ผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”ขอความร่วมมือร้านค้าทองคำอย่าโกงน้ำหนักผู้บริโภค เตรียมรณรงค์ให้ใช้เครื่องชั่งทศนิยม 2 ตำแหน่ง แก้ปัญหา พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรับเทศกาลตรุษจีน ด้านผู้ค้าทองรับประกันน้ำหนักไม่ขาด มีแต่เกิน แต่ยอมรับอาจมีพวกนอกแถวบางรายที่ทำ เผยภาวะการค้าทองคำยังชะลอตัว คาดไตรมาสแรกปีนี้ ราคาในประเทศเฉลี่ยบาทละ 13,300-14,500 บาท ส่วนราคาตลาดโลกอาจทำนิวไฮต์อีกครั้ง
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับสมาคมผู้ค้าทองคำ และประธานชมรมผู้ค้าทองในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ วานนี้ (24 ม.ค.) ว่า ได้ขอความร่วมมือสมาคมฯ และประธานชมรมผู้ค้าทอง ไปกำกับดูแลร้านค้าทองคำที่เป็นสมาชิก เพื่อให้การซื้อขายทองคำเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด โดยเฉพาะการชั่งน้ำหนักทองคำจะต้องใช้เครื่องชั่งดิจิตอลที่มีทศนิยม 2 ตำแหน่ง เพื่อให้น้ำหนักทองเป็นไปตามมาตรฐาน คือ ทองคำแท่ง ต้องมีน้ำหนัก 15.24 กรัม และทองคำรูปพรรณ น้ำหนัก 15.16 กรัม เพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนซื้อทองคำแล้วได้น้ำหนักไม่เต็มจำนวน
“ยิ่งใกล้เทศกาลตรุษจีน คาดว่าการค้าทองคำจะดีขึ้น ซึ่งกรมฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบร้านค้าทองคำเป็นกรณีพิเศษ และขอความร่วมมือสมาคมฯ และชมรมผู้ค้าทองในจังหวัดต่างๆ ให้ดูแลร้านค้าที่เป็นสมาชิกให้ซื้อขายทองคำให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด”นายยรรยงกล่าว
นายยรรยงกล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมฯ ได้มีการรณรงค์ให้ร้านค้าทองคำปฏิบัติตามกฎหมาย โดยให้นำเครื่องชั่งทศนิยม 2 ตำแหน่งมาใช้ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากร้านค้าทองส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางร้านที่ยังไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ดังนั้น เพื่อเป็นการจูงใจให้ร้านค้าทองคำมีการใช้เครื่องชั่งทศนิยม 2 ตำแหน่ง กรมฯ ได้จัดโครงการร้านค้าทองคำเครื่องชั่งมาตรฐานดีเด่นขึ้นมา เพื่อมอบเครื่องหมายให้กับร้านค้าทองคำที่มีเครื่องชั่งมาตรฐานดีเด่น โดยลักษณะของตราสัญลักษณะจะเป็นรูปพนมมือ
เบื้องต้น กรมฯ ได้มอบสัญลักษณ์ดังกล่าวให้กับร้านค้าทองคำทั่วประเทศแล้ว 719 ราย และมีร้านค้าทองคำที่สมัครเข้าร่วมโครงการอีกกว่า 3 พันราย จากร้านค้าทองคำทั่วประเทศ 7 พันราย ซึ่งถือเป็นการรับประกันกับผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการร้านค้าทองคำที่มีตราสัญลักษณ์ดังกล่าวจะได้ทองคำน้ำหนักตรงตามมาตรฐานทุกประการ
ทั้งนี้ ในส่วนของการดำเนินการตามกฎหมาย หากพบว่าร้านค้าทองคำใดที่ยังใช้เครื่องชั่งดิจิตอลทศนิยมเดียว กรมฯ จะดำเนินการตามกฎหมายชั่งตวงวัด คือ สั่งปรับ 2 หมื่นบาท และจำคุก 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมกับยึดเครื่องชั่งดังกล่าวไม่ให้มีการใช้
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมผู้ค้าทองคำ กล่าวว่า ขณะนี้สมาชิกสมาคมฯ ทุกรายให้ความร่วมมือในการใช้เครื่องชั่งทิศนิยม 2 ตำแหน่ง แต่ยอมรับว่าบางรายมีการปรับเปลี่ยนช้าไปบ้าง เนื่องจากเครื่องชั่งดิจิตอลมีราคาแพง แต่ยืนยันว่าในเรื่องของน้ำหนักทองไม่มีขาดเด็ดขาด มีแต่เกิน ส่วนที่มีปัญหาการร้องเรียน คาดว่าคงจะเป็นในส่วนของร้านค้าทองบางรายที่จงใจหาประโยชน์ และมีไม่ถึง 1% ของร้านค้าทองทั้งระบบ
สำหรับแนวโน้มการค้าทองคำนั้น คาดว่าจะอยู่ในภาวะชะลอตัวลง โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ราคาทองคำภายในประเทศจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างบาทละ 13,300-14,500 บาท ขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลกจะอยู่ระหว่าง 850-925 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งหากราคาสูงถึง 925 เหรียญสหรัฐ จะเป็นราคาที่ทำนิวไฮต์อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นห่วงแนวโน้มการซื้อขายทองคำภายในประเทศที่ลดลง โดยปี 2550 มีการซื้อขายทองคำเพียงมูลค่า 6 พันล้านบาท ลดลงจากการซื้อขายในปี 2549 ที่มีมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศทำให้การบริโภคลดลง จึงไม่แนะนำให้ผู้บริโภคซื้อเก็งกำไร เพราะราคาทองคำมีความผันผวนมาก โดยในหนึ่งวันมีการเคลื่อนไหวราคา 3-4 ครั้ง
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับสมาคมผู้ค้าทองคำ และประธานชมรมผู้ค้าทองในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ วานนี้ (24 ม.ค.) ว่า ได้ขอความร่วมมือสมาคมฯ และประธานชมรมผู้ค้าทอง ไปกำกับดูแลร้านค้าทองคำที่เป็นสมาชิก เพื่อให้การซื้อขายทองคำเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด โดยเฉพาะการชั่งน้ำหนักทองคำจะต้องใช้เครื่องชั่งดิจิตอลที่มีทศนิยม 2 ตำแหน่ง เพื่อให้น้ำหนักทองเป็นไปตามมาตรฐาน คือ ทองคำแท่ง ต้องมีน้ำหนัก 15.24 กรัม และทองคำรูปพรรณ น้ำหนัก 15.16 กรัม เพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนซื้อทองคำแล้วได้น้ำหนักไม่เต็มจำนวน
“ยิ่งใกล้เทศกาลตรุษจีน คาดว่าการค้าทองคำจะดีขึ้น ซึ่งกรมฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบร้านค้าทองคำเป็นกรณีพิเศษ และขอความร่วมมือสมาคมฯ และชมรมผู้ค้าทองในจังหวัดต่างๆ ให้ดูแลร้านค้าที่เป็นสมาชิกให้ซื้อขายทองคำให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด”นายยรรยงกล่าว
นายยรรยงกล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมฯ ได้มีการรณรงค์ให้ร้านค้าทองคำปฏิบัติตามกฎหมาย โดยให้นำเครื่องชั่งทศนิยม 2 ตำแหน่งมาใช้ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากร้านค้าทองส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางร้านที่ยังไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ดังนั้น เพื่อเป็นการจูงใจให้ร้านค้าทองคำมีการใช้เครื่องชั่งทศนิยม 2 ตำแหน่ง กรมฯ ได้จัดโครงการร้านค้าทองคำเครื่องชั่งมาตรฐานดีเด่นขึ้นมา เพื่อมอบเครื่องหมายให้กับร้านค้าทองคำที่มีเครื่องชั่งมาตรฐานดีเด่น โดยลักษณะของตราสัญลักษณะจะเป็นรูปพนมมือ
เบื้องต้น กรมฯ ได้มอบสัญลักษณ์ดังกล่าวให้กับร้านค้าทองคำทั่วประเทศแล้ว 719 ราย และมีร้านค้าทองคำที่สมัครเข้าร่วมโครงการอีกกว่า 3 พันราย จากร้านค้าทองคำทั่วประเทศ 7 พันราย ซึ่งถือเป็นการรับประกันกับผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการร้านค้าทองคำที่มีตราสัญลักษณ์ดังกล่าวจะได้ทองคำน้ำหนักตรงตามมาตรฐานทุกประการ
ทั้งนี้ ในส่วนของการดำเนินการตามกฎหมาย หากพบว่าร้านค้าทองคำใดที่ยังใช้เครื่องชั่งดิจิตอลทศนิยมเดียว กรมฯ จะดำเนินการตามกฎหมายชั่งตวงวัด คือ สั่งปรับ 2 หมื่นบาท และจำคุก 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมกับยึดเครื่องชั่งดังกล่าวไม่ให้มีการใช้
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมผู้ค้าทองคำ กล่าวว่า ขณะนี้สมาชิกสมาคมฯ ทุกรายให้ความร่วมมือในการใช้เครื่องชั่งทิศนิยม 2 ตำแหน่ง แต่ยอมรับว่าบางรายมีการปรับเปลี่ยนช้าไปบ้าง เนื่องจากเครื่องชั่งดิจิตอลมีราคาแพง แต่ยืนยันว่าในเรื่องของน้ำหนักทองไม่มีขาดเด็ดขาด มีแต่เกิน ส่วนที่มีปัญหาการร้องเรียน คาดว่าคงจะเป็นในส่วนของร้านค้าทองบางรายที่จงใจหาประโยชน์ และมีไม่ถึง 1% ของร้านค้าทองทั้งระบบ
สำหรับแนวโน้มการค้าทองคำนั้น คาดว่าจะอยู่ในภาวะชะลอตัวลง โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ราคาทองคำภายในประเทศจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างบาทละ 13,300-14,500 บาท ขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลกจะอยู่ระหว่าง 850-925 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งหากราคาสูงถึง 925 เหรียญสหรัฐ จะเป็นราคาที่ทำนิวไฮต์อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นห่วงแนวโน้มการซื้อขายทองคำภายในประเทศที่ลดลง โดยปี 2550 มีการซื้อขายทองคำเพียงมูลค่า 6 พันล้านบาท ลดลงจากการซื้อขายในปี 2549 ที่มีมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศทำให้การบริโภคลดลง จึงไม่แนะนำให้ผู้บริโภคซื้อเก็งกำไร เพราะราคาทองคำมีความผันผวนมาก โดยในหนึ่งวันมีการเคลื่อนไหวราคา 3-4 ครั้ง