ผู้จัดการรายวัน- "สมัคร" นำชื่อ ครม.ขึ้นทูลเกล้าฯวันนี้ พร้อมนำครม.ชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ เตรียมเปิดประชุมครม.นัดแรกศุกร์นี้ ขณะที่"ตัวเงินตัวทอง"ผสมพันธุ์โชว์กลางทำเนียบฯ เผย"สมัคร"เป็นซีอีโอ คุมเศรษฐกิจเอง ตัดปัญหา"เลี้ยบ-มิ่ง" ชิงกันใหญ่ ขณะที่หลายฝ่ายวิพากษ์ "ประชานิยมสมัคร1" หวั่นทำประชาชนนิสัยเสีย ส่วนโครงการผันน้ำจากแม่โขง อาจซ้ำซ้อนกับแผนพัฒนา 25 ลุ่มน้ำ ปชป.แนะประชานิยมมีได้ แต่ต้องคำนึงถึงความยั่งยืน
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (5 ก.พ.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เดินทางออกจากบ้านพักในซอยนวมินทร์ 81 มายังที่ทำการพรรคพลังประชาชน และได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาโทรศัพท์มาแสดงความยินดีหลังจากเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 เมื่อคืนวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมาโดยนายสมัคร ยอมรับว่า ได้คุยกับนายบุชประมาณ 5 นาที
เมื่อถามว่า การคุยเพื่อฟื้นความสัมพันธ์ใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ความสัมพันธ์มีอยู่แล้ว เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ทางการทหารที่ถูกตัดไป นายสมัคร กล่าวว่า "อ๋อ เขาคืนหมด เขาให้หมด ให้กลับคืนอย่างเก่าหมด และเขาจะฉลองความสัมพันธ์ 75 ปี ไทย-สหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีแน่นอน"
สำหรับความคืบหน้าในการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)ขึ้นทูลเกล้าฯนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้มีการประสานไปยังสำนักราชเลขาธิการ เพื่อนำรายชื่อครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว ในวันนี้ (6 ก.พ.) นายสมัคร จะได้นำรายชื่อครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ พร้อมว่าที่รัฐมนตรี 35 คนเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนรับตำแหน่ง ในเวลา 16.30 น. โดยได้แจ้งให้ผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี มาพร้อมกันที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เวลา 15.00 น. และถ่ายภาพร่วมกัน
จากนั้นเวลา 16.00 น. จะเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อเดินทางเข้าเฝ้าฯ ทั้งนี้ หากมีการโปรดเกล้าฯ และครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณในวันนี้แล้ว จะมีการประชุมครม. นัดพิเศษ วันในศุกร์ที่ 8 ก.พ. เวลา 09.30 น. เนื่องจากนายสมัคร ต้องการให้แต่ละกระทรวงทำการสรุปแนวทางนโยบายรัฐบาลแบบกว้างๆ ก่อนการแถลงนโยบายรัฐบาล และเพื่อเป็นการแนะนำตัวของผู้ร่วม ครม.
สำหรับทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จนถึงขณะนี้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังคงเป็น นายจักรภพ เพ็ญแข โดยนายสมัคร ต้องการให้นายจักรภพ ดำรงตำแหน่งทั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกฯ ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ พร้อมด้วย น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ สมาชิกพรรคพลังประชาชน และน.ส. จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ สมาชิกพรรคชาติไทย
"หมัก"คุม ศก.เองแก้ปัญหาเกาเหลา
ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ แต่อาจให้คำปรึกษาได้ ส่วนจะให้มาทุ่มเทดูแล คงเป็นไปไม่ได้เพราะได้วางมือไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม นพ.สุรพงษ์ ซึ่งได้รับการคาดหมายว่าจะนั่งเก้าอี้รองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าวว่า การบริหารจัดการของรัฐบาลชุดนี้จะใช้รูปแบบใหม่ที่ให้ความคล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่จะมี CEO เพียงคนเดียว คือ นายกรัฐมนตรี และจะแบ่งแยกการทำงานไปตามส่วนต่างๆ ดังนั้น ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลชุดนี้ จึงไม่มีหัวหน้าทีมเหมือนสมัยก่อน ที่ต้องมีคนคนเดียวเข้ามารับผิดชอบเรื่องเศรษฐกิจทั้งหมด
เป็นที่น่าสังเกตว่า คำให้สัมภาษณ์ของ นพ.สุรพงษ์ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องหัวหน้าทีมเศรษฐกิจดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังมีข่าวการไม่ลงรอยเรื่องหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ระหว่าง นพ.สุรพงษ์ กับ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ว่าที่รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ที่ก่อนหน้านี้ นายสมัคร เคยประกาศให้เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ในทางปฏิบัติแล้ว หน้าที่ความรับผิดชอบเศรษฐกิจในภาพรวม นั้นจะอยู่กับ นพ.สุรพงษ์ โดยมีพ.ต.ท.ทักษิณ ประสานงานผ่านมายัง นพ.สุรพงษ์ ขณะที่นายมิ่งขวัญ จะรับผิดชอบในด้านการค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ นายสมัครได้เรียก นพ.สุรพงษ์ และนายมิ่งขวัญ มาหารือเพื่อปรับความใจกันแล้ว เพื่อมิให้การทำงานของทีมเศรษฐกิจต้องขัดแย้งกันตั้งแต่เริ่มต้น
ส่วนรายชื่อคนนอกที่เคยเป็นข่าวว่าจะมาเป็น รมว.คลัง เช่น นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต รมว.คลัง นายทนง พิทยะ อดีต รมว.คลัง นายสมใจนึก เองตระกูล อดีตประธานกรรมการธนาคารทหารไทย และอดีตปลัดกระทรวงการคลังนั้น ทางพรรคทาบทามให้เข้ามาเป็นทีมงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยไม่เป็นรัฐมนตรี และตำแหน่งใดๆในรัฐบาล เนื่องจากติดขัดในเรื่องคุณสมบัติ ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2550 ที่มีสืบโยงการเข้าถือครองหุ้นในบริษัทเอกชนต่างๆของครอบครัว ทั้งแนวราบและแนวดิ่ง ซึ่งอาจส่งผลต่อการงาน หรือธุรกิจของบุคคลเหล่านี้ โดยจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการหลังจากมีครม. เรียบร้อยแล้ว
"ตัวเงินตัวทอง"ผสมพันธ์กลางทำเนียบฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (5 ม.ค.) เกิดปรากฎการณ์ที่ไม่พบเห็นบ่อยนักบริเวณทำเนียบรัฐบาล โดยเหตุเกิดภายในสระน้ำหลังตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อ"ตัวเงินตัวทอง" 2 ตัว ขนาดลำตัวยาวกว่า 1 เมตร กำลังผสมพันธุ์กัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำตึกไทยคู่ฟ้า ระบุว่าเห็นตัวเงินตัวทองทั้ง 2 ตัว ผสมพันธุ์กันมานานกว่า 2 ชั่วโมง ตั้งแต่ 9 นาฬิกาเศษ เพิ่งจะแยกออกจากกันเมื่อช่วงเที่ยง ซึ่งสร้างความสนใจและประหลาดใจให้กับเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล และสื่อมวลชนที่กำลังพักเที่ยงมาดูปรากฎการณ์ครั้งนี้หลายคน แม้สัตว์ประเภทนี้จะเคยมาคลานให้คนในทำเนียบให้เห็นบ่อยๆ แต่การผสมพันธุ์กันเช่นนี้ ไม่มีให้เห็นกันบ่อยนัก ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า จะเกี่ยวกับนักการเมืองหรือไม่
โดยก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล เตรียมประสานงานกับสวนสัตว์ดุสิต เพื่อมาจับตัวเงินตัวทอง ที่พบว่าน่าจะมีจำนวนมากไปไว้ที่สวนสัตว์เขาเขียว จ.ชลบุรี ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ก็มีแนวคิดที่จะนำสัตว์ประเภทนี้มาทำเป็นสัตว์เศรษฐกิจ
"หมอไชยา"ดอดดูห้องที่ สธ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น.วานนี้ นายไชยา สะสมทรัพย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ว่าที่รมว.สาธารณสุข(สธ.) ได้เดินทางมาเยี่ยมชมห้องทำงานภายในตึกสำนักปลัด กระทรวงสาธารณสุข โดยมี นพ.ปราชญ์ บุญยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ. และคณะผู้บริหารกระทรวงให้การต้อนรับ
นายไชย กล่าวว่า จะเข้ามาทำงานวันแรกในวันที่ 7 ก.พ.นี้ เวลา 10.00 น. โดยจะสักการะสิ่งศักดิ์ประจำ สธ. จากนั้นเวลา 10.09 น. เซ็นลงนามเข้ารับตำแหน่ง และในเวลา 11.00 น. จะนัดประชุมคณะผู้บริหารสธ. เพื่อมอบนโยบายการทำงาน โดยปัญหาแรกที่จะเร่งดำเนินการคือ การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก
"ผมคงจะไม่เข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไร สิ่งไหนที่กรมต่างๆ ได้ทำงานอยู่ก็ให้ทำต่อไป จะไม่เข้าไปแก้ไข ผมเข้ามาเพื่อทำงานไม่ได้เข้ามาเพื่อสร้างปัญหา และผมพร้อมที่จะทำงานทันที ซึ่ง สธ. ก็มีบุคลากร หมอ ที่มีความสามารถจำนวนมากอยู่แล้ว"นายไชยา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ในวันที่ 7 ก.พ.นี้ นายไชยาจะเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงอาหารกลางวันแก่คณะผู้บริหาร ข้าราชการ ลูกจ้างสธ. ประมาณ 450 คน โดยได้นำอาหารโต๊ะจีนชื่อดังจาก จ.นครปฐม ส่วนห้องทำงานของนายไชยานั้น นพ.ปราชญ์ ได้ดำเนินการจัดตกแต่งห้องให้อย่างเรียบร้อยสวยงาม
ประชานิยม"สมัคร 1"ยังไม่ชัดเจน
สำหรับนโยบายของรัฐบาล "สมัคร 1" ที่มีการประกาศมาก่อนหน้านี้ว่า จะรื้อฟื้น และต่อยอด นโยบายประชานิยม ที่เคยใช้ในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม ปราชญ์ชาวบ้าน ในฐานะคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่านโยบายของรัฐบาลชุดใหม่นี้ ยังไม่มีมีความชัดเจนที่จะสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เหมือนเป็นเรื่องเก่าที่รัฐบาลเก่าทำอยู่แล้ว แต่กลับไม่มีความชัดเจน ยังเป็นเรื่องเก่าที่แม้จะเปลี่ยนแปลงไป แต่ยังไม่มีความชัดเจนที่จะเปลี่ยนแปลงไปทางใด
ดังนั้นตนจึงไม่มั่นใจว่าทิศทางของรัฐบาลจะออกมาเป็นอย่างไร จะมีความต่อเนื่องหรือไม่ เพราะ 10 หรือ 20 ปีที่ผ่านมา กลับไม่มีความต่อเนื่อง การที่รัฐบาลพยายามสร้างความหวังให้กับประชาชนโดยการเอาเงิน เอาทองไปแจกชาวบ้านด้วยนโยบายประชานิยม กลายเป็นว่า ชาวบ้านรอนักการเมืองเอาเงินมาให้ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
"กลายเป็นว่า เป็นเรื่องที่ประชาชนส่วนหนึ่งเกินครึ่งจาก 13-15 ล้านเสียง เรียกร้องที่จะรับเงินจากนักการเมือง"
ผู้ใหญ๋วิบูลย์ ระบุว่า กรณีของนโยบายพักหนี้เกษตรกร 3 ปี หากมีหลักเกณฑ์ที่ดี ก็สามารถเดินหน้าได้ แต่ถ้าไม่มีหลักเกณฑ์ ก็จะกลับมาสร้างปัญหาให้กับรัฐบาล น้อยที่สุดก็เพื่อเป็นการสร้างประสิทธิภาพให้กับเกษตรกรหลังจากมีการพักหนี้
ติงประชานิยมทำชาวบ้านนิสัยเสีย
นายอาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะคณะกรรมการสภาพัฒน์ ภาคเอกชน กล่าวว่านโยบายประชานิยมของรัฐบาลชุดนี้ที่ประกาศออกมาเบื้องต้นเห็นว่า บางเรื่องอาจจะต้องมาปรับปรุง โดยเฉพาะนโยบายกองทุนหมู่บ้านๆ ละ1 ล้านบาท เพราะยังหากจะอัดเม็ดเงินให้กับชาวบ้าน เขาก็จะนำเงินไปใช้เฉยๆ เหมือนเดิม ไม่ได้ยืนอยู่บนขาของตัวเอง
ขณะที่นโยบายพักหนี้เกษตรกร 3 ปี ก็จะกลายเป็นการสร้างนิสัยที่ไม่ดีให้กับเกษตรกร ตนอยากให้เกษตรกร ยืนหยัดด้วยตัวเองดีกว่า หรือหากจะยกหนี้ ก็สู้เอาเงินไปทำประโยชน์อื่นดีกว่า แต่ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับนโยบายประชานิยม หลายเรื่องของรัฐบาลใหม่ ทั้ง 30 บาทรักษาทุกโรค นโยบายกู้ยืมเงินเรียน หรือนโยบายที่บรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนก็ควรสนับสนุน
อย่างไรก็ตาม ที่นายสมัคร อ้างถึงการเดินหน้านโยบายรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน 9 เส้นทาง และโครงการขุดอุโมงค์ผันน้ำจากแม่น้ำโขงในภาคอีสาน ก็เป็นโครงการที่น่าสนับสนุนเพราะเป็นโครงการที่จะมากระตุ้นเศรษฐกิจ แม้แหล่งทุนที่จะระดมจากประชาชนไม่ได้สามารถทำได้ แต่ทางออกด้วยการออกพันธบัตรหรือบอนด์ ก็ถือเป็นทางหนึ่ง
ผันน้ำโขงอาจซ้ำซ้อนแผน 25 ลุ่มน้ำ
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะโครงการขุดอุโมงค์ผันน้ำจากแม่น้ำโขงในภาคอีสาน ที่นายสมัครพูดถึง เชื่อว่าอาจจะมีส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการ 25 ลุ่มน้ำ ที่รัฐบาลชุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เห็นชอบเอาไว้ โดยใช้งบประมาณ 2.8 แสนล้านบาท เช่น แผนป้องกันอุทกภัย แผนลดความเสี่ยงจากภัย โครงการฟื้นคืนธรรมชาติ แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมบริเวณลุ่มน้ำ 25 แห่งทั่วประเทศ รวมไปถึงนโยบายน้ำแก่จน เป็นต้น
อย่างไรก็ตามเชื่อว่า แผนทางด้านวิศวกรรมขึ้นอยู่กับกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ดำเนินการว่ามีแผนนี้หรือไม่
"มาร์ค"แนะต้องคำนึงถึงความยั่งยืน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศผลักดัน เมกะโปรเจกต์ หลายโครงการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ว่า การะตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นสิ่งสำคัญ การจะมีโครงการขนาดใหญ่ หรือโครงการที่มีเงินลงไปถึงระดับชุมชนเป็นสิ่งสำคัญ แต่ขอให้รัฐบาลประเมินความคุ้มค่า และระมัดระวังว่าทุกโครงการต้องเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ การกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดี ไม่ใช่การกระตุ้นที่เพียงเอาเงินลงไปแล้วมันหายไป ไม่มีคุณค่า ไม่มีประโยชน์ในระยะยาว หรือสร้างภาระในระยะยาว เพราะฉะนั้น ถ้ารัฐบาลจะกระตุ้นด้วย 2 วิธีดังกล่าว เราไม่ขัดข้อง แต่ขอให้ดูความคุ้มค่าของทุกโครงการแล้วให้มีความยั่งยืน
นอกจากนี้รัฐบาลยังจะต้องนำปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตมาทบทวนว่า อย่าให้มีลักษณะของการบริหารจัดการที่ทำให้เกิดความฟุ่มเฟือยแล้วไม่ยั่งยืน และต้องไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น อย่างไรก็ตามรัฐบาลอย่าคิดกระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น เพราะยังมีปัญหาอื่นๆโดยเฉพาะปัญหาระยะยาว
นายกฯ ต้องรับฟังเสียงจากทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า ภาคประชาชนมีความไม่สบายใจต่อนโยบายของรัฐบาลใหม่ในเรื่องน้ำ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องให้มีความชัดเจนจากรัฐบาลออกมาก่อน แต่การเพิ่มพื้นที่ชลประทาน และการทำให้ประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกร สามารถมีแหล่งน้ำใช้เป็นสิ่งจำเป็น แต่รูปแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สุด คือ อย่าคิดโครงการใหญ่ แต่ให้คิดโครงการขนาดกลาง และขนาดย่อยให้มากแล้วเชื่อมโยงกัน ซึ่งนี่จะเป็นหัวใจ
เมื่อถามต่อว่า ดูเหมือนนายสมัคร เริ่มแสดงอารมณ์ไม่พอใจต่อเสียงต่อต้านจากกลุ่มเอ็นจีโอ โดยพูดว่า "เอ็นจีโอไม่ใช่พ่อ" นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอยากฝากให้นายกฯ รับฟังทุกฝ่าย แม้อำนาจตัดสินจะเป็นของนายกฯ ตนอยากให้บรรยากาศบ้านเมืองเย็นลง ดังนั้น อยากให้หลีกเลี่ยงอะไรที่นำไปสู่การเผชิญหน้ากัน เพื่องานของรัฐบาลจะได้ประสบความสำเร็จ
อัด"ครม.สีดำ"ย่ำยีจิตใจ ปชช.
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ระบุว่า การตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เงาของพรรคประชาธิปัตย์ถือเป็นการยุแยงให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง เป็นวิชามารที่ทำสืบทอดกันมาว่า ถือเป็นความอหังการของพรรคพลังประชาชน ที่ซ้ำรอยพรรคไทยรักไทยเดิม ตนอยากให้คิดถึงจิตใจของผู้แพ้ที่ไม่ใช่ ส.ส.ของ ปชป. แต่เป็นประชาชนที่เลือก ปชป. และไม่เอาพรรคพปช.
นอกจากนี้ การจัดตั้ง ครม. ของรัฐบาลยังถือเป็นการเหยียบย่ำจิตใจประชาชน โดยเฉพาะการปูนบำเหน็จให้กับอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) เช่นการให้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ดำรงตำแหน่งว่าที่รองโฆษกรัฐบาล และนายจักรภพ เพ็ญแข เป็นว่าที่ รมช.ต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นบุคคลสีดำ ที่ประชาชนส่วนใหญ่ปฏิเสธ ไม่ยอมรับ
"ภาพรวมของครม.ถือว่าแย่มาก ซึ่งการให้ร.ต.(หญิง) ระนองรักษ์ (สุวรรณฉวี ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อแผ่นดิน) ที่เป็นเพียงอดีตรักษาการ ผอ.กองสาธารณสุข องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ให้มาเป็น รมช.คลัง ผมอยากถามว่า ไม่อายปลัดกระทรวงการคลัง หรืออธิบดีกรมกองต่างๆ หรืออย่างไร ที่เอาคนที่เคยดูแลเรื่องฉีดหมอกควันพ่นยุง ฉีดยาหมาแมว มาเป็นรัฐมนตรี อยากรู้ว่าคนเหล่านี้ มีความสามารถเพียงใด จะตอบปัญหาด้านเศรษฐกิจให้นักธุรกิจชาวต่างชาติเข้าใจได้หรือไม่ แต่ก็อยากให้กำลังใจและขอแสดงความเป็นห่วง แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาระบุว่ามีที่ปรึกษาด้านการเงินการคลังที่มีคุณภาพ แต่สิ่งที่อยากให้คำนึงถึงคือ เรื่องความลับของประเทศที่อาจจะรั่วไหล เพราะการมีที่ปรึกษาที่หาประโยชน์ใส่กลุ่มธุรกิจของตนเอง" นายนิพิฏฐ์ กล่าว
พวกไม่มาก-เงินไม่เยอะชวด รมต.
นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน แกนนำกลุ่มวาดะห์ กล่าวถึงการจัดวางโผ "ครม.สมัคร 1" ที่ไม่ปรากฎรายชื่อของส.ส.ภาคใต้มาเป็นรัฐมนตรี ว่า พวกตนไม่ซีเรียสเรื่องนี้ ไม่ได้คิดอะไร หลังจากพรรคได้ระบุถึงสัดส่วนรัฐมนตรี 9 ต่อ 1 เพราะภาคใต้เราได้มาเพียง 3 ที่นั่ง แต่กว่าจะเข้ามาได้ก็ยากลำบาก ยอมรับว่าโครงสร้างการเมืองไทย ใครมีพวกมาก มีส.ส.ในกลุ่มหลายคน และลงทุนในการเลือกตั้งมาก ก็ย่อมมีอำนาจในการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีสูงเป็นธรรมดา
กลุ่มของเราไม่ได้ใช้เงิน เรื่องการต่อรองเราก็ไม่ได้ทำ ในเมื่อพรรคไม่ให้เราก็ไม่ว่าอะไร ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี เป็นแค่ส.ส.ก็ทำงานได้เหมือนกัน ส่วนตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) นั้น ก็ต้องรอดูทางพรรคจะให้โควตาประธานมากี่คณะ ส่วนตัวเห็นว่าน่าจะให้ภาคใต้เป็นประธาน 3 คณะ ตามจำนวนส.ส.ที่มีอยู่ คือ ตน นายซูการ์โน มะทา และนายนัจมุดดีน อูมา ส.ส.นราธิวาส อีก 2 คน สำหรับตนเป็น ส.ส.มาเกือบ 20 ปี เป็นประธานคณะกรรมาธิการเกือบทุกคณะแล้ว ก็จะรอดูว่าจะมีคณะอะไรใหม่ๆ มาเพิ่มหรือไม่ อยากเป็นคณะใหม่ๆ บ้าง
ส.ส.เหนือ จอง ปธ.กมธ.เกษตรฯ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ส.ส. ภาคเหนือได้นัดประชุมภาคเพื่อหารือคัดเลือกบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)ไปบ้างแล้ว เบื้องต้น ส.ส.ส่วนใหญ่แสดงความจำนง อยากเป็นประคณะกมธ. 3 คณะ ประกอบด้วย กมธ.เกษตรและสหกรณ์ กมธ.ท่องเที่ยว กมธ.สื่อสารและโทรคมนาคม แต่ยังไม่ได้ระบุตัวบุคคลที่ชัดเจน ส่วนตัวเห็นว่าผู้ที่เคยได้รับตำแหน่งมาแล้ว ควรให้โอกาสส.ส.คนอื่นที่มีความสามารถทำงานบ้าง
อย่างไรก็ตาม จะได้ตำแหน่งประธานกมธ.ตามความต้องการของส.ส.ภาคเหนือหรือไม่นั้น ต้องแล้วแต่ทางพรรค ยืนยันว่าส.ส.ภาคเหนือไม่มีปัญหาเหมือนกับกลุ่มอื่นๆ ที่เป็นมาก่อนหน้านี้
ส.ส.กทม.ถกวางตำแหน่งเลขาฯ รมต.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวานนี้ ส.ส.กทม.ได้นัดประชุมกันที่บ้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เพื่อหารือถึงการจัดคนลงในตำแหน่งทางการเมือง ทั้งนี้ในเบื้องต้น ภาคกทม.ได้วางตัว นายอเนก หุตังคบดี เป็นที่ปรึกษารมว.พัฒนาสังคมฯ โดยมีนายเฉลิมชัย จีนะวิจารณะ เป็นเลขานุการรัฐมนตรี หลังจากเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า นายสุธา ชันแสง ส.ส.กทม.จะเข้าไปเป็นรมว.พัฒนาสังคมฯ ส่วนนางศุภมาส อิศรภักดี จะเป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีสาธารณสุข (นายเชาวรัตน์ ชาญวีรกูล) นอกจากนี้ยังมีบางส่วนได้ติดต่อขอเป็นเลขานุการ และที่ปรึกษากระทรวงต่างๆ อาทิ นายวัฒนา เซ่งไพเราะ ตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ เป็นเลขานุการ รมว.ต่างประเทศ
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (5 ก.พ.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เดินทางออกจากบ้านพักในซอยนวมินทร์ 81 มายังที่ทำการพรรคพลังประชาชน และได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาโทรศัพท์มาแสดงความยินดีหลังจากเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 เมื่อคืนวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมาโดยนายสมัคร ยอมรับว่า ได้คุยกับนายบุชประมาณ 5 นาที
เมื่อถามว่า การคุยเพื่อฟื้นความสัมพันธ์ใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ความสัมพันธ์มีอยู่แล้ว เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ทางการทหารที่ถูกตัดไป นายสมัคร กล่าวว่า "อ๋อ เขาคืนหมด เขาให้หมด ให้กลับคืนอย่างเก่าหมด และเขาจะฉลองความสัมพันธ์ 75 ปี ไทย-สหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีแน่นอน"
สำหรับความคืบหน้าในการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)ขึ้นทูลเกล้าฯนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้มีการประสานไปยังสำนักราชเลขาธิการ เพื่อนำรายชื่อครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว ในวันนี้ (6 ก.พ.) นายสมัคร จะได้นำรายชื่อครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ พร้อมว่าที่รัฐมนตรี 35 คนเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนรับตำแหน่ง ในเวลา 16.30 น. โดยได้แจ้งให้ผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี มาพร้อมกันที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เวลา 15.00 น. และถ่ายภาพร่วมกัน
จากนั้นเวลา 16.00 น. จะเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อเดินทางเข้าเฝ้าฯ ทั้งนี้ หากมีการโปรดเกล้าฯ และครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณในวันนี้แล้ว จะมีการประชุมครม. นัดพิเศษ วันในศุกร์ที่ 8 ก.พ. เวลา 09.30 น. เนื่องจากนายสมัคร ต้องการให้แต่ละกระทรวงทำการสรุปแนวทางนโยบายรัฐบาลแบบกว้างๆ ก่อนการแถลงนโยบายรัฐบาล และเพื่อเป็นการแนะนำตัวของผู้ร่วม ครม.
สำหรับทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จนถึงขณะนี้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังคงเป็น นายจักรภพ เพ็ญแข โดยนายสมัคร ต้องการให้นายจักรภพ ดำรงตำแหน่งทั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกฯ ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ พร้อมด้วย น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ สมาชิกพรรคพลังประชาชน และน.ส. จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ สมาชิกพรรคชาติไทย
"หมัก"คุม ศก.เองแก้ปัญหาเกาเหลา
ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ แต่อาจให้คำปรึกษาได้ ส่วนจะให้มาทุ่มเทดูแล คงเป็นไปไม่ได้เพราะได้วางมือไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม นพ.สุรพงษ์ ซึ่งได้รับการคาดหมายว่าจะนั่งเก้าอี้รองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าวว่า การบริหารจัดการของรัฐบาลชุดนี้จะใช้รูปแบบใหม่ที่ให้ความคล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่จะมี CEO เพียงคนเดียว คือ นายกรัฐมนตรี และจะแบ่งแยกการทำงานไปตามส่วนต่างๆ ดังนั้น ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลชุดนี้ จึงไม่มีหัวหน้าทีมเหมือนสมัยก่อน ที่ต้องมีคนคนเดียวเข้ามารับผิดชอบเรื่องเศรษฐกิจทั้งหมด
เป็นที่น่าสังเกตว่า คำให้สัมภาษณ์ของ นพ.สุรพงษ์ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องหัวหน้าทีมเศรษฐกิจดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังมีข่าวการไม่ลงรอยเรื่องหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ระหว่าง นพ.สุรพงษ์ กับ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ว่าที่รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ที่ก่อนหน้านี้ นายสมัคร เคยประกาศให้เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ในทางปฏิบัติแล้ว หน้าที่ความรับผิดชอบเศรษฐกิจในภาพรวม นั้นจะอยู่กับ นพ.สุรพงษ์ โดยมีพ.ต.ท.ทักษิณ ประสานงานผ่านมายัง นพ.สุรพงษ์ ขณะที่นายมิ่งขวัญ จะรับผิดชอบในด้านการค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ นายสมัครได้เรียก นพ.สุรพงษ์ และนายมิ่งขวัญ มาหารือเพื่อปรับความใจกันแล้ว เพื่อมิให้การทำงานของทีมเศรษฐกิจต้องขัดแย้งกันตั้งแต่เริ่มต้น
ส่วนรายชื่อคนนอกที่เคยเป็นข่าวว่าจะมาเป็น รมว.คลัง เช่น นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต รมว.คลัง นายทนง พิทยะ อดีต รมว.คลัง นายสมใจนึก เองตระกูล อดีตประธานกรรมการธนาคารทหารไทย และอดีตปลัดกระทรวงการคลังนั้น ทางพรรคทาบทามให้เข้ามาเป็นทีมงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยไม่เป็นรัฐมนตรี และตำแหน่งใดๆในรัฐบาล เนื่องจากติดขัดในเรื่องคุณสมบัติ ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2550 ที่มีสืบโยงการเข้าถือครองหุ้นในบริษัทเอกชนต่างๆของครอบครัว ทั้งแนวราบและแนวดิ่ง ซึ่งอาจส่งผลต่อการงาน หรือธุรกิจของบุคคลเหล่านี้ โดยจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการหลังจากมีครม. เรียบร้อยแล้ว
"ตัวเงินตัวทอง"ผสมพันธ์กลางทำเนียบฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (5 ม.ค.) เกิดปรากฎการณ์ที่ไม่พบเห็นบ่อยนักบริเวณทำเนียบรัฐบาล โดยเหตุเกิดภายในสระน้ำหลังตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อ"ตัวเงินตัวทอง" 2 ตัว ขนาดลำตัวยาวกว่า 1 เมตร กำลังผสมพันธุ์กัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำตึกไทยคู่ฟ้า ระบุว่าเห็นตัวเงินตัวทองทั้ง 2 ตัว ผสมพันธุ์กันมานานกว่า 2 ชั่วโมง ตั้งแต่ 9 นาฬิกาเศษ เพิ่งจะแยกออกจากกันเมื่อช่วงเที่ยง ซึ่งสร้างความสนใจและประหลาดใจให้กับเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล และสื่อมวลชนที่กำลังพักเที่ยงมาดูปรากฎการณ์ครั้งนี้หลายคน แม้สัตว์ประเภทนี้จะเคยมาคลานให้คนในทำเนียบให้เห็นบ่อยๆ แต่การผสมพันธุ์กันเช่นนี้ ไม่มีให้เห็นกันบ่อยนัก ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า จะเกี่ยวกับนักการเมืองหรือไม่
โดยก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล เตรียมประสานงานกับสวนสัตว์ดุสิต เพื่อมาจับตัวเงินตัวทอง ที่พบว่าน่าจะมีจำนวนมากไปไว้ที่สวนสัตว์เขาเขียว จ.ชลบุรี ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ก็มีแนวคิดที่จะนำสัตว์ประเภทนี้มาทำเป็นสัตว์เศรษฐกิจ
"หมอไชยา"ดอดดูห้องที่ สธ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น.วานนี้ นายไชยา สะสมทรัพย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ว่าที่รมว.สาธารณสุข(สธ.) ได้เดินทางมาเยี่ยมชมห้องทำงานภายในตึกสำนักปลัด กระทรวงสาธารณสุข โดยมี นพ.ปราชญ์ บุญยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ. และคณะผู้บริหารกระทรวงให้การต้อนรับ
นายไชย กล่าวว่า จะเข้ามาทำงานวันแรกในวันที่ 7 ก.พ.นี้ เวลา 10.00 น. โดยจะสักการะสิ่งศักดิ์ประจำ สธ. จากนั้นเวลา 10.09 น. เซ็นลงนามเข้ารับตำแหน่ง และในเวลา 11.00 น. จะนัดประชุมคณะผู้บริหารสธ. เพื่อมอบนโยบายการทำงาน โดยปัญหาแรกที่จะเร่งดำเนินการคือ การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก
"ผมคงจะไม่เข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไร สิ่งไหนที่กรมต่างๆ ได้ทำงานอยู่ก็ให้ทำต่อไป จะไม่เข้าไปแก้ไข ผมเข้ามาเพื่อทำงานไม่ได้เข้ามาเพื่อสร้างปัญหา และผมพร้อมที่จะทำงานทันที ซึ่ง สธ. ก็มีบุคลากร หมอ ที่มีความสามารถจำนวนมากอยู่แล้ว"นายไชยา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ในวันที่ 7 ก.พ.นี้ นายไชยาจะเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงอาหารกลางวันแก่คณะผู้บริหาร ข้าราชการ ลูกจ้างสธ. ประมาณ 450 คน โดยได้นำอาหารโต๊ะจีนชื่อดังจาก จ.นครปฐม ส่วนห้องทำงานของนายไชยานั้น นพ.ปราชญ์ ได้ดำเนินการจัดตกแต่งห้องให้อย่างเรียบร้อยสวยงาม
ประชานิยม"สมัคร 1"ยังไม่ชัดเจน
สำหรับนโยบายของรัฐบาล "สมัคร 1" ที่มีการประกาศมาก่อนหน้านี้ว่า จะรื้อฟื้น และต่อยอด นโยบายประชานิยม ที่เคยใช้ในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม ปราชญ์ชาวบ้าน ในฐานะคณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่านโยบายของรัฐบาลชุดใหม่นี้ ยังไม่มีมีความชัดเจนที่จะสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เหมือนเป็นเรื่องเก่าที่รัฐบาลเก่าทำอยู่แล้ว แต่กลับไม่มีความชัดเจน ยังเป็นเรื่องเก่าที่แม้จะเปลี่ยนแปลงไป แต่ยังไม่มีความชัดเจนที่จะเปลี่ยนแปลงไปทางใด
ดังนั้นตนจึงไม่มั่นใจว่าทิศทางของรัฐบาลจะออกมาเป็นอย่างไร จะมีความต่อเนื่องหรือไม่ เพราะ 10 หรือ 20 ปีที่ผ่านมา กลับไม่มีความต่อเนื่อง การที่รัฐบาลพยายามสร้างความหวังให้กับประชาชนโดยการเอาเงิน เอาทองไปแจกชาวบ้านด้วยนโยบายประชานิยม กลายเป็นว่า ชาวบ้านรอนักการเมืองเอาเงินมาให้ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
"กลายเป็นว่า เป็นเรื่องที่ประชาชนส่วนหนึ่งเกินครึ่งจาก 13-15 ล้านเสียง เรียกร้องที่จะรับเงินจากนักการเมือง"
ผู้ใหญ๋วิบูลย์ ระบุว่า กรณีของนโยบายพักหนี้เกษตรกร 3 ปี หากมีหลักเกณฑ์ที่ดี ก็สามารถเดินหน้าได้ แต่ถ้าไม่มีหลักเกณฑ์ ก็จะกลับมาสร้างปัญหาให้กับรัฐบาล น้อยที่สุดก็เพื่อเป็นการสร้างประสิทธิภาพให้กับเกษตรกรหลังจากมีการพักหนี้
ติงประชานิยมทำชาวบ้านนิสัยเสีย
นายอาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะคณะกรรมการสภาพัฒน์ ภาคเอกชน กล่าวว่านโยบายประชานิยมของรัฐบาลชุดนี้ที่ประกาศออกมาเบื้องต้นเห็นว่า บางเรื่องอาจจะต้องมาปรับปรุง โดยเฉพาะนโยบายกองทุนหมู่บ้านๆ ละ1 ล้านบาท เพราะยังหากจะอัดเม็ดเงินให้กับชาวบ้าน เขาก็จะนำเงินไปใช้เฉยๆ เหมือนเดิม ไม่ได้ยืนอยู่บนขาของตัวเอง
ขณะที่นโยบายพักหนี้เกษตรกร 3 ปี ก็จะกลายเป็นการสร้างนิสัยที่ไม่ดีให้กับเกษตรกร ตนอยากให้เกษตรกร ยืนหยัดด้วยตัวเองดีกว่า หรือหากจะยกหนี้ ก็สู้เอาเงินไปทำประโยชน์อื่นดีกว่า แต่ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับนโยบายประชานิยม หลายเรื่องของรัฐบาลใหม่ ทั้ง 30 บาทรักษาทุกโรค นโยบายกู้ยืมเงินเรียน หรือนโยบายที่บรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนก็ควรสนับสนุน
อย่างไรก็ตาม ที่นายสมัคร อ้างถึงการเดินหน้านโยบายรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน 9 เส้นทาง และโครงการขุดอุโมงค์ผันน้ำจากแม่น้ำโขงในภาคอีสาน ก็เป็นโครงการที่น่าสนับสนุนเพราะเป็นโครงการที่จะมากระตุ้นเศรษฐกิจ แม้แหล่งทุนที่จะระดมจากประชาชนไม่ได้สามารถทำได้ แต่ทางออกด้วยการออกพันธบัตรหรือบอนด์ ก็ถือเป็นทางหนึ่ง
ผันน้ำโขงอาจซ้ำซ้อนแผน 25 ลุ่มน้ำ
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะโครงการขุดอุโมงค์ผันน้ำจากแม่น้ำโขงในภาคอีสาน ที่นายสมัครพูดถึง เชื่อว่าอาจจะมีส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการ 25 ลุ่มน้ำ ที่รัฐบาลชุด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เห็นชอบเอาไว้ โดยใช้งบประมาณ 2.8 แสนล้านบาท เช่น แผนป้องกันอุทกภัย แผนลดความเสี่ยงจากภัย โครงการฟื้นคืนธรรมชาติ แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมบริเวณลุ่มน้ำ 25 แห่งทั่วประเทศ รวมไปถึงนโยบายน้ำแก่จน เป็นต้น
อย่างไรก็ตามเชื่อว่า แผนทางด้านวิศวกรรมขึ้นอยู่กับกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ดำเนินการว่ามีแผนนี้หรือไม่
"มาร์ค"แนะต้องคำนึงถึงความยั่งยืน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศผลักดัน เมกะโปรเจกต์ หลายโครงการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ว่า การะตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นสิ่งสำคัญ การจะมีโครงการขนาดใหญ่ หรือโครงการที่มีเงินลงไปถึงระดับชุมชนเป็นสิ่งสำคัญ แต่ขอให้รัฐบาลประเมินความคุ้มค่า และระมัดระวังว่าทุกโครงการต้องเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ การกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดี ไม่ใช่การกระตุ้นที่เพียงเอาเงินลงไปแล้วมันหายไป ไม่มีคุณค่า ไม่มีประโยชน์ในระยะยาว หรือสร้างภาระในระยะยาว เพราะฉะนั้น ถ้ารัฐบาลจะกระตุ้นด้วย 2 วิธีดังกล่าว เราไม่ขัดข้อง แต่ขอให้ดูความคุ้มค่าของทุกโครงการแล้วให้มีความยั่งยืน
นอกจากนี้รัฐบาลยังจะต้องนำปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตมาทบทวนว่า อย่าให้มีลักษณะของการบริหารจัดการที่ทำให้เกิดความฟุ่มเฟือยแล้วไม่ยั่งยืน และต้องไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น อย่างไรก็ตามรัฐบาลอย่าคิดกระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น เพราะยังมีปัญหาอื่นๆโดยเฉพาะปัญหาระยะยาว
นายกฯ ต้องรับฟังเสียงจากทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า ภาคประชาชนมีความไม่สบายใจต่อนโยบายของรัฐบาลใหม่ในเรื่องน้ำ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องให้มีความชัดเจนจากรัฐบาลออกมาก่อน แต่การเพิ่มพื้นที่ชลประทาน และการทำให้ประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกร สามารถมีแหล่งน้ำใช้เป็นสิ่งจำเป็น แต่รูปแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สุด คือ อย่าคิดโครงการใหญ่ แต่ให้คิดโครงการขนาดกลาง และขนาดย่อยให้มากแล้วเชื่อมโยงกัน ซึ่งนี่จะเป็นหัวใจ
เมื่อถามต่อว่า ดูเหมือนนายสมัคร เริ่มแสดงอารมณ์ไม่พอใจต่อเสียงต่อต้านจากกลุ่มเอ็นจีโอ โดยพูดว่า "เอ็นจีโอไม่ใช่พ่อ" นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอยากฝากให้นายกฯ รับฟังทุกฝ่าย แม้อำนาจตัดสินจะเป็นของนายกฯ ตนอยากให้บรรยากาศบ้านเมืองเย็นลง ดังนั้น อยากให้หลีกเลี่ยงอะไรที่นำไปสู่การเผชิญหน้ากัน เพื่องานของรัฐบาลจะได้ประสบความสำเร็จ
อัด"ครม.สีดำ"ย่ำยีจิตใจ ปชช.
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ระบุว่า การตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เงาของพรรคประชาธิปัตย์ถือเป็นการยุแยงให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง เป็นวิชามารที่ทำสืบทอดกันมาว่า ถือเป็นความอหังการของพรรคพลังประชาชน ที่ซ้ำรอยพรรคไทยรักไทยเดิม ตนอยากให้คิดถึงจิตใจของผู้แพ้ที่ไม่ใช่ ส.ส.ของ ปชป. แต่เป็นประชาชนที่เลือก ปชป. และไม่เอาพรรคพปช.
นอกจากนี้ การจัดตั้ง ครม. ของรัฐบาลยังถือเป็นการเหยียบย่ำจิตใจประชาชน โดยเฉพาะการปูนบำเหน็จให้กับอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) เช่นการให้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ดำรงตำแหน่งว่าที่รองโฆษกรัฐบาล และนายจักรภพ เพ็ญแข เป็นว่าที่ รมช.ต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นบุคคลสีดำ ที่ประชาชนส่วนใหญ่ปฏิเสธ ไม่ยอมรับ
"ภาพรวมของครม.ถือว่าแย่มาก ซึ่งการให้ร.ต.(หญิง) ระนองรักษ์ (สุวรรณฉวี ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อแผ่นดิน) ที่เป็นเพียงอดีตรักษาการ ผอ.กองสาธารณสุข องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ให้มาเป็น รมช.คลัง ผมอยากถามว่า ไม่อายปลัดกระทรวงการคลัง หรืออธิบดีกรมกองต่างๆ หรืออย่างไร ที่เอาคนที่เคยดูแลเรื่องฉีดหมอกควันพ่นยุง ฉีดยาหมาแมว มาเป็นรัฐมนตรี อยากรู้ว่าคนเหล่านี้ มีความสามารถเพียงใด จะตอบปัญหาด้านเศรษฐกิจให้นักธุรกิจชาวต่างชาติเข้าใจได้หรือไม่ แต่ก็อยากให้กำลังใจและขอแสดงความเป็นห่วง แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาระบุว่ามีที่ปรึกษาด้านการเงินการคลังที่มีคุณภาพ แต่สิ่งที่อยากให้คำนึงถึงคือ เรื่องความลับของประเทศที่อาจจะรั่วไหล เพราะการมีที่ปรึกษาที่หาประโยชน์ใส่กลุ่มธุรกิจของตนเอง" นายนิพิฏฐ์ กล่าว
พวกไม่มาก-เงินไม่เยอะชวด รมต.
นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน แกนนำกลุ่มวาดะห์ กล่าวถึงการจัดวางโผ "ครม.สมัคร 1" ที่ไม่ปรากฎรายชื่อของส.ส.ภาคใต้มาเป็นรัฐมนตรี ว่า พวกตนไม่ซีเรียสเรื่องนี้ ไม่ได้คิดอะไร หลังจากพรรคได้ระบุถึงสัดส่วนรัฐมนตรี 9 ต่อ 1 เพราะภาคใต้เราได้มาเพียง 3 ที่นั่ง แต่กว่าจะเข้ามาได้ก็ยากลำบาก ยอมรับว่าโครงสร้างการเมืองไทย ใครมีพวกมาก มีส.ส.ในกลุ่มหลายคน และลงทุนในการเลือกตั้งมาก ก็ย่อมมีอำนาจในการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีสูงเป็นธรรมดา
กลุ่มของเราไม่ได้ใช้เงิน เรื่องการต่อรองเราก็ไม่ได้ทำ ในเมื่อพรรคไม่ให้เราก็ไม่ว่าอะไร ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี เป็นแค่ส.ส.ก็ทำงานได้เหมือนกัน ส่วนตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) นั้น ก็ต้องรอดูทางพรรคจะให้โควตาประธานมากี่คณะ ส่วนตัวเห็นว่าน่าจะให้ภาคใต้เป็นประธาน 3 คณะ ตามจำนวนส.ส.ที่มีอยู่ คือ ตน นายซูการ์โน มะทา และนายนัจมุดดีน อูมา ส.ส.นราธิวาส อีก 2 คน สำหรับตนเป็น ส.ส.มาเกือบ 20 ปี เป็นประธานคณะกรรมาธิการเกือบทุกคณะแล้ว ก็จะรอดูว่าจะมีคณะอะไรใหม่ๆ มาเพิ่มหรือไม่ อยากเป็นคณะใหม่ๆ บ้าง
ส.ส.เหนือ จอง ปธ.กมธ.เกษตรฯ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ส.ส. ภาคเหนือได้นัดประชุมภาคเพื่อหารือคัดเลือกบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)ไปบ้างแล้ว เบื้องต้น ส.ส.ส่วนใหญ่แสดงความจำนง อยากเป็นประคณะกมธ. 3 คณะ ประกอบด้วย กมธ.เกษตรและสหกรณ์ กมธ.ท่องเที่ยว กมธ.สื่อสารและโทรคมนาคม แต่ยังไม่ได้ระบุตัวบุคคลที่ชัดเจน ส่วนตัวเห็นว่าผู้ที่เคยได้รับตำแหน่งมาแล้ว ควรให้โอกาสส.ส.คนอื่นที่มีความสามารถทำงานบ้าง
อย่างไรก็ตาม จะได้ตำแหน่งประธานกมธ.ตามความต้องการของส.ส.ภาคเหนือหรือไม่นั้น ต้องแล้วแต่ทางพรรค ยืนยันว่าส.ส.ภาคเหนือไม่มีปัญหาเหมือนกับกลุ่มอื่นๆ ที่เป็นมาก่อนหน้านี้
ส.ส.กทม.ถกวางตำแหน่งเลขาฯ รมต.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวานนี้ ส.ส.กทม.ได้นัดประชุมกันที่บ้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เพื่อหารือถึงการจัดคนลงในตำแหน่งทางการเมือง ทั้งนี้ในเบื้องต้น ภาคกทม.ได้วางตัว นายอเนก หุตังคบดี เป็นที่ปรึกษารมว.พัฒนาสังคมฯ โดยมีนายเฉลิมชัย จีนะวิจารณะ เป็นเลขานุการรัฐมนตรี หลังจากเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า นายสุธา ชันแสง ส.ส.กทม.จะเข้าไปเป็นรมว.พัฒนาสังคมฯ ส่วนนางศุภมาส อิศรภักดี จะเป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีสาธารณสุข (นายเชาวรัตน์ ชาญวีรกูล) นอกจากนี้ยังมีบางส่วนได้ติดต่อขอเป็นเลขานุการ และที่ปรึกษากระทรวงต่างๆ อาทิ นายวัฒนา เซ่งไพเราะ ตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ เป็นเลขานุการ รมว.ต่างประเทศ