ผู้จัดการรายวัน - สินค้าเครื่องเซ่นไหว้ปีนี้แพงหูฉี่ ส่งผลตลาดซื้อขายไม่คึกคัก คาดตรุษจีนปีนี้เงินสะพัด 3.36 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยแค่ 5.74% จากปีก่อน เหตุราคาสินค้าแพงหูฉี่ คนระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย ขณะที่ผู้ซื้อของเซ่นไหว้ลดปริมาณการซื้อชี้มาจากสินค้ามีราคาแพงขึ้นกว่า 20-100 % ส่วนห้างค้าปลีกคึกคักจัดสินค้าเซ่นไหว้ราคาประหยัด ท็อปส์ชี้คนซื้อของมาก
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์ฯ ได้ทำการสำรวจประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,202 ราย เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2551 พบว่าจะมีการใช้จ่ายทั่วประเทศคิดเป็นมูลค่า 3.36 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.74% ซึ่งเป็นอัตราชะลอตัวลงจากการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2550 ที่ผ่านมา ที่มีมูลค่า 3.18 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 7.83%
สาเหตุที่หลักเป็นเพราะราคาสินค้าปีนี้สูงขึ้น ทำให้ประชาชนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยการซื้อสินค้าต้องใช้เงินมากกว่าปกติ แต่ได้สินค้าในจำนวนที่น้อยลง
อย่างไรก็ตาม แม้เทศกาลตรุษจีนปีนี้ จะคึกคักไม่มาก แต่ก็มีสัญญาณจากประชาชนเกี่ยวกับความมั่นใจในด้านเศรษฐกิจดีขึ้น เห็นได้จากแหล่งเงินที่นำมาใช้ในเทศกาลตรุษจีนมาจากรายได้ปกติเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาเป็นเงินออม ซึ่งต่างจากการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ที่ประชาชนยังไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจไทย ทำให้มีการนำเงินออมมาใช้มากสุด
“ประชาชนมีสัญญาณของความเชื่อมั่นดีขึ้นมาบ้าง เพราะประชาชนเชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ภายในไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 3 ของปีนี้ ถือเป็นแต้มต่อของรัฐบาลใหม่ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นกลับมาภายใน 3-6 เดือน เพราะประชาชนระดับฐานรากสนับสนุนนโยบายประชานิยมอยู่”นายธนวรรธน์ กล่าว
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า งานเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ต้องเข้ามาเร่งทำ คือการดูแลภาระค่าครองชีพผู้บริโภค และราคาพลังงานไม่ให้สูงเร็วเกินไป ทั้งค่าไฟฟ้า น้ำมัน ก๊าซหุงต้ม โดยเฉพาะในช่วง 3-6 เดือนที่รัฐบาลกำลังกระตุ้นเศรษฐกิจ และพอเศรษฐกิจพลิกฟื้นถึงค่อยปรับราคาพลังงานขึ้นมา โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลควรอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มงบประมาณกลางปีอีก 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ โตในระดับ 5% แม้จะเป็นการเพิ่มงบขาดดุล แต่ก็ยังไม่น่าห่วง เพราะไม่เกิน 2.5% ของจีดีพีไทย
นางยาใจ ชูวิชา ประธานคณะจัดทำการสำรวจความคิดเห็นประเด็นธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า พฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ พบว่า ประชาชนจะใช้จ่ายเพื่อซื้อของไหว้เจ้าสัดส่วนมากสุด รองลงมาเป็นจ่ายแตะเอีย ทำบุญ และท่องเที่ยว ส่วนการซื้อของเซ่นไหว้นั้น พบว่าไข้หวัดไม่มีผลต่อการซื้อไก่ไหว้เจ้าลดลง ขณะที่ผลกระทบจากทองคำปรับราคาสูงขึ้นนั้น ทำให้คนไม่ซื้อทองคำในช่วงตรุษจีนเพื่อเป็นของขวัญให้ตนเองมากถึง 85.5% และไม่ซื้อเป็นของขวัญผู้อื่น 93.4%
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงทัศนะเกี่ยวกับราคาสินค้าในช่วงตรุษจีนปีนี้กับปีก่อน พบว่า คนส่วนใหญ่ตอบราคาสินค้าแพงขึ้นมาก 61.9% ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นถึง 39.9% ส่วนสิ่งที่เป็นห่วงในช่วงเทศกาลตรุษจีนมากสุด คือ ราคาสินค้าแพงขึ้น รองลงมา ค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวแพงขึ้น อุบัติเหตุบนท้องถนน และเมื่อถามถึงทัศนะเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทยหลังได้รัฐบาลใหม่ พบว่า คนส่วนใหญ่เห็นเศรษฐกิจไทยดีขึ้น 73.3% โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นภายในไตรมาส 2 นี้ ส่วนปัญหาที่คาดหวังให้รัฐบาลใหม่แก้ คือความเชื่อมั่นผู้บริโภค รองลงมาราคาน้ำมัน และค่าครองชีพ
จากการสำรวจตลาดของ “ผู้จัดการรายวัน” พบว่า ตลาดค้าขายเครื่องเซ่นไหว้ในเทศกาลตรุษจีนปีนี้สินค้าส่วนใหญ่มีราคาแพงขึ้นเกือบทุกรายการ ตั้งแต่ผลไม้เช่น กล้วยหวีละ 40-60 บาท ส้มราคากิโลกรัมละ 35-50 บาท ราคาเนื้อหมูปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 100-120 บาท ขนมเทียน ขนมเข่ง ขนมถ้วยฟู ล้วนปรับราคาขายเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จากเดิมขนมเทียนเคยจำหน่ายอันละ 5 บาทปรับขึ้นเป็น 7-8 บาท ขนมถ้วยฟูเดิม 10 บาทปรับเป็น 15-20 บาท โดยผู้ค้าอ้างว่าแป้งที่นำมาทำขนมมีราคาแพงขึ้นจึงต้องปรับขึ้นตามราคาตลาด
ผู้บริโภครายหนึ่งกล่าวว่าปีนี้การจับจ่ายซื้อสินค้าต้องซื้อเท่าที่จำเป็น เพราะราคาสินค้า หมู เห็ด เป็ด ไก่ น้ำมันปาล์ม น้ำตาล อาหาร และเครื่องเซ่นไหว้ที่นำมาใช้ในเทศกาลตรุษจีนมีการปรับขึ้นราคาทุกรายการ อันเนื่องมาจากการที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศให้ผู้ผลิตปรับขึ้นราคาสินค้าได้ ส่งผลต่อผู้บริโภคโดยตรง
ขณะที่ห้างค้าปลีกขนาดยักษ์ ได้มีการจัดรายการสินค้าราคาพิเศษในช่วงเทศกาลตรุษจีน เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าราคาประหยัด ทั้งหมู เห็ด เป็ด ไก่ และเครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ เช่น ผลไม้ มีการจัดชุดแบบประหยัด จัดไหว้เป็นชุด ๆ อาหารคาว-หวาน ผลไม้ และเครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ จำหน่ายในราคาประหยัด ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมาก เพราะสินค้าที่นำมาจำหน่ายมีราคาถูกกว่าในตลาดทั่วไป
นางภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ ผู้บริหาร ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต กล่าวว่า บรรยากาศการจับจ่ายในช่วงตรุษจีนมีความคึกคักมากตั้งแต่ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่ายอดขายเพิ่มขึ้นเท่าใด เพราะต้องรอตัวเลขอีกครั้ง แต่ยอมรับว่า ราคาสินค้าบางอย่างสูงขึ้นเช่น น้ำมันพืช เป็นต้น ส่วนผัก ผลไม้ นั้นราคาค่อนข้างจะใกล้เคียงกับปีทีแล้วหรือเพิ่มขึ้นไม่มากนักในส่วนของสินค้าที่จำหน่ายในท็อปส์
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ระบุว่า กิจกรรมช่วงวันตรุษจีนปีนี้คาดว่าจะก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในกรุงเทพฯประมาณ 16,400 ล้านบาท เทียบกับเทศกาลตรุษจีนในปี 2550 แล้วเพิ่มขึ้น 5.1% ส่วนการใช้จ่ายเพื่อซื้อเครื่องเซ่นไหว้โดยรวมของคนกรุงเทพฯที่มีเชื้อสายจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2551 นี้คาดว่าจะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 4,600 ล้านบาท เมื่อเทียบกับในปี 2550 แล้วเพิ่มขึ้น 4.5%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์ฯ ได้ทำการสำรวจประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,202 ราย เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2551 พบว่าจะมีการใช้จ่ายทั่วประเทศคิดเป็นมูลค่า 3.36 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.74% ซึ่งเป็นอัตราชะลอตัวลงจากการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2550 ที่ผ่านมา ที่มีมูลค่า 3.18 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 7.83%
สาเหตุที่หลักเป็นเพราะราคาสินค้าปีนี้สูงขึ้น ทำให้ประชาชนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยการซื้อสินค้าต้องใช้เงินมากกว่าปกติ แต่ได้สินค้าในจำนวนที่น้อยลง
อย่างไรก็ตาม แม้เทศกาลตรุษจีนปีนี้ จะคึกคักไม่มาก แต่ก็มีสัญญาณจากประชาชนเกี่ยวกับความมั่นใจในด้านเศรษฐกิจดีขึ้น เห็นได้จากแหล่งเงินที่นำมาใช้ในเทศกาลตรุษจีนมาจากรายได้ปกติเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาเป็นเงินออม ซึ่งต่างจากการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ที่ประชาชนยังไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจไทย ทำให้มีการนำเงินออมมาใช้มากสุด
“ประชาชนมีสัญญาณของความเชื่อมั่นดีขึ้นมาบ้าง เพราะประชาชนเชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ภายในไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 3 ของปีนี้ ถือเป็นแต้มต่อของรัฐบาลใหม่ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นกลับมาภายใน 3-6 เดือน เพราะประชาชนระดับฐานรากสนับสนุนนโยบายประชานิยมอยู่”นายธนวรรธน์ กล่าว
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า งานเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ต้องเข้ามาเร่งทำ คือการดูแลภาระค่าครองชีพผู้บริโภค และราคาพลังงานไม่ให้สูงเร็วเกินไป ทั้งค่าไฟฟ้า น้ำมัน ก๊าซหุงต้ม โดยเฉพาะในช่วง 3-6 เดือนที่รัฐบาลกำลังกระตุ้นเศรษฐกิจ และพอเศรษฐกิจพลิกฟื้นถึงค่อยปรับราคาพลังงานขึ้นมา โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลควรอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มงบประมาณกลางปีอีก 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ โตในระดับ 5% แม้จะเป็นการเพิ่มงบขาดดุล แต่ก็ยังไม่น่าห่วง เพราะไม่เกิน 2.5% ของจีดีพีไทย
นางยาใจ ชูวิชา ประธานคณะจัดทำการสำรวจความคิดเห็นประเด็นธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า พฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ พบว่า ประชาชนจะใช้จ่ายเพื่อซื้อของไหว้เจ้าสัดส่วนมากสุด รองลงมาเป็นจ่ายแตะเอีย ทำบุญ และท่องเที่ยว ส่วนการซื้อของเซ่นไหว้นั้น พบว่าไข้หวัดไม่มีผลต่อการซื้อไก่ไหว้เจ้าลดลง ขณะที่ผลกระทบจากทองคำปรับราคาสูงขึ้นนั้น ทำให้คนไม่ซื้อทองคำในช่วงตรุษจีนเพื่อเป็นของขวัญให้ตนเองมากถึง 85.5% และไม่ซื้อเป็นของขวัญผู้อื่น 93.4%
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงทัศนะเกี่ยวกับราคาสินค้าในช่วงตรุษจีนปีนี้กับปีก่อน พบว่า คนส่วนใหญ่ตอบราคาสินค้าแพงขึ้นมาก 61.9% ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นถึง 39.9% ส่วนสิ่งที่เป็นห่วงในช่วงเทศกาลตรุษจีนมากสุด คือ ราคาสินค้าแพงขึ้น รองลงมา ค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวแพงขึ้น อุบัติเหตุบนท้องถนน และเมื่อถามถึงทัศนะเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทยหลังได้รัฐบาลใหม่ พบว่า คนส่วนใหญ่เห็นเศรษฐกิจไทยดีขึ้น 73.3% โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นภายในไตรมาส 2 นี้ ส่วนปัญหาที่คาดหวังให้รัฐบาลใหม่แก้ คือความเชื่อมั่นผู้บริโภค รองลงมาราคาน้ำมัน และค่าครองชีพ
จากการสำรวจตลาดของ “ผู้จัดการรายวัน” พบว่า ตลาดค้าขายเครื่องเซ่นไหว้ในเทศกาลตรุษจีนปีนี้สินค้าส่วนใหญ่มีราคาแพงขึ้นเกือบทุกรายการ ตั้งแต่ผลไม้เช่น กล้วยหวีละ 40-60 บาท ส้มราคากิโลกรัมละ 35-50 บาท ราคาเนื้อหมูปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 100-120 บาท ขนมเทียน ขนมเข่ง ขนมถ้วยฟู ล้วนปรับราคาขายเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จากเดิมขนมเทียนเคยจำหน่ายอันละ 5 บาทปรับขึ้นเป็น 7-8 บาท ขนมถ้วยฟูเดิม 10 บาทปรับเป็น 15-20 บาท โดยผู้ค้าอ้างว่าแป้งที่นำมาทำขนมมีราคาแพงขึ้นจึงต้องปรับขึ้นตามราคาตลาด
ผู้บริโภครายหนึ่งกล่าวว่าปีนี้การจับจ่ายซื้อสินค้าต้องซื้อเท่าที่จำเป็น เพราะราคาสินค้า หมู เห็ด เป็ด ไก่ น้ำมันปาล์ม น้ำตาล อาหาร และเครื่องเซ่นไหว้ที่นำมาใช้ในเทศกาลตรุษจีนมีการปรับขึ้นราคาทุกรายการ อันเนื่องมาจากการที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศให้ผู้ผลิตปรับขึ้นราคาสินค้าได้ ส่งผลต่อผู้บริโภคโดยตรง
ขณะที่ห้างค้าปลีกขนาดยักษ์ ได้มีการจัดรายการสินค้าราคาพิเศษในช่วงเทศกาลตรุษจีน เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าราคาประหยัด ทั้งหมู เห็ด เป็ด ไก่ และเครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ เช่น ผลไม้ มีการจัดชุดแบบประหยัด จัดไหว้เป็นชุด ๆ อาหารคาว-หวาน ผลไม้ และเครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ จำหน่ายในราคาประหยัด ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมาก เพราะสินค้าที่นำมาจำหน่ายมีราคาถูกกว่าในตลาดทั่วไป
นางภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ ผู้บริหาร ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต กล่าวว่า บรรยากาศการจับจ่ายในช่วงตรุษจีนมีความคึกคักมากตั้งแต่ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่ายอดขายเพิ่มขึ้นเท่าใด เพราะต้องรอตัวเลขอีกครั้ง แต่ยอมรับว่า ราคาสินค้าบางอย่างสูงขึ้นเช่น น้ำมันพืช เป็นต้น ส่วนผัก ผลไม้ นั้นราคาค่อนข้างจะใกล้เคียงกับปีทีแล้วหรือเพิ่มขึ้นไม่มากนักในส่วนของสินค้าที่จำหน่ายในท็อปส์
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ระบุว่า กิจกรรมช่วงวันตรุษจีนปีนี้คาดว่าจะก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในกรุงเทพฯประมาณ 16,400 ล้านบาท เทียบกับเทศกาลตรุษจีนในปี 2550 แล้วเพิ่มขึ้น 5.1% ส่วนการใช้จ่ายเพื่อซื้อเครื่องเซ่นไหว้โดยรวมของคนกรุงเทพฯที่มีเชื้อสายจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2551 นี้คาดว่าจะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 4,600 ล้านบาท เมื่อเทียบกับในปี 2550 แล้วเพิ่มขึ้น 4.5%