นครศรีธรรมราช – รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เตือน “จักรภพ” อย่าจุ้นไทยพีบีเอส แนะจับตาการเข้าไปจัดการสื่อรัฐ
วันนี้ (8 ก.พ.) นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังท่าทีของรัฐบาลต่อปัญหาสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน รู้สึกเป็นห่วงกับการให้สัมภาษณ์ของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายให้ควบคุมดูแลสื่อของรัฐทั้งหมด แล้วประกาศจะเข้ามาจัดระบบสื่อของรัฐใหม่ รวมทั้งสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ซึ่งเป็นโทรทัศน์สาธารณะที่กฎหมายระบุเจตนารมณ์ไว้ชัดเจนว่าจะต้องปลอดพ้นจากอิทธิพลของอำนาจทุนและอำนาจรัฐ
“นายจักรภพคงมีความนัยบางอย่างที่บอกว่าอยากให้เรียกไทยพีบีเอสว่าเป็นไอทีวี น่าสงสัยว่าทำไมถึงอยากให้เป็นไอทีวี ผูกพันอะไรมากมายนักหรือ จึงพยายามจะให้ทีวีสาธารณะที่กำลังก้าวเดินหน้าต้องถอยหลังกลับ ต้องไม่ลืมว่าความเป็นไอทีวีได้จบสิ้นไปแล้วในวันที่ถูกกลุ่มชินคอร์ปเข้าไปซื้อ แล้วปรับผังรายการ บิดเบือนเจตนารมณ์ของการก่อตั้งสถานีโทรทัศน์แห่งความอิสระในขณะนั้นอย่างสิ้นเชิง
วันนี้สังคมกำลังรอคอยการเริ่มต้นใหม่ของสถานีโทรทัศน์ที่จะเป็นประโยชน์กับสังคมอย่างแท้จริง โดยไม่มีใครควบคุมและแทรกแซงได้ ทางที่ดีนายจักรภพและรัฐบาลอย่ามายุ่งเป็นดีที่สุด” นายอภิชาต กล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า การที่นายจักรภพประกาศจะเข้าไปจัดการกับสื่อของรัฐที่อ้างว่าบางส่วนยังยึดติดกับการเมือง ไม่เป็นกลาง และจะประเมินปรับเปลี่ยนภายใน 1 เดือนนั้น เป็นอำนาจของรัฐมนตรีอยู่แล้ว แต่ให้ระวังการก้าวก่ายการทำหน้าที่ของสื่อรัฐที่มีรัฐธรรมนูญมาตรา 46 คุ้มครองอยู่ จะไปชี้ซ้ายหันขวาหันคงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม อยากให้นายจักรภพ เปิดเผยออกมาว่าสื่อของรัฐรายใดที่ทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง หรือเอนเอียงเข้าข้างใด เพื่อว่าสังคมและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้ร่วมกันตรวจสอบด้วย
วันนี้ (8 ก.พ.) นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังท่าทีของรัฐบาลต่อปัญหาสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน รู้สึกเป็นห่วงกับการให้สัมภาษณ์ของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายให้ควบคุมดูแลสื่อของรัฐทั้งหมด แล้วประกาศจะเข้ามาจัดระบบสื่อของรัฐใหม่ รวมทั้งสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ซึ่งเป็นโทรทัศน์สาธารณะที่กฎหมายระบุเจตนารมณ์ไว้ชัดเจนว่าจะต้องปลอดพ้นจากอิทธิพลของอำนาจทุนและอำนาจรัฐ
“นายจักรภพคงมีความนัยบางอย่างที่บอกว่าอยากให้เรียกไทยพีบีเอสว่าเป็นไอทีวี น่าสงสัยว่าทำไมถึงอยากให้เป็นไอทีวี ผูกพันอะไรมากมายนักหรือ จึงพยายามจะให้ทีวีสาธารณะที่กำลังก้าวเดินหน้าต้องถอยหลังกลับ ต้องไม่ลืมว่าความเป็นไอทีวีได้จบสิ้นไปแล้วในวันที่ถูกกลุ่มชินคอร์ปเข้าไปซื้อ แล้วปรับผังรายการ บิดเบือนเจตนารมณ์ของการก่อตั้งสถานีโทรทัศน์แห่งความอิสระในขณะนั้นอย่างสิ้นเชิง
วันนี้สังคมกำลังรอคอยการเริ่มต้นใหม่ของสถานีโทรทัศน์ที่จะเป็นประโยชน์กับสังคมอย่างแท้จริง โดยไม่มีใครควบคุมและแทรกแซงได้ ทางที่ดีนายจักรภพและรัฐบาลอย่ามายุ่งเป็นดีที่สุด” นายอภิชาต กล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า การที่นายจักรภพประกาศจะเข้าไปจัดการกับสื่อของรัฐที่อ้างว่าบางส่วนยังยึดติดกับการเมือง ไม่เป็นกลาง และจะประเมินปรับเปลี่ยนภายใน 1 เดือนนั้น เป็นอำนาจของรัฐมนตรีอยู่แล้ว แต่ให้ระวังการก้าวก่ายการทำหน้าที่ของสื่อรัฐที่มีรัฐธรรมนูญมาตรา 46 คุ้มครองอยู่ จะไปชี้ซ้ายหันขวาหันคงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม อยากให้นายจักรภพ เปิดเผยออกมาว่าสื่อของรัฐรายใดที่ทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง หรือเอนเอียงเข้าข้างใด เพื่อว่าสังคมและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้ร่วมกันตรวจสอบด้วย