นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงข่าวเพื่อเสนอญัตติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน และการส่งเสริมจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ โดยนายอภิชาต กล่าวว่า ในปัจจุบันผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนยังคงไม่มีหลักประกันในการทำหน้าที่อย่างอิสระอย่างแท้จริง เนื่องจากยังคงถูกครอบงำ แทรกแซง และบีบบังคับด้วยวิธีการต่างๆ อยู่เสมอ ทั้งจากอำนาจรัฐและอำนาจทุน ทำให้สื่อมวลชนเหล่านั้นไม่อาจทำหน้าที่ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามหลักจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพได้
"ท่าทีที่ค่อนข้างหมางเมินของผู้นำรัฐบาลใหม่ที่มีต่อสื่อมวลชน ทำให้รู้สึกห่วงใยว่าจะเกิดปัญหาเรื่องการคุกคาม และการแทรกแซง ซึ่งอาจจะเลวร้ายลงอีกได้ในอนาคต ทั้งนี้มีปรากฏการณ์ให้เห็นตัวอย่างว่า มีการใช้วาจาที่ไม่เหมาะสมตอบโต้กับผู้สื่อข่าว แสดงอารมณ์ไม่พอใจ เมื่อสื่อตั้งคำถามที่ไม่ถูกใจ รวมทั้งอาจมีการใช้สื่อของรัฐในการเผยแพร่ข่าวสารของรัฐบาล ซึ่งเป็นการจัดรายการข้างเดียว และอาจก่อให้เกิดปัญหาความไม่เป็นธรรมในการใช้สื่อในอนาคตต่อไปได้"
ด้านนายบุญยอด กล่าวว่า ในขณะนี้มีสื่อมวลชนบางส่วนถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานว่าขาดความรับผิดชอบ ขาดความเป็นกลาง รวมถึงมีการเข้าไปแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบในรูปแบบต่างๆ จนมีการฟ้องร้องดำเนินคดีเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้ภาพลักษณ์ของสื่อต้องเสื่อมเสียและขาดความน่าเชื่อถือ รวมถึงทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรมในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังไม่มีคณะกรรมาธิการฯของสภาผู้แทนชุดใดที่ทำหน้าที่ดูแลปัญหาดังกล่าว
ทั้งนี้ มีส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ อีก 3 คน ที่ร่วมเสนอญัตติในครั้งนี้ ประกอบด้วย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และนายอลงกรณ์ พลบุตร
"ท่าทีที่ค่อนข้างหมางเมินของผู้นำรัฐบาลใหม่ที่มีต่อสื่อมวลชน ทำให้รู้สึกห่วงใยว่าจะเกิดปัญหาเรื่องการคุกคาม และการแทรกแซง ซึ่งอาจจะเลวร้ายลงอีกได้ในอนาคต ทั้งนี้มีปรากฏการณ์ให้เห็นตัวอย่างว่า มีการใช้วาจาที่ไม่เหมาะสมตอบโต้กับผู้สื่อข่าว แสดงอารมณ์ไม่พอใจ เมื่อสื่อตั้งคำถามที่ไม่ถูกใจ รวมทั้งอาจมีการใช้สื่อของรัฐในการเผยแพร่ข่าวสารของรัฐบาล ซึ่งเป็นการจัดรายการข้างเดียว และอาจก่อให้เกิดปัญหาความไม่เป็นธรรมในการใช้สื่อในอนาคตต่อไปได้"
ด้านนายบุญยอด กล่าวว่า ในขณะนี้มีสื่อมวลชนบางส่วนถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานว่าขาดความรับผิดชอบ ขาดความเป็นกลาง รวมถึงมีการเข้าไปแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบในรูปแบบต่างๆ จนมีการฟ้องร้องดำเนินคดีเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้ภาพลักษณ์ของสื่อต้องเสื่อมเสียและขาดความน่าเชื่อถือ รวมถึงทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรมในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังไม่มีคณะกรรมาธิการฯของสภาผู้แทนชุดใดที่ทำหน้าที่ดูแลปัญหาดังกล่าว
ทั้งนี้ มีส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ อีก 3 คน ที่ร่วมเสนอญัตติในครั้งนี้ ประกอบด้วย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และนายอลงกรณ์ พลบุตร