การมีรัฐบาลใหม่ที่มีคณะรัฐมนตรีอย่างที่เห็นนี้ ทำให้คนจำนวนมากไม่อยากอยู่เมืองไทยเหมือนกับคนอเมริกัน หลายคนเบื่อประธานาธิบดีบุช ผมมีข้อสังเกตว่าการเมืองไทยนั้นกำลังก้าวเข้าสู่การมีระบบพรรคการเมืองพรรคเดียว วันก่อนผมพบคนคนหนึ่งเล่าว่าเคยพาเจ้าหน้าที่พรรคการเมืองพรรคหนึ่งไปดูงานกระทรวงการจัดตั้งที่เมืองจีน การจัดตั้งนั้นหากทำครบสูตร ก็จะมีการจัดตั้งประชาชน การจัดตั้งแนวร่วม การจัดตั้งกองกำลังลับติดอาวุธ แต่มีคณะกรรมการกลางเป็นคนกำกับอยู่ พรรคการเมืองที่ส่งเจ้าหน้าที่ไปดูงานได้กลับมาจัดตั้งตามระบอบพรรคคอมมิวนิสต์จีน จึงมีความเข้มแข็งมาก
ผู้ที่จะได้ประโยชน์และนิยมชมชอบพรรคการเมืองพรรคเดียวก็คือ ประชาชนคนยากจนซึ่งมีสิทธิลงคะแนน พรรคการเมืองพรรคเดียวไม่จำเป็นต้องซื้อเสียงในระยะยาว เพราะจะใช้งบประมาณนั่นแหละหว่านลงไปแลกกับคะแนนเสียง ส่วนผู้ที่จะไม่ชอบใจก็คือ ชนชั้นสูง ปัญญาชน และนักธุรกิจ เพราะคนเหล่านี้คือส่วนที่พรรคการเมืองพรรคเดียวไม่ต้องแคร์ เพราะมีจำนวนน้อยในแง่คะแนนเสียง พรรคการเมืองพรรคเดียวจะส่งพรรคพวกเข้าคุมระบบราชการ และรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนอำนาจในการให้สัมปทาน และโครงการใหญ่ๆ
ดังนั้นในอีก 4-5 ปีข้างหน้า การเมืองไทยก็จะเป็นเช่นนี้หลายคนเตรียมไปอยู่เกาะ แต่ถ้าใครอยากอยู่อย่างสบายใจก็ต้องทำใจอย่าไปคิดเรื่องการเมือง เพราะแม้พรรคเดียวจะเข้มแข็งเหมือนพรรคคอมมิวนิสต์ แต่ก็ไม่ใช่พรรคคอมมิวนิสต์ หากเป็นพรรคทุนนิยม เผด็จการแบบทุนนิยมนั้นคือ การคุมทุน และเอาใจประชาชนเพราะต้องการความชอบธรรม
สำหรับคนที่เกษียณอายุแล้วก็สบายหน่อย อย่างผมก็เที่ยวหาอาหารคุณภาพดีๆ กิน และตีกอล์ฟเปลี่ยนสนามไปเรื่อยๆ ดังนั้นวันนี้ผมก็จะมาแนะนำที่กินอาหารอร่อยๆ กับสนามกอล์ฟที่น่าเล่น
เอาเรื่องอาหารก่อน ผมเคยบ่นว่าหาปอเปี๊ยะอร่อยๆ กินยาก มาบัดนี้ผมอยากแนะนำปอเปี๊ยะที่ร้านอาหารไทยชื่อ “The Face” ร้านนี้เป็นของคนจีนอินโดนีเซีย เขามีร้านชื่อเดียวกับที่เมืองจีนด้วย ดูเหมือนจะเป็นที่ปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ ที่เมืองไทยอยู่ในซอยสุขุมวิท 38 ร้านเป็นบ้านไทยตกแต่งด้วยวัตถุโบราณ ปอเปี๊ยะที่นี่มีทั้งธรรมดา และปอเปี๊ยะกุ้ง อาหารอย่างอื่นก็รสชาติดี หากใครไปทานจะสั่งเฉพาะปอเปี๊ยะอย่างเดียวก็ได้ ผมเองอาหารอื่นมักจะไม่ทาน คือทานแต่ปอเปี๊ยะเหมือนกับของสมัยก่อนที่ผมเคยทานตอนเด็กๆ
อีกร้านหนึ่งเพิ่งเปิดใหม่ เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสอยู่ในโรงแรมมาดูซิ (ชื่อแบบนี้จริงๆ) ไม่ใช่ภาษาฝรั่งเศสอะไร แต่เป็นภาษาไทยเรานี่เอง โรงแรมนี้มี 41 ห้อง ข้างล่างเป็นห้องอาหารฝรั่งเศส ใครจะไปทานต้องโทรศัพท์ไปจองก่อนเบอร์ 0-2615-6400 ร้านนี้อยู่สี่แยกอโศก ตรงไปทางศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พอพ้นสี่แยกไปก็ชิดซ้ายเลยซอย 16 ไปนิดเดียว ประตูทางเข้าจะปิดตลอดไม่เหมือนโรงแรมทั่วๆ ไป จะมียามถามชื่อ อย่าเพิ่งไปโมโหหรือหมั่นไส้นะครับ ร้านนี้บรรยากาศดีมาก ที่สำคัญคืออาหารอร่อย ผมแนะนำให้สั่ง quail คือนก เขาสั่งมาจากฝรั่งเศสอร่อยมาก มีมันบดยอดอร่อยรองมาด้วย อาหารอื่นๆ ก็ดี เขามีเมนูเย็นและกลางวัน ตอนกลางวันผมแนะนำแซลมอนกรอบ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่ๆ ราคาก็ไม่แพงมาก คุณภาพเยี่ยม ร้านนี้เขาห้ามไม่ให้ทิป ปกติอาหารฝรั่งนี่ต้องใช้เนื้อหรือนกดีๆ ปลาก็ต้องอย่างดี ไม่เช่นนั้นจะเสียความรู้สึกมาก
ที่หัวหินมีร้านอิตาเลียนอีกร้านหนึ่ง ที่จริงตั้งมานานแล้ว เจ้าของเดิมอยู่เกาะสมุย มีภรรยาคนไทยย้ายมาหัวหินก็สั่งของดีๆ มาจากอิตาลี ร้านอาหารอิตาเลียน และห้องอาหารของโรงแรม มักจะสั่งของจากที่นี่ทั้งนั้น เจ้าของก็อัธยาศัยใจคอดีมาก ร้านนี้ชื่อ “เดลิเซ่” (แปลว่า อร่อย) เป็นร้านเล็กๆ มีแค่ 4-5 โต๊ะ ตั้งอยู่บนถนนสระสรง วิธีไปไม่ยาก หากมาทางสี่แยกที่จะเลี้ยวไปโรงแรมโซฟิเทล และร้านวิลล่า ก็ไปเลี้ยวทางตรงข้ามที่จะไปทางสนามกอล์ฟหัวหิน ร้านอยู่ทางซ้ายคือแยกขวาแรก อาหารที่แนะนำคือ สปาเกตตี้เนยแข็ง 4 ชนิด เป็นจานเอกที่ ม.ร.ว.ถนัดศรี ชอบมาก นอกจากนั้นก็มีราวิโอลีผักขม ลาซันย่า หรือจะลองสเต็กเนื้อจากอาเจนตินาก็ได้ เขามีซอสสเต็กดีมาก
ส่วนสนามกอล์ฟใหม่ที่ผมเพิ่งไปเล่นมาคือ สนามอโยธยาที่วังน้อย ฟังชื่อดูว่าไกล แต่เลยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปนิดเดียว เลี้ยวซ้ายเข้าไป จากบ้านแถวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่ผมอยู่วิ่งรถไปแค่ 35 นาที สนามนี้เป็นแบบ Links คือโล่งๆ แต่ท้าทายตียาก เพราะกรีนที่นี่ไม่มีราบเรียบเลย เป็นเนิน บางทีพัตต์ไปแล้วไหลกลับลงมาอีก สภาพแฟร์เวย์ก็เยี่ยม สนามนี้ยังไม่รับคนทั่วไป ใครอยากเล่นก็ลองสืบดูว่า ใครเป็นสมาชิกบ้าง ที่นี่เขาไม่เรียกคนถือถุงว่า “แคดดี้” แต่เรียกว่า “Butler” แต่งตัวโก้ที่สุดในบรรดาสนามทุกสนาม สนามนี้ไม่มีซุ้มน้ำเพราะเขาทำห้องน้ำไว้ 2 แห่ง บนรถกอล์ฟมีกล่องเย็นแช่น้ำ 2 ขวด น้ำหวานบำรุงร่างกายอีก 2 ขวด ทราบว่าราคาสำหรับแขกที่สมาชิกพาไปคนละ 4,000 บาท รวมหมดทั้งค่ากรีนฟี รถกอล์ฟ ค่าบัดเลอร์ และน้ำ พอเสร็จเก้าหลุมแวะผ่านคลับเฮาส์ ก็จะมีน้ำมะนาวเย็นเจี๊ยบเลี้ยงกับกะหรี่ปั๊บ และขนมปังไส้กรอกให้ทาน
สนามนี้มาแรงมาก นอกจากสนามอื่นๆ เช่น อมตะ ไทยคันทรี ราชพฤกษ์ นวธานี กรุงเทพกรีฑา แล้ว สนามอโยธยานับว่าติด 3 อันดับแรก การดูแลรักษาเนี้ยบตามสไตล์ของประธานกรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่คือ คุณพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์ ซึ่งตอนแรกว่าจะลงทุนแค่ 700 ล้าน แต่ก็ต้องเพิ่มเป็น 1,400 ล้าน
พวกเราอย่าไปสนใจรัฐบาลนี้เลยครับ หาเวลาว่างไปทานอาหารอร่อยๆ และตีกอล์ฟดีกว่า อย่าลืมจองโต๊ะที่ “มาดูซิ” นะครับ รับรองไม่ผิดหวัง ปล่อยให้นายกฯ กินโครงไก่ไป เรากินนกอร่อยๆ ดีกว่าเป็นไหนๆ
ผู้ที่จะได้ประโยชน์และนิยมชมชอบพรรคการเมืองพรรคเดียวก็คือ ประชาชนคนยากจนซึ่งมีสิทธิลงคะแนน พรรคการเมืองพรรคเดียวไม่จำเป็นต้องซื้อเสียงในระยะยาว เพราะจะใช้งบประมาณนั่นแหละหว่านลงไปแลกกับคะแนนเสียง ส่วนผู้ที่จะไม่ชอบใจก็คือ ชนชั้นสูง ปัญญาชน และนักธุรกิจ เพราะคนเหล่านี้คือส่วนที่พรรคการเมืองพรรคเดียวไม่ต้องแคร์ เพราะมีจำนวนน้อยในแง่คะแนนเสียง พรรคการเมืองพรรคเดียวจะส่งพรรคพวกเข้าคุมระบบราชการ และรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนอำนาจในการให้สัมปทาน และโครงการใหญ่ๆ
ดังนั้นในอีก 4-5 ปีข้างหน้า การเมืองไทยก็จะเป็นเช่นนี้หลายคนเตรียมไปอยู่เกาะ แต่ถ้าใครอยากอยู่อย่างสบายใจก็ต้องทำใจอย่าไปคิดเรื่องการเมือง เพราะแม้พรรคเดียวจะเข้มแข็งเหมือนพรรคคอมมิวนิสต์ แต่ก็ไม่ใช่พรรคคอมมิวนิสต์ หากเป็นพรรคทุนนิยม เผด็จการแบบทุนนิยมนั้นคือ การคุมทุน และเอาใจประชาชนเพราะต้องการความชอบธรรม
สำหรับคนที่เกษียณอายุแล้วก็สบายหน่อย อย่างผมก็เที่ยวหาอาหารคุณภาพดีๆ กิน และตีกอล์ฟเปลี่ยนสนามไปเรื่อยๆ ดังนั้นวันนี้ผมก็จะมาแนะนำที่กินอาหารอร่อยๆ กับสนามกอล์ฟที่น่าเล่น
เอาเรื่องอาหารก่อน ผมเคยบ่นว่าหาปอเปี๊ยะอร่อยๆ กินยาก มาบัดนี้ผมอยากแนะนำปอเปี๊ยะที่ร้านอาหารไทยชื่อ “The Face” ร้านนี้เป็นของคนจีนอินโดนีเซีย เขามีร้านชื่อเดียวกับที่เมืองจีนด้วย ดูเหมือนจะเป็นที่ปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ ที่เมืองไทยอยู่ในซอยสุขุมวิท 38 ร้านเป็นบ้านไทยตกแต่งด้วยวัตถุโบราณ ปอเปี๊ยะที่นี่มีทั้งธรรมดา และปอเปี๊ยะกุ้ง อาหารอย่างอื่นก็รสชาติดี หากใครไปทานจะสั่งเฉพาะปอเปี๊ยะอย่างเดียวก็ได้ ผมเองอาหารอื่นมักจะไม่ทาน คือทานแต่ปอเปี๊ยะเหมือนกับของสมัยก่อนที่ผมเคยทานตอนเด็กๆ
อีกร้านหนึ่งเพิ่งเปิดใหม่ เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสอยู่ในโรงแรมมาดูซิ (ชื่อแบบนี้จริงๆ) ไม่ใช่ภาษาฝรั่งเศสอะไร แต่เป็นภาษาไทยเรานี่เอง โรงแรมนี้มี 41 ห้อง ข้างล่างเป็นห้องอาหารฝรั่งเศส ใครจะไปทานต้องโทรศัพท์ไปจองก่อนเบอร์ 0-2615-6400 ร้านนี้อยู่สี่แยกอโศก ตรงไปทางศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พอพ้นสี่แยกไปก็ชิดซ้ายเลยซอย 16 ไปนิดเดียว ประตูทางเข้าจะปิดตลอดไม่เหมือนโรงแรมทั่วๆ ไป จะมียามถามชื่อ อย่าเพิ่งไปโมโหหรือหมั่นไส้นะครับ ร้านนี้บรรยากาศดีมาก ที่สำคัญคืออาหารอร่อย ผมแนะนำให้สั่ง quail คือนก เขาสั่งมาจากฝรั่งเศสอร่อยมาก มีมันบดยอดอร่อยรองมาด้วย อาหารอื่นๆ ก็ดี เขามีเมนูเย็นและกลางวัน ตอนกลางวันผมแนะนำแซลมอนกรอบ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่ๆ ราคาก็ไม่แพงมาก คุณภาพเยี่ยม ร้านนี้เขาห้ามไม่ให้ทิป ปกติอาหารฝรั่งนี่ต้องใช้เนื้อหรือนกดีๆ ปลาก็ต้องอย่างดี ไม่เช่นนั้นจะเสียความรู้สึกมาก
ที่หัวหินมีร้านอิตาเลียนอีกร้านหนึ่ง ที่จริงตั้งมานานแล้ว เจ้าของเดิมอยู่เกาะสมุย มีภรรยาคนไทยย้ายมาหัวหินก็สั่งของดีๆ มาจากอิตาลี ร้านอาหารอิตาเลียน และห้องอาหารของโรงแรม มักจะสั่งของจากที่นี่ทั้งนั้น เจ้าของก็อัธยาศัยใจคอดีมาก ร้านนี้ชื่อ “เดลิเซ่” (แปลว่า อร่อย) เป็นร้านเล็กๆ มีแค่ 4-5 โต๊ะ ตั้งอยู่บนถนนสระสรง วิธีไปไม่ยาก หากมาทางสี่แยกที่จะเลี้ยวไปโรงแรมโซฟิเทล และร้านวิลล่า ก็ไปเลี้ยวทางตรงข้ามที่จะไปทางสนามกอล์ฟหัวหิน ร้านอยู่ทางซ้ายคือแยกขวาแรก อาหารที่แนะนำคือ สปาเกตตี้เนยแข็ง 4 ชนิด เป็นจานเอกที่ ม.ร.ว.ถนัดศรี ชอบมาก นอกจากนั้นก็มีราวิโอลีผักขม ลาซันย่า หรือจะลองสเต็กเนื้อจากอาเจนตินาก็ได้ เขามีซอสสเต็กดีมาก
ส่วนสนามกอล์ฟใหม่ที่ผมเพิ่งไปเล่นมาคือ สนามอโยธยาที่วังน้อย ฟังชื่อดูว่าไกล แต่เลยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปนิดเดียว เลี้ยวซ้ายเข้าไป จากบ้านแถวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่ผมอยู่วิ่งรถไปแค่ 35 นาที สนามนี้เป็นแบบ Links คือโล่งๆ แต่ท้าทายตียาก เพราะกรีนที่นี่ไม่มีราบเรียบเลย เป็นเนิน บางทีพัตต์ไปแล้วไหลกลับลงมาอีก สภาพแฟร์เวย์ก็เยี่ยม สนามนี้ยังไม่รับคนทั่วไป ใครอยากเล่นก็ลองสืบดูว่า ใครเป็นสมาชิกบ้าง ที่นี่เขาไม่เรียกคนถือถุงว่า “แคดดี้” แต่เรียกว่า “Butler” แต่งตัวโก้ที่สุดในบรรดาสนามทุกสนาม สนามนี้ไม่มีซุ้มน้ำเพราะเขาทำห้องน้ำไว้ 2 แห่ง บนรถกอล์ฟมีกล่องเย็นแช่น้ำ 2 ขวด น้ำหวานบำรุงร่างกายอีก 2 ขวด ทราบว่าราคาสำหรับแขกที่สมาชิกพาไปคนละ 4,000 บาท รวมหมดทั้งค่ากรีนฟี รถกอล์ฟ ค่าบัดเลอร์ และน้ำ พอเสร็จเก้าหลุมแวะผ่านคลับเฮาส์ ก็จะมีน้ำมะนาวเย็นเจี๊ยบเลี้ยงกับกะหรี่ปั๊บ และขนมปังไส้กรอกให้ทาน
สนามนี้มาแรงมาก นอกจากสนามอื่นๆ เช่น อมตะ ไทยคันทรี ราชพฤกษ์ นวธานี กรุงเทพกรีฑา แล้ว สนามอโยธยานับว่าติด 3 อันดับแรก การดูแลรักษาเนี้ยบตามสไตล์ของประธานกรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่คือ คุณพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์ ซึ่งตอนแรกว่าจะลงทุนแค่ 700 ล้าน แต่ก็ต้องเพิ่มเป็น 1,400 ล้าน
พวกเราอย่าไปสนใจรัฐบาลนี้เลยครับ หาเวลาว่างไปทานอาหารอร่อยๆ และตีกอล์ฟดีกว่า อย่าลืมจองโต๊ะที่ “มาดูซิ” นะครับ รับรองไม่ผิดหวัง ปล่อยให้นายกฯ กินโครงไก่ไป เรากินนกอร่อยๆ ดีกว่าเป็นไหนๆ