บิ๊กแสนสิริ-แอล.พี.เอ็น.ฯ หาจุดสมดุลระหว่างเอกชนกับสวล-สผ. ควรมีความเห็นจากภาคเอกชนก่อนออกกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อปรับตัวและศึกษาแผนการลงทุนและพัฒนาโครงการให้เหมาะสมกับหลักเกณฑ์ของภาครัฐ "อภิชาติ จูตระกูล"เชื่ออสังหาฯปี2551 โตเท่ากับปี 2550 ชี้ต้นทุนเพิ่ม 5% พร้อมประสานเสียง "นโยบายหมัก1"ประกาศลุยรถไฟฟ้า 9 สาย เป็นข่าวดี เติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีที่สำนักงานคณะกรรมการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม (สวล.) รวมถึงสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กำหนดเกณฑ์ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นการควบคุมผู้ประกอบการให้พัฒนาโครงการที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่เป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมในภายหลัง ผู้ประกอบการยินดีที่จะปฏิบัติตามอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามมีหลายกฎเกณฑ์ที่สวล. ออกมาโดยไม่ได้อิงบนหลักพื้นฐานความเป็นจริง ไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจนแน่นอน ทำให้เป็นการยากที่จะปฏิบัติตาม
ทั้งนี้ หลักการพัฒนาโครงการโดยทั่วไป ก่อนจะซื้อที่ดินแต่ละแปลงผู้ประกอบการจะพิจารณาว่า สามารถพัฒนาโครงการประเภทใดได้บ้าง อยู่ในเงื่อนไขของสีผังเมือง วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการ เมื่อซื้อมาแล้วจะเริ่มออกแบบโครงการ นำเสนอบอร์ดสวล.เพื่อพิจารณาอนุมัติ ซึ่งเมื่อมีกฎเกณฑ์ใหม่ๆออกมา ผู้ประกอบการจะต้องดึงโครงการมาออกแบบแล้วนำเสนอใหม่ มีค่าใช้จ่าย รวมไปถึงระยะเวลาในการลงมือพัฒนาต้องเลื่อนออกไป ทุกอย่างเป็นต้นทุนหมด นอกจากนี้การเพิ่มต้นทุนของผู้ประกอบการย่อมจะสะท้อนไปยังราคาขายที่ผู้ประกอบการจะคำนวนออกมา ทำให้ผู้บริโภครับภาระในส่วนนี้ไปโดยปริยาย
“ ต้องการให้หน่วยงานรัฐ คิดให้ดีก่อนออกกฎเกณฑ์ต่างๆ ความชัดเจนอยู่ตรงไหน มีจุดสิ้นสุดหรือไม่ ควรมีแนวทาง A B C D ให้ปฏิบัติตาม นอกจากนี้ ต้องคิดว่ากฎนั้นๆ ส่งผลต่อผู้บริโภคหรือไม่ เข้าใจเจตนาดีของหน่วยงานรัฐว่า ต้องการให้สิ่งแวดล้อมออกมาดี แต่อยากให้ขอความคิดเห็นหรือทำประชาวิจารณ์จากเอกชน ผู้ประกอบการ หรือผู้บริโภคด้วย ถึงปัญหาหรือแนวทางการปฏิบัติ ข้อคิดเห็น และที่สำคัญจะต้องประกาศให้รู้ล่วงหน้า เพื่อที่จะได้นำไปคำนวณหรือวิเคราะห์ความเป็นไปได้ก่อนลงทุนซื้อที่ดิน” นายอภิชาติกล่าวและว่า
ปัจจุบัน โครงการการลงทุนของบริษัท จะเน้นสินค้าที่หลากหลายและทุกกลุ่มลูกค้า โดยทางบริษัทแสนสิริฯมีแนวคิดขยายธุรกิจเพิ่มในแต่ละธุรกิจ และกำลังศึกษาหันมาทำโครงการบ้านจัดสรรระดับล่าง ซึ่งปัจจุบัน บริษัทในเครือ คือ บริษัท พร้อมพัฒนา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบในการขยายตลาดส่วนนี้ ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัทพร้อมพัฒนาฯ คือ การพัฒนาบ้านเดี่ยวระดับ 2.5 -3 ล้านบาท และบ้านแฝดระดับราคา 1-2 ล้านบาท
บิ๊กคอนโดฯขอปรับตัวล่วงหน้า
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวว่า การออกกฎหมายหรือข้อบังคับของภาครัฐ เป็นเจตนารมณ์ที่ดี แต่เรื่องที่ดีบางเรื่องนั้น ส่งผลกระทบมากพอสมควร เช่น กรณีการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งกฎหมายบางตัวที่ออกมาอาจส่งผลกระทบต่อผู้ดำเนินการ ทำให้มีปัญหาในทางปฏิบัติ หรือปรับตัวไม่ทัน ดังนั้น จึงควรมีการประกาศให้ผู้ปฏิบัติทราบล่วงหน้า3-6 เดือนเพื่อให้ปรับตัวเตรียมพร้อมปฏิบัติตาม
นอกจากนี้ ควรจะมีการขอความคิดเห็นจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมภูมิสถาปัตย์ สมาคมอสังหาริทรัพย์ต่างๆ ว่ากฎเกณฑ์ต่างๆทที่ออกมา มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร
นโยบายลงทุนรถไฟฟ้า 9 สายต้องชัดเจน
นายโอภาส กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศนโยบายสานต่อการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า 9 สายในระยะ3 ปีนั้น ถือว่าเป็นแผนแม่บทเดิม แต่การประกาศนโยบายที่ชัดเจนก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะส่งผลทางด้านจิตวิทยาต่อผู้บริโภค โดยในส่วนของผู้ประกอบการเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีการพัฒนาโครงการตามแนวเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าเดิม หรือแผนแม่บทดังกล่าวอยู่แล้ว
นายอภิชาติกล่าวเสริมถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2551 จากสถานการณ์ในปัจจุบันเชื่อว่า จะมีอัตราการเติบโตเท่ากับปีที่ผ่านมา แต่จากการที่ราคาน้ำมันปรับขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบ ราคาวัสดุปรับขึ้นตาม ทำให้ต้นทุนก่อสร้างปรับขึ้นเฉลี่ยประมาณ 5%
" ผู้ประกอบการและทุกภาคส่วน ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ต้นทุนขึ้น ต้องปรับตัวตามบริหารต้นทุน แบกรับได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ขึ้นราคาเท่าที่ทำได้ ซึ่งบริษัทแสนสิริฯก็ปรับราคาสินค้าตามต้นทุนใหม่ โดยเฉพาะโครงการใหม่เฉลี่ยประมาณ 5% " นายอภิชาติกล่าว
อย่างไรก็ดี การที่รัฐบาลออกมาประกาศเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า 9 สาย ภายใน 3 ปีนั้น ถือว่าเป็นข่าวดี เพราะเป็นการนำเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ระบบ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเป็นเม็ดเงินจากภายในประเทศ ไม่ได้หวังพึ่งพิงเงินจากต่างประเทศ จึงทำให้เกิดการลงทุน การจ้างงาน อื่นๆก็จะตามมา
“ ปรัชญา พอเพียงของในหลวงเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เพราะสอนให้เราพึ่งพิงตนเองก่อน ไม่ต้องหวังให้ใครมาช่วย หากเราพึ่งพิงตนเองแล้ว เราก็จะยืนได้ด้วยตนเอง ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้” นายอภิชาติกล่
นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีที่สำนักงานคณะกรรมการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม (สวล.) รวมถึงสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กำหนดเกณฑ์ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นการควบคุมผู้ประกอบการให้พัฒนาโครงการที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่เป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมในภายหลัง ผู้ประกอบการยินดีที่จะปฏิบัติตามอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามมีหลายกฎเกณฑ์ที่สวล. ออกมาโดยไม่ได้อิงบนหลักพื้นฐานความเป็นจริง ไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจนแน่นอน ทำให้เป็นการยากที่จะปฏิบัติตาม
ทั้งนี้ หลักการพัฒนาโครงการโดยทั่วไป ก่อนจะซื้อที่ดินแต่ละแปลงผู้ประกอบการจะพิจารณาว่า สามารถพัฒนาโครงการประเภทใดได้บ้าง อยู่ในเงื่อนไขของสีผังเมือง วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการ เมื่อซื้อมาแล้วจะเริ่มออกแบบโครงการ นำเสนอบอร์ดสวล.เพื่อพิจารณาอนุมัติ ซึ่งเมื่อมีกฎเกณฑ์ใหม่ๆออกมา ผู้ประกอบการจะต้องดึงโครงการมาออกแบบแล้วนำเสนอใหม่ มีค่าใช้จ่าย รวมไปถึงระยะเวลาในการลงมือพัฒนาต้องเลื่อนออกไป ทุกอย่างเป็นต้นทุนหมด นอกจากนี้การเพิ่มต้นทุนของผู้ประกอบการย่อมจะสะท้อนไปยังราคาขายที่ผู้ประกอบการจะคำนวนออกมา ทำให้ผู้บริโภครับภาระในส่วนนี้ไปโดยปริยาย
“ ต้องการให้หน่วยงานรัฐ คิดให้ดีก่อนออกกฎเกณฑ์ต่างๆ ความชัดเจนอยู่ตรงไหน มีจุดสิ้นสุดหรือไม่ ควรมีแนวทาง A B C D ให้ปฏิบัติตาม นอกจากนี้ ต้องคิดว่ากฎนั้นๆ ส่งผลต่อผู้บริโภคหรือไม่ เข้าใจเจตนาดีของหน่วยงานรัฐว่า ต้องการให้สิ่งแวดล้อมออกมาดี แต่อยากให้ขอความคิดเห็นหรือทำประชาวิจารณ์จากเอกชน ผู้ประกอบการ หรือผู้บริโภคด้วย ถึงปัญหาหรือแนวทางการปฏิบัติ ข้อคิดเห็น และที่สำคัญจะต้องประกาศให้รู้ล่วงหน้า เพื่อที่จะได้นำไปคำนวณหรือวิเคราะห์ความเป็นไปได้ก่อนลงทุนซื้อที่ดิน” นายอภิชาติกล่าวและว่า
ปัจจุบัน โครงการการลงทุนของบริษัท จะเน้นสินค้าที่หลากหลายและทุกกลุ่มลูกค้า โดยทางบริษัทแสนสิริฯมีแนวคิดขยายธุรกิจเพิ่มในแต่ละธุรกิจ และกำลังศึกษาหันมาทำโครงการบ้านจัดสรรระดับล่าง ซึ่งปัจจุบัน บริษัทในเครือ คือ บริษัท พร้อมพัฒนา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบในการขยายตลาดส่วนนี้ ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัทพร้อมพัฒนาฯ คือ การพัฒนาบ้านเดี่ยวระดับ 2.5 -3 ล้านบาท และบ้านแฝดระดับราคา 1-2 ล้านบาท
บิ๊กคอนโดฯขอปรับตัวล่วงหน้า
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวว่า การออกกฎหมายหรือข้อบังคับของภาครัฐ เป็นเจตนารมณ์ที่ดี แต่เรื่องที่ดีบางเรื่องนั้น ส่งผลกระทบมากพอสมควร เช่น กรณีการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งกฎหมายบางตัวที่ออกมาอาจส่งผลกระทบต่อผู้ดำเนินการ ทำให้มีปัญหาในทางปฏิบัติ หรือปรับตัวไม่ทัน ดังนั้น จึงควรมีการประกาศให้ผู้ปฏิบัติทราบล่วงหน้า3-6 เดือนเพื่อให้ปรับตัวเตรียมพร้อมปฏิบัติตาม
นอกจากนี้ ควรจะมีการขอความคิดเห็นจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมภูมิสถาปัตย์ สมาคมอสังหาริทรัพย์ต่างๆ ว่ากฎเกณฑ์ต่างๆทที่ออกมา มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร
นโยบายลงทุนรถไฟฟ้า 9 สายต้องชัดเจน
นายโอภาส กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศนโยบายสานต่อการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า 9 สายในระยะ3 ปีนั้น ถือว่าเป็นแผนแม่บทเดิม แต่การประกาศนโยบายที่ชัดเจนก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะส่งผลทางด้านจิตวิทยาต่อผู้บริโภค โดยในส่วนของผู้ประกอบการเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีการพัฒนาโครงการตามแนวเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าเดิม หรือแผนแม่บทดังกล่าวอยู่แล้ว
นายอภิชาติกล่าวเสริมถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2551 จากสถานการณ์ในปัจจุบันเชื่อว่า จะมีอัตราการเติบโตเท่ากับปีที่ผ่านมา แต่จากการที่ราคาน้ำมันปรับขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบ ราคาวัสดุปรับขึ้นตาม ทำให้ต้นทุนก่อสร้างปรับขึ้นเฉลี่ยประมาณ 5%
" ผู้ประกอบการและทุกภาคส่วน ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ต้นทุนขึ้น ต้องปรับตัวตามบริหารต้นทุน แบกรับได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ขึ้นราคาเท่าที่ทำได้ ซึ่งบริษัทแสนสิริฯก็ปรับราคาสินค้าตามต้นทุนใหม่ โดยเฉพาะโครงการใหม่เฉลี่ยประมาณ 5% " นายอภิชาติกล่าว
อย่างไรก็ดี การที่รัฐบาลออกมาประกาศเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า 9 สาย ภายใน 3 ปีนั้น ถือว่าเป็นข่าวดี เพราะเป็นการนำเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ระบบ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเป็นเม็ดเงินจากภายในประเทศ ไม่ได้หวังพึ่งพิงเงินจากต่างประเทศ จึงทำให้เกิดการลงทุน การจ้างงาน อื่นๆก็จะตามมา
“ ปรัชญา พอเพียงของในหลวงเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เพราะสอนให้เราพึ่งพิงตนเองก่อน ไม่ต้องหวังให้ใครมาช่วย หากเราพึ่งพิงตนเองแล้ว เราก็จะยืนได้ด้วยตนเอง ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้” นายอภิชาติกล่