xs
xsm
sm
md
lg

ยกเครื่อง รปภ.สุวรรณภูมิ ให้เวลา 7 วันสอบพม่ามุดรั้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สนามบินสุวรรณภูมิตั้งกรรมการสอบพม่ามุดรั้ว สรุปใน 7 วัน ยันไม่ได้มุดรั้วหรือตัดรั้วเข้ามา ชี้ให้การวกวนไม่ตรงข้อเท็จจริงสันนิษฐานลักลอบผ่านรถคนงานที่เข้ามาทำงานภายในพื้นที่ "เสรีรัตน์"ยอมรับบกพร่อง เตรียมยกเครื่องทั้งคนและเครื่องมือขนานใหญ่ ขณะที่ผู้ถือหุ้น ทอท.สงสัยสาเหตุ ทอท. ผลประกอบการตกต่ำ กำไรต่อหุ้นปี 50 วูบเหลือ 0.77 บาทจากปี 49 มีกำไร 7.33 ต่อหุ้น

นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากายานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. กล่าวว่า กรณีที่มีชายชาวพม่าลักลอบเข้าไปในสนามบินสุวรรณภูมิได้นั้น ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงการเข้ามาในพื้นที่ของสนามบินให้ได้ข้อสรุปภายใน 7 วัน นับจากวันที่ 25 ม.ค.นี้ ทั้งนี้เนื่องจากคำให้การของชายชาวพม่าที่วกวน ในขณะที่ เมื่อได้ลงไปสำรวจพื้นที่ตามคำให้การพบว่ามีความขัดแย้งกันมาก ซึ่งคาดว่าอาจเป็นบุคคลจิตไม่ค่อยปกติด้วย

"อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสนามบินสุวรรณภูมิ ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความบกพร่องในการทำงาน และเป็นความผิดของสนามบินที่ปล่อยให้มีบุคคลเข้าไปในพื้นที่ลานจอดได้ ซึ่งทอท.ได้มีการเพิ่มมาตรการในการรักษาความปลอดภัย เพิ่มความถี่ของรถตรวจการณ์รอบพื้นที่ทั้งหมด รวมทั้งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เครื่องมือที่จำเป็น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการของบประมาณเพื่อติดตั้งไฟฟ้าเพิ่มแสงสว่างในเวลากลางคืน เพื่อสร้างความมั่นใจ"

นายเสรีรัตน์ ยืนยันว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ตลอดแนวรั้ว พบว่าไม่เป็นไปตามคำให้การของชายชาวพม่าแต่อย่างใด จึงได้ตั้งข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่า ชายดังกล่าวไม่ได้ผ่านเข้ามาในสนามบินตามวิธีที่ให้การ แต่อาจจะลักลอบเข้ามาทาง คลังสินค้า หรืออาจจะมากับรถคนงานที่เข้ามาทำงานภายในสนามบิน เป็นต้น นอกจากนี้ได้ประสานผ่านทางสภาความมั่นคง เพื่อตรวจสอบประวัติ ไม่พบว่าว่ามีประวัติอาชญากรรมใดๆ ทั้งสิ้น

ขณะนี้จะต้องเร่งตรวจสอบบันทึกในกล้องวงจรปิดบริเวณหลุมจอดในช่วงเวลาที่คาดว่า ชายดังกล่าวได้เข้ามา อย่างไรก็ตามยืนยันว่า ระบบป้องกันต่างๆ ของสนามบินสุวรรณภูมิได้มาตรฐาน โดยรั้วลวดหนามของสนามบินมีความสูง 3 เมตร มีถึง 3 ชั้นสภาพของรั้วและลวดหนามปกติสมบูรณ์ไม่มีรอยตัด ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การ ที่ระบุว่าตัดรั้วลวดหนามเข้ามา และเมื่อข้ามรั้วมาได้จะต้องเดินข้ามรันเวย์ทั้ง 2 รันเวย์ ผ่านคาร์โก้ และดับเพลิง ก่อนที่จะมาถึงหลุดจอดที่ 502 ซึ่งเครื่องบินของสายการบินตุรกีจอดอยู่

นอกจากนี้สภาพร่างกายของผู้ต้องหาไม่มีร่องรอยที่แสดงให้เห็นว่าผ่านการปีน หรือมุดรั้วลวดหนาม และข้ามคลองระบายน้ำที่มีอยู่รอบสนามบินมาเพราะร่างกายและเสื้อผ้าที่เป็นเสื้อยืดและกางเกงขาก๊วย สะอาด แต่ไม่มีรองเท้าเท่านั้น อีกทั้ง เจ้าหน้าที่พบในขณะที่กำลังเดินรอบเครื่องบินโดยแจ้งมายังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ ทอท.ว่า พบ Walk Around ไม่ได้เข้าไปในเครื่องบินตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

นายเสรีรัตน์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวหัวหน้าเวรฝ่ายรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นวิศวกรประจำเครื่องบินของสายการบินตุรกี (Turkish Airways) วันที่ 22 ม.ค. เวลา ประมาณ 21.30 น. ว่า พบบุคคลไม่ทราบชื่อเดินอยู่บริเวณหลุมจอดเครื่องบิน 502 (ซึ่งอยู่ใกล้กับอาคารคลังสินค้าระหว่างประเทศของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ทางด้านทิศตะวันตกของสนามบิน) จึงได้รีบไปยังจุดที่ได้รับแจ้ง พบชายดังกล่าวทราบชื่อภายหลังว่า นายซูออง สัญชาติพม่า อายุ 27 ปี นุ่งกางเกงขาสั้นลายดอก สวมเสื้อคอกลมสีเทา ไม่สวมรองเท้า พูดภาษาไทยไม่ได้ จึงได้นำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ราชาเทวะ ซึ่งการสอบสวนในชั้นต้น ผู้ต้องหาให้การสับสนและมีการเปลี่ยนแปลงคำให้การตลอดเวลาเกี่ยวกับเส้นทางที่เล็ดลอดเข้ามาในเขตลานจอดอากาศยาน ขณะนี้ผู้ต้องหาอยู่ในระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และถูกควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้ถือหุ้น ทอท.สงสัยผลประกอบการตกต่ำ

วานนี้ (25 ม.ค.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ได้จัดประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 50 โดยได้มีการรายงานงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนของทอท. สำหรับรอบบัญชี ที่สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 50 โดยมีรายได้จากการดำเนินงานรวม กว่า 1.95 หมื่นล้านบาท หลังหักค่าใช้จ่ายเหลือกำไรสุทธิ กว่า 1.09 พันล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.77 บาท ซึ่งน้อยกว่าปี 49 ที่มีกำไรต่อหุ้น 7.33 บาท

โดย ทอท.ได้พิจารณาจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 571.43 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52.19% ของกำไรสุทธิ โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 ก.พ. 51 และในปี 50 ให้กรรมการได้รับเงินโบนัสประจำปี คนละ 2.16 แสนบาท ส่วนประธาน และรองประธานได้เพิ่มอีก 25 % และ 12.5 % ตามลำดับ รวมเป็นเงินกว่า 3 ล้านบาท

สำหรับในปี 51 ได้พิจารณากำหนดค่าตอบแทนกรรมการ ทอท. เป็นรายเดือนๆ ละ 2 หมื่นบาท ต่อคน หากกรรมการคนใดเข้ามาเป็นกรรมการระหว่างเดือนให้พิจารณาตามสัดส่วนของเดือน ส่วนค่าเบี้ยประชุมของกรรมการได้เสนอคนละ 1 หมื่นบาท ต่อครั้งที่เข้าประชุม โดยเดือนใดที่มีการประชุมเกิน 2 ครั้ง จะได้รับค่าเบี้ยประชุมไม่เกิน 2 ครั้ง แต่ผู้ถือหุ้นไม่เห็นด้วย โดยสรุปให้จ่ายค่าเบี้ยประชุมเดือนละ 1 ครั้ง คนละ 15,000 บาท โดยจะประชุมกี่ครั้งก็ได้

นอกจากนี้ ได้กำหนดให้ประธานและรองประธานได้รับเบี้ยประชุมเพิ่ม 25% และ 12.5% ตามลำดับ โดยทั้งหมดจะได้รับค่าตอบแทนและค่าเบี้ยประชุมไม่เกิน 15 ล้านบาท ในปี 51

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ได้สอบถามถึงปัญหาต่างๆ ของทอท.ที่เกิดขึ้น เช่น ปัญหากับบริษัทคิงเพาเวอร์ ปัญหาผลประกอบการที่ตกต่ำ รวมถึงติงกรรมการทอท.บางคนที่ให้สัมภาษณ์ถึงองค์กรในแง่ลบ

ที่ประชุมได้เห็นชอบแต่งตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ต้องลาออกตามวาระโดยวิธีการจับสลาก จำนวน 5 คน โดยมีการเสนอชื่อกรรมการเก่ากลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง 2 คน คือนายคัมภีร์ แก้วเจริญ และนายนนทพล นิ่มสมบุญส่วนกรรมการใหม่ 3 คน ประกอบด้วย นายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคมและ นายไมตรี ศรีนราวัฒน์ ผู้อำนวย การ สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)

อย่างไรก็ตาม ได้มีกลุ่มบุคคลประมาณ 20 คน ซึ่งรวมตัวพร้อมถือป้ายเรียกร้องให้ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการ ทอท. รวมถึงกรรมการ ทอท.บางคนที่มาจากกลุ่มคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ลาออก โดยแกนนำกลุ่มบุคคลดังกล่าว อ้างว่าเป็นผู้ถือหุ้นของ ทอท. แต่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อ โดยได้กล่าวว่า การบริหารงานของกรรมการชุดปัจจุบันไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้กำไรของทอท.ตกต่ำ จึงทำให้ผู้ถือหุ้นไดัรับเงินปันผลลดลงจากเดิมที่เคยได้กว่า 1 บาทต่อหุ้น เหลือเพียง 40 ส.ต. ต่อหุ้นเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น