xs
xsm
sm
md
lg

คตส.ถกฟันกล้ายางวันนี้ 5อดีตรัฐมนตรีดังติดบ่วง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อนุไต่สวนกล้ายางสรุปสำนวนส่งคตส.เชือดวันนี้ 5 อดีตรัฐมนตรีดัง "สมคิด-อดิศัย-สรอรรถ-วราเทพ-เนวิน" ติดบ่วง ส่วนคดี"เซ็นทรัลแลบ"ได้ฤกษ์เสนอตั้งอนุไต่สวนเช่นกัน "อุดม"ให้โอกาส อสส.กลับใจ ชี้ถ้าไม่สั่งฟ้องคดีหวยบนดิน คตส.พร้อมเดินหน้าฟ้องเอง

นายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีการจัดซื้อพันธ์กล้ายางพารา ของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ได้รับฟังคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของ 90 บุคคลที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วนั้น ขณะนี้การเขียนสำนวนเกือบเสร็จแล้ว เหลือเพียงการแก้ไขอีกเล็กน้อย คาดว่าจะสามารถสรุปเพื่อเสนอต่อที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่ในวันจันทร์ที่ 28 ม.ค. ให้ คตส.มีมติส่งสำนวนต่ออัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการส่งฟ้องต่อศาลต่อไปได้ ส่วนจะมีการชี้มูลส่งฟ้องศาลทั้งหมด 90 รายเลยหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้ ต้องรอให้ที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่มีมติเสียก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการดำเนินการในชั้นคณะอนุกรรมการตรวจสอบโครงการดังกล่าวพบว่า ได้มีการชี้มูลว่า การอนุมัติโครงการและอนุมัติการใช้เงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในโครงการดังกล่าวไม่ชอบด้วยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร พ.ศ. 2534 และการขอรับการสนับสนุนจาก สกย. ใช้เงิน CESS ไม่ชอบด้วยพ.ร.บ.กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง พ.ศ. 2503 โดยมูลค่าของการอนุมัติให้ใช้เงินในโครงการเฉพาะที่เกี่ยวกับ การผลิตพันธุ์ยาง 1,440 ล้านบาท มีผู้ถูกกล่าวหาว่า กระทำความผิด ทางอาญาและก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ รวม 90 ราย อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบล่าสุดคาดว่าอนุกรรมการไต่สวนจะเสนอให้อัยการสูงสุดส่งฟ้องศาลไม่ถึง 90 ราย

**5รัฐมนตรีดังติดบ่วง
รายงานข่าวแจ้งว่า ความเสียหายจากโครงการนี้ พบว่ามีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดที่ต้องรับผิดทั้งทางอาญา และทางแพ่ง ออกเป็น 4 กลุ่มคือ 1. ข้าราชการการเมือง มีจำนวนทั้งสิ้น 4 คนคือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ และรมว.คลังในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรอง 2. นายอดิศัยโพธารามิค อดีต รมว.พาณิชย์ 3. นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีตรมว.เกษตรฯ 4.นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง

ที่สำคัญพบว่าในสำนวนคดีนี้ ได้มีการเอาผิดกับ นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรมช.เกษตรฯ ด้วยเนื่องจากเป็นรมช.เกษตรฯ ที่รับผิดชอบกรมวิชาการเกษตร และมีการรวบรัดรีบเซ็นเห็นชอบการอนุมัติโครงการในช่วงที่กำลังมีการเปลี่ยนผ่านตำแหน่งทางการเมือง ในกระทรวงเกษตรฯ โดยที่เวลานั้น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กำลังอยู่ระหว่างจะเข้ามารับตำแหน่ง รมว.เกษตรฯ ซึ่งนายเนวิน สามารถรอให้รมว.เกษตรฯ พิจารณาตรวจสอบก่อนก็ได้ แต่ไม่ได้กระทำ จึงเห็นว่านายเนวิน มีความผิดฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ ให้บริษัทเอกชนที่ชนะการประมูลอย่างรวบรัด จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83,153,157 และพ.ร.บ.ร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชน พ.ศ.2542 หรือ พ.ร.บ.ฮั้ว

2. กลุ่มข้าราชการประจำ มีผู้เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ อาทิ นายบรรพต หงษ์ทอง อดีตปลัดกระทรวงเกษตรฯ นายราเชนท์ พจนสุนทร นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงษ์ อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร และรองปลัดกระทรวงเกษตรฯ นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นต้น

3.กลุ่มบริษัทเอกชนที่เข้าประมูลโครงการกล้ายาง คือบริษัทซี.พี. เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทลูกที่เข้าแข่งขันประกวดราคาอีก 2 แห่ง เช่น บริษัทรีสอร์ทแลนด์

4.คณะกรรมการพิจารณาการประกวดราคา และคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าราชการในสังกัดกรมวิชาการเกษตร

รายงานข่าวแจ้งว่า ผลการสอบสวนที่อนุกรรมการ คตส. ได้จัดทำสรุปเพื่อส่งเป็นสำนวนให้กับอัยการสูงสุดครั้งนี้ ได้สรุปความผิดที่เกิดขึ้นว่า จากผลการสอบสวนพบว่า การประกวดราคาครั้งนี้ผู้เกี่ยวข้องหลายคนมีพฤติการณ์ร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดตามพ.ร.บ. ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ อันทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมและทำให้รัฐเสียเปรียบเอกชน โดยผู้เกี่ยวข้องได้ร่วมกันหลอกลวง เพื่อทำให้การประมูลครั้งนี้เป็นการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม โดยมีการร่วมกันนำเงินของทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรมาใช้โดยไม่ถูกต้อง และไม่มีการประกวดราคากันจริง เพราะผู้เกี่ยวข้องที่ยื่นซองประมูลพบว่า เป็นกลุ่มบริษัทเดียวกันกับที่ชนะการประมูล โดยที่กรรมการประกวดราคา และกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา ไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบอย่างจริงจัง จึงทำให้กระบวนการประมูลที่มีการแจ้งเอกสารอันเป็นเท็จ และแสดงข้อความอันเป็นเท็จเพื่อให้ชนะการประมูล

อย่างไรก็ตาม จากผลการสอบสวนพบว่าพฤติกรรมของบริษัทเอกชนที่ฮั้วประมูลครั้งนี้ อนุกรรมการไม่สามารถเอาผิดในฐานะตัวการร่วมได้ จึงต้องเอาผิดในฐานะผู้ให้การสนับสนุนกับข้าราชการฝายการเมือง และข้าราชการประจำ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 และจากผลการสอบสวนพบว่าระหว่างที่อยู่ในขั้นตอนการทุจริต มีกรรมการผู้มีอำนาจบางคนของบริษัทเอกชน ได้ลาออกจากบริษัทเอกชนเสียก่อนที่จะมีการกระทำความ ผิดเกิดขึ้น จึงทำให้ต้องตัดรายชื่อกรรมการบริษัทเอกชนบางคนออกไปในชั้นไต่สวน ทำให้จำนวนผู้ถูก คตส. เอาผิดในชั้นเอกชนลดลงไป จากในการสรุปผลชั้นอนุกรรมการสอบสวน

"คณะกรรรมการ คชก. มิได้ดำเนินการตามมติครม. ที่ขอให้โครงการนี้ได้รับการสนับสนุน จาก สกย.ทำให้มีปัญหาการนำเงินในกองทุน CESS มาคืนกับคชก. และยังเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับการลงทุนร่วมตามระเบียบเรื่องเงินช่วยเหลือเกษตรกรได้ การที่ คชก. มีมตินำเงินไปใช้กับโครงการจัดซื้อกล้ายางดังกล่าว จึงถือว่าผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมีส่วนร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 157 จึงเสนอให้ คตส. มีมติเอาผิดกับผู้เกี่ยว ข้องทั้งสิ้นจำนวน 4 กลุ่ม ในความผิดฐานร่วมกันทำให้รัฐเสียหายจากการอนุมัติโครงการ ที่เข้าข่ายเป็นการหลอกลวงรัฐโดยการใช้เอกสารอันเป็นเท็จ มายื่นต่อราชการ และเป็นการดำเนินโครงการในลักษณะการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมเพื่อให้คตส. ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด เพื่อส่งฟ้องต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป " ผลสรุปการสอบสวนคดีทุจริตกล้ายางของคตส.ระบุไว้ชัดเจน

**คตส.เดินหน้าฟ้องคดีหวยเอง
นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส. หนึ่งในคณะทำงานร่วมระหว่าง คตส.และอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาหาทางออกในคดีการออกสลากพิเศษ 2-3 ตัว กล่าวอีกว่า ในการประชุม คตส.วันนี้ ตนจะรายงานต่อที่ประชุมถึงผลการหารือกับตัวแทนอัยการสูงสุดว่า ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ เพราะทางอัยการสูงสุด ยังคงยืนยันในความเห็นเดิม คือต้องการให้คตส.ตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีก 5 ประเด็น ขณะที่ทางคตส. ก็ยืนยันว่าสำนวนที่ส่งไปครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ซึ่งได้มีการนัดหารือร่วมกันอีกครั้ง ในวันที่ 1 ก.พ.นี้

เมื่อถามว่าหากในวันที่ 1 ก.พ.ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้จะทำอย่างไร นายอุดม กล่าวว่า ถ้าผลการหารือตกลงกันได้ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ในวันจันทร์ที่ 4 ก.พ. ทางคตส. ก็คงต้องพิจารณาเดินหน้าส่งฟ้องเอง

**สรุปเซ็นทรัลแลบส่งคตส.
นางเสาวนีย์ อัศวโรจน์ กรรมการ คตส. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบโครงการจัดก่อสร้างและจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ของ บริษัทห้องปฎิบัติการกลางตรวจสอบผลิตภัณฑ์เกษตร และอาหาร จำกัด (Central Lab) เปิดเผยว่า ในการประชุมคตส.วันนี้ (28 ม.ค.) ตนจะเสนอให้ที่ประชุม คตส.ชี้มูลตั้งข้อกล่าวหา และตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนในโครงการดังกล่าวต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า บุคคลในระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกำหนดนโยบาย ควบคุมและสั่งการด้วย แต่ไม่สามารถเอาผิดได้ถึงรัฐมนตรีว่าการ เนื่องจากหลักฐานไปไม่ถึง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบในหนังสือปกเหลืองผลงาน คตส. ระบุว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการตั้งบริษัทเอกชนโดยใช้เงินของทางราชการ มีข้อมูลเบื้องต้นว่า การจัดซื้อจัดจ้าง มีผู้ยื่นซอง 2 บริษัท เป็นรายเดียวกัน กรรมการกำหนดคุณสมบัติ ทีโออาร์ และ กรรมการตรวจรับ เป็นชุดเดียวกัน ตลอดจนมีเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้อง กับนักการเมืองได้รับประโยชน์ การตรวจสอบพบพยานหลักฐาน เอกสารต่าง ๆ และพยานบุคคลจำนวน 100 ปาก เชื่อได้ว่ามีการกระทำ ความผิดตามกฎหมายเกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิด เกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และพบว่า นักการเมือง ข้าราชการ และเอกชน กลุ่มเดียวกันได้ร่วมกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันในโครงการอื่นด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น