้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทยวันไหน ตนจะรวบร่วมเครือข่ายและประชาชนประมาณ 1 หมื่นคน เพื่อไปต้อนรับพ.ต.ท.ทักษิณ ถึงสนามบินสุวรรรภูมิอย่างสาสม
“ผมอยากเตือนพ.ต.ท.ทักษิณ และรัฐบาลว่าอำนาจเงิน ไม่สามารถซื้ออะไรได้หรือทำอะไรได้ทุกอย่าง ผมจะรวบรวมคนมาให้ดู ให้รู้ว่ามีคนไม่ต้องการ พ.ต.ท.ทักษิณ และหากจะมีการสกัดกั้นนั้น ถ้ารัฐบาลไม่กลัวเหตุการณ์บานปลายก็ลองดู แล้วผมก็อยากรู้ว่ารัฐบาลที่บอกว่าเป็นประชาธิปไตยจะปิดกั้นอย่างนั้นหรือ”