xs
xsm
sm
md
lg

เตือนผู้ส่งออกรับมือบาทแข็ง-ศก.หดตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นักวิชาการ คาดการณ์เศรษฐกิจไทยมีศักยภาพโต 6% ต่อปี เตือนผู้ส่งออกปรับตัวรับมือเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และเงินบาทอาจจะแข็งแค่แตะ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

นายนิพนธ์ พัวพงศกร คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในงานเสวนาเรื่อง "ธุรกิจไทยหลังการเลือกตั้ง" ว่า เศรษฐกิจไทยมีศักยภาพเติบโตได้ 6-7% ต่อปี ซึ่งที่ผ่านมาพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก แต่อาจจะเกิดปัญหาได้ เพราะการส่งออกกว่า 75% เป็นของบริษัทต่างชาติ ดังนั้นรัฐบาลต้องหาทางแก้ไขปัญหาโครงสร้างพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กันทั้งระบบ

สำหรับแนวโน้มการส่งออกในปีนี้ จะชะลอตัวลงจากปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอย ทำให้ความต้องการ(อุปสงค์)ในตลาดโลกลดลง ส่วนเงินเฟ้อจะยังทรงตัวในระดับสูง รวมถึงค่าเงินบาทที่จะแข็งค่าต่อไป และมีโอกาสแตะ 30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนปัจจัยเสี่ยงทางการเมือง 2 เรื่องที่จะเข้ามามีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ คือ 1. ผู้มีอำนาจกำหนดนโยบายของรัฐบาลตัวจริงคือใคร เป็นหุ้นเชิดอย่างที่โดนกล่าวหาหรือไม่ และ 2. พรรคพลังประชาชนสามารถทำให้พรรคร่วมรัฐบาลประสานนโยบายไปในทิศทางเดียวกันได้ดีเพียงใด
สำหรับนโยบายที่รัฐบาลชุดใหม่ควรเร่งรัดดำเนินการในระยะสั้น คือ การทบทวนกฎหมายที่กระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน พร้อมกับออกกฎหมายที่สนับสนุนการลงทุน โดยรัฐบาลต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า ประสานนโยบายการเงินและการคลังให้มีประสิทธิภาพ จัดลำดับความสำคัญของโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ที่สามารถปฎิบัติได้เร็วและช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
นายพิภพ อุดร ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ความต้องการซื้อลดลงทั้งในตลาดโลกและในประเทศไทยเอง จากปัญหาสินเชื่อซับไพรม์ และความไม่มั่นใจของผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐ
สำหรับสิ่งที่รัฐบาลควรดำเนินการคือ 1. รัฐบาลต้องสร้างแรงจูงใจให้ธุรกิจลงทุนในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขัน 2. สร้างมาตรการจูงใจการค้าและการลงทุนในกลุ่มประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน ลดการพึ่งพาเศรษฐกิจที่อยู่ห่างไกล 3. สนับสนุนให้มีการเพิ่มมูลค่าสินค้าจากต้นน้ำเป็นกลางน้ำและปลายน้ำมากขึ้น 4. วางกติกาให้มีการแข่งขันอย่างยุติธรรม โดยรายเล็กสามารถสู้กับรายใหญ่ได้ และ 5. ส่งเสริมการศึกษาในรูปแบบบูรณาการ
นายภักดิ์ ทองส้ม รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ผู้ประกอบการ SMEs ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยการดูแลต้นทุนควบคู่กับโอกาสทางการตลาด ซึ่งผู้ประกอบการต้องพยายามลดความสูญเสียในกระบวนการผลิตให้น้อยที่สุด ดูแลสินค้าคงคลังให้ต่ำ รวมถึงรวมกลุ่มกันเพื่อลดต้นทุนการผลิต ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลรับการส่งเสริม SMEs เป็นวาระแห่งชาติ มีวางแผนพัฒนาในระยะยาว ให้นายกรัฐมนตรีเข้ามากำกับดูแลการส่งเสริม โดยรัฐบาลให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูลข่าวสารให้ผู้ประกอบการมีโอกาสเข้าถึงมากขึ้น รวมถึงให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบที่มีปัญหาในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล เลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) กล่าวว่า ปัจจัยทางการเมืองไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อธุรกิจ แต่ที่สำคัญคือตลาดมีความต้องการสินค้าหรือไม่ อุตสาหกรรมมีโอกาสเติบโตที่ดีในอนาคตแค่ไหน และเชื่อว่าจากปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดีและปัจจัยการเมืองที่ชัดเจน หากรัฐบาลเดินหน้าโครงการต่างๆ และเร่งฟื้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาเศรษฐกิจในปีนี้จะเติบโตได้ดี
กำลังโหลดความคิดเห็น