ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ประธานชมรมธนาคารจังหวัดภูเก็ตมั่นใจเศรษฐกิจปีนี้ดีขึ้น เหตุท่องเที่ยวยังบูมประกอบกับนักลงทุนมีความเชื่อมั่นจากการมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งทำให้การเมืองนิ่ง เผย Dubai International Property Fund และ Singapore Property Fund ยังสนใจลงทุนและร่วมทุนอีกหลายหมื่นล้านบาท เผยธุรกิจบ้านจัดสรรและอสังหาริมทรัพย์ปี 50 ผู้ประกอบการยื่นขออนุญาตก่อสร้าง 7,000-8,000 ยูนิต สินเชื่อขยายตัว 10,000 ล้านบาท คาดปี 51 เพิ่มขึ้น 15,000 -20,000 ล้าน
นายพูนสิน สินธนภัทร ผู้อำนวยการสาขา สาขาภูเก็ต สายงานเครือข่ายภูมิภาคธนาคารธนชาติ ในฐานะประธานชมรมธนาคารจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึง ภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตในปี 2551 ว่า ภาวะเศรษฐกิจปีนี้จะดีกว่าปีที่ผ่านมาแน่นอนเนื่องจากมีธุรกิจการท่องเที่ยวรองรับอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งเพราะเมื่อการเมืองนิ่ง ย่อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เท่าที่ทราบข้อมูลของจังหวัดภูเก็ตเวลานี้พบว่ามีการจองห้องพักในโรงแรมชั้นนำหรือบูติกรีสอร์ทเต็มตลอดปี 2551 และยังดีต่อเนื่องไปจนถึงปี 2552 หากไม่มีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้น
ส่วนเรื่องของการลงทุน ยังมีเม็ดเงินจากต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทและอสังหาริมทรัพย์โครงการขนาดใหญ่ ได้แก่ ทุนใหญ่ของโลกจาก Dubai International Property Fund ที่มาร่วมทุนทั้งชาวภูเก็ตและคนไทยทั่วไปโดยกลุ่มนี้เข้ามาลงทุนในแต่ละครั้ง เป็นมูลค่าสูงถึง 10,000 ล้านบาท เช่น โครงการบริเวณแหลมยามู ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง และตามสภาพความเป็นจริงแล้ว ที่ดินบริเวณริมขอบหาดทรายชายทะเลหรือที่ดินแปลงสวยๆ ในภูเก็ตมีการไปลงทุนหมด รวมทั้งกองทุน Singapore Property Fund ซึ่งเข้ามาลงทุนในภูเก็ตหลายโครงการ เช่น จังซีลอนป่าตอง ตลอดจนมีทุนย่อยๆ ที่เข้ามาตั้งบริษัทและคนทั่วไปส่วนใหญ่ค่อนข้างจะไม่ค่อยรู้ในเรื่องนี้ โดยเฉพาะในปี 2551-2552 การลงทุนสูงมากเป็นเท่าๆ ตัว หรือนับเป็นหลายหมื่นล้านบาท
ประธานชมรมธนาคารจังหวัดภูเก็ตกล่าวถึงการลงทุนสร้างบ้านจัดสรรและอสังหาริมทรัพย์ ว่า ปัจจุบันธุรกิจบ้านจัดสรรและอสังหาริมทรัพย์ จะทยอยขึ้นโครงการเพิ่มมากขึ้น และโดยในปี 2550 ผู้ประกอบการยื่นขออนุญาตก่อสร้างประมาณ 7,000-8,000 ยูนิต ในขณะที่คนจากต่างถิ่นเข้ามาอยู่ในภูเก็ตเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนที่มีทะเบียนบ้านและประชากรแฝงประมาณ 500,000-600,000 คน อย่างไรก็ดีเป็นห่วงในกรณีที่มีการเจริญเติบโตที่เร็วเกินไป การพัฒนาสาธารณูปโภคจะไม่ทัน ทั้งน้ำอุปโภค บริโภค ในช่วงหน้าแล้ง อาจจะขาดแคลนขึ้นมาได้ แนวทางแก้ไขในอนาคต อาจจะต้องนำน้ำมาจากจังหวัดพังงาหรือแม้
แต่เขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งจำเป็นต้องขอการสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง ในเรื่องของความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกต่างๆ
นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่าปัจจุบันมีนักลงทุนไทยและต่างชาติข้ามาลงทุนในภูเก็ตมาก โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่สนใจเข้ามาลงทุนในภูเก็ตมากคือชาวสิงคโปร์ แต่อย่างไรก็ตามการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนสิงคโปร์จะต้องระมัดระวังด้วย เพราะเวลานี้ทราบว่า ข้าราชการทุกระดับในสิงคโปร์ แม้กระทั่งคนขับรถ ตำรวจ จราจร เรียนภาษาไทยหมด เพื่อให้อ่านออกเขียนได้ทุกคน พวกเขาคิดว่า ประเทศไทย ไม่ไกลเกินเอื้อมที่จะเข้ามาลงทุน เ เพราะกองทุนของประเทศสิงคโปร์ใหญ่มากมีถึง 3 กองทุน เช่น Temasek Fund , Singapore Fund คือเงินที่เหลือของรัฐบาลสิงคโปร์ ที่ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว 7 ล้านล้านบาท ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเงินที่มีจำนวนมากมหาศาล เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทยงบประมาณแผ่นดินปีละ ประมาณ 2 ล้านล้านบาท
"การที่สิงคโปร์จะมาซื้ออะไร แค่ หมื่นสองหมื่นล้านบาท เป็นเรื่องที่เล็กน้อย โดยเขามีแนวทางจ้างอย่างนี้คือ CEO ดังๆ คนใหญ่ๆ ในเมืองไทย มือหนึ่ง สอง และมือสาม ปัจจุบันเป็นลูกจ้างของกองทุนสิงคโปร์หมดแล้ว เอาไปบริหารเลย ไม่ว่าจะเอาไปซื้อ ขาย พัฒนา ตรงไหน และเอากำไรมาแบ่งกัน สำหรับวิธีการจัดการ บริหาร ป้องกันการโกง จะมีผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของสิงคโปร์ควบคุมการใช้จ่ายเงินอีกครั้ง ส่งผลให้ กลุ่มทุนจากตะวันออกกลาง หรือแม้แต่ รัสเซียจะซื้อกิจการต่างๆ ผ่านสิงคโปร์"
ด้านการปล่อยสินเชื่อในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตปัจจุบันมีสินเชื่อจำนวน 70,000 ล้านบาทส่วนเงินฝากมี 60,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2548-2549 ประมาณ 10,000 ล้านบาทเศษ และเชื่อว่าในปี 2551 สินเชื่อจะเพิ่มขึ้นอีก 15,000 -20,000 ล้านบาท ปัจจุบันภูเก็ตมีเพียง 3 อำเภอ แต่มีสาขาธนาคารต่างๆ มากถึง 105-106 แห่ง และทุกธนาคารพยายามแข่งขันกันในเรื่องสินเชื่อเป็นหลัก และเชื่อมั่นว่าขณะนี้ภูเก็ต มีเศรษฐกิจดีที่สุดในประเทศไทย รวมไปถึงจังหวัดพังงา กระบี่และเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี อาจจะมีจังหวัดชลบุรีรวมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายของนักลงทุนและธนาคาร ส่วนของ NPL มีไม่มาก เช่น กรณีที่ปล่อยสินเชื่อให้เช่าซื้อรถยนต์ แม้ว่าจะดูว่ามีมากแต่มีจริงๆ แล้วมีเพียง 1 % เท่านั้น.
นายพูนสิน สินธนภัทร ผู้อำนวยการสาขา สาขาภูเก็ต สายงานเครือข่ายภูมิภาคธนาคารธนชาติ ในฐานะประธานชมรมธนาคารจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึง ภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตในปี 2551 ว่า ภาวะเศรษฐกิจปีนี้จะดีกว่าปีที่ผ่านมาแน่นอนเนื่องจากมีธุรกิจการท่องเที่ยวรองรับอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งเพราะเมื่อการเมืองนิ่ง ย่อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เท่าที่ทราบข้อมูลของจังหวัดภูเก็ตเวลานี้พบว่ามีการจองห้องพักในโรงแรมชั้นนำหรือบูติกรีสอร์ทเต็มตลอดปี 2551 และยังดีต่อเนื่องไปจนถึงปี 2552 หากไม่มีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้น
ส่วนเรื่องของการลงทุน ยังมีเม็ดเงินจากต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทและอสังหาริมทรัพย์โครงการขนาดใหญ่ ได้แก่ ทุนใหญ่ของโลกจาก Dubai International Property Fund ที่มาร่วมทุนทั้งชาวภูเก็ตและคนไทยทั่วไปโดยกลุ่มนี้เข้ามาลงทุนในแต่ละครั้ง เป็นมูลค่าสูงถึง 10,000 ล้านบาท เช่น โครงการบริเวณแหลมยามู ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง และตามสภาพความเป็นจริงแล้ว ที่ดินบริเวณริมขอบหาดทรายชายทะเลหรือที่ดินแปลงสวยๆ ในภูเก็ตมีการไปลงทุนหมด รวมทั้งกองทุน Singapore Property Fund ซึ่งเข้ามาลงทุนในภูเก็ตหลายโครงการ เช่น จังซีลอนป่าตอง ตลอดจนมีทุนย่อยๆ ที่เข้ามาตั้งบริษัทและคนทั่วไปส่วนใหญ่ค่อนข้างจะไม่ค่อยรู้ในเรื่องนี้ โดยเฉพาะในปี 2551-2552 การลงทุนสูงมากเป็นเท่าๆ ตัว หรือนับเป็นหลายหมื่นล้านบาท
ประธานชมรมธนาคารจังหวัดภูเก็ตกล่าวถึงการลงทุนสร้างบ้านจัดสรรและอสังหาริมทรัพย์ ว่า ปัจจุบันธุรกิจบ้านจัดสรรและอสังหาริมทรัพย์ จะทยอยขึ้นโครงการเพิ่มมากขึ้น และโดยในปี 2550 ผู้ประกอบการยื่นขออนุญาตก่อสร้างประมาณ 7,000-8,000 ยูนิต ในขณะที่คนจากต่างถิ่นเข้ามาอยู่ในภูเก็ตเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนที่มีทะเบียนบ้านและประชากรแฝงประมาณ 500,000-600,000 คน อย่างไรก็ดีเป็นห่วงในกรณีที่มีการเจริญเติบโตที่เร็วเกินไป การพัฒนาสาธารณูปโภคจะไม่ทัน ทั้งน้ำอุปโภค บริโภค ในช่วงหน้าแล้ง อาจจะขาดแคลนขึ้นมาได้ แนวทางแก้ไขในอนาคต อาจจะต้องนำน้ำมาจากจังหวัดพังงาหรือแม้
แต่เขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งจำเป็นต้องขอการสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง ในเรื่องของความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกต่างๆ
นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่าปัจจุบันมีนักลงทุนไทยและต่างชาติข้ามาลงทุนในภูเก็ตมาก โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่สนใจเข้ามาลงทุนในภูเก็ตมากคือชาวสิงคโปร์ แต่อย่างไรก็ตามการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนสิงคโปร์จะต้องระมัดระวังด้วย เพราะเวลานี้ทราบว่า ข้าราชการทุกระดับในสิงคโปร์ แม้กระทั่งคนขับรถ ตำรวจ จราจร เรียนภาษาไทยหมด เพื่อให้อ่านออกเขียนได้ทุกคน พวกเขาคิดว่า ประเทศไทย ไม่ไกลเกินเอื้อมที่จะเข้ามาลงทุน เ เพราะกองทุนของประเทศสิงคโปร์ใหญ่มากมีถึง 3 กองทุน เช่น Temasek Fund , Singapore Fund คือเงินที่เหลือของรัฐบาลสิงคโปร์ ที่ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว 7 ล้านล้านบาท ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเงินที่มีจำนวนมากมหาศาล เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทยงบประมาณแผ่นดินปีละ ประมาณ 2 ล้านล้านบาท
"การที่สิงคโปร์จะมาซื้ออะไร แค่ หมื่นสองหมื่นล้านบาท เป็นเรื่องที่เล็กน้อย โดยเขามีแนวทางจ้างอย่างนี้คือ CEO ดังๆ คนใหญ่ๆ ในเมืองไทย มือหนึ่ง สอง และมือสาม ปัจจุบันเป็นลูกจ้างของกองทุนสิงคโปร์หมดแล้ว เอาไปบริหารเลย ไม่ว่าจะเอาไปซื้อ ขาย พัฒนา ตรงไหน และเอากำไรมาแบ่งกัน สำหรับวิธีการจัดการ บริหาร ป้องกันการโกง จะมีผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของสิงคโปร์ควบคุมการใช้จ่ายเงินอีกครั้ง ส่งผลให้ กลุ่มทุนจากตะวันออกกลาง หรือแม้แต่ รัสเซียจะซื้อกิจการต่างๆ ผ่านสิงคโปร์"
ด้านการปล่อยสินเชื่อในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตปัจจุบันมีสินเชื่อจำนวน 70,000 ล้านบาทส่วนเงินฝากมี 60,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2548-2549 ประมาณ 10,000 ล้านบาทเศษ และเชื่อว่าในปี 2551 สินเชื่อจะเพิ่มขึ้นอีก 15,000 -20,000 ล้านบาท ปัจจุบันภูเก็ตมีเพียง 3 อำเภอ แต่มีสาขาธนาคารต่างๆ มากถึง 105-106 แห่ง และทุกธนาคารพยายามแข่งขันกันในเรื่องสินเชื่อเป็นหลัก และเชื่อมั่นว่าขณะนี้ภูเก็ต มีเศรษฐกิจดีที่สุดในประเทศไทย รวมไปถึงจังหวัดพังงา กระบี่และเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี อาจจะมีจังหวัดชลบุรีรวมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายของนักลงทุนและธนาคาร ส่วนของ NPL มีไม่มาก เช่น กรณีที่ปล่อยสินเชื่อให้เช่าซื้อรถยนต์ แม้ว่าจะดูว่ามีมากแต่มีจริงๆ แล้วมีเพียง 1 % เท่านั้น.