ครม.ศก.พุธนี้ เตรียมดึง กรอ.ร่วมถกช่องทางจ่ายเงิน 2 พัน “กอร์ปศักดิ์” มั่นใจ เม.ย.นี้ เงินถึงมือประชาชนแน่ “ทีดีอาร์ไอ” ยันทั้งเงินสดและคูปอง ถือว่าไม่มีความแตกต่างกัน โดยเชื่อว่าผู้ที่มีรายได้น้อยจะนำเงินที่ได้รับออกมาใช้มากกว่าการเลือกที่จะเก็บเงิน แนะรัฐเตรียมแผนระยะยาว พร้อมกำหนดทิศทางการตั้งงบประมาณระยะ 5 ปี
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรี (ครม.) ด้านเศรษฐกิจ สัปดาห์นี้ (18 ก.พ.) รัฐบาลจะเชิญคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (กรอ.) เข้าร่วมประชุมด้วยเพื่อพิจารณาถึงช่องทางที่เหมาะสมในการจัดสรรเงินช่วยเหลือค่าครองชีพ 2,000 บาทให้แก่ผู้ประกันตนประมาณ 8 ล้านคนที่มีรายได้ไม่ถึง 15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งคาดว่า ในเดือนเมษายน 2552 นี้ เงินช่วยเหลือดังกล่าวจะไปถึงมือประชาชนได้
ส่วนการโอนเงินให้กับบุคลากรภาครัฐอีกประมาณ 1 ล้านคน ในโครงการเดียวกันนั้น จะมีการดำเนินการโดยสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) โดยเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีเงินเดือนให้แก่บุคลากรของภาครัฐได้ทันที
อนึ่ง ผู้ประกอบการภาคเอกชนได้เสนอที่จะให้ความช่วยเหลือเรื่องส่วนลดค่าสินค้าและบริการในกรณีที่รัฐบาลจะเลือกช่องทางการจ่ายเป็นเช็คเงินสดชำระค่าสินค้า ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์เพิ่มจากเงินจำนวน 2,000 บาท โดยได้เป็นส่วนลดค่าสินค้า ขณะที่บุคลากรภาครัฐจะไม่ได้รับประโยชน์ในส่วนนี้ เพราะได้รับเป็นเงินสดโอนเข้าบัญชีจำนวน 2,000 บาท เท่านั้น
ขณะเดียวกัน นายนิพนธ์ พัวพงศกร ประธานมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า การใส่เงินลงไปในระบบตามมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน ทั้งเงินสดและคูปอง ถือว่าไม่มีความแตกต่างกัน โดยเชื่อว่า ผู้ที่มีรายได้น้อยจะนำเงินที่ได้รับออกมาใช้มากกว่าการเลือกที่จะเก็บเงิน
อย่างไรก็ดี เห็นว่า รัฐบาลควรเริ่มเรียกความเชื่อมั่นของประเทศช่วงภาวะถดถอยในระยะยาว เนื่องจากคาดว่าแผนระยะ 1 ปีอาจจะไม่เพียงพอ โดยรัฐบาลจะต้องสร้างความเชื่อมั่นในการสร้างวินัยทางการคลังในระยะ 2-3 ปี เช่น ตั้งงบประมาณระยะกลาง 5 ปี คาดการณ์การใช้งบประมาณแบบขาดดุลหรือเกินดุลเท่าไร และจะดำเนินการให้เกิดงบสมดุลอย่างไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นของต่างประเทศมากขึ้น ว่า ประเทศไทยมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการพัฒนาประเทศ