ผู้จัดการรายวัน – บสก.เดินหน้านโยบายเชิงรุก สนันสนุนนโยบายภาครัฐด้วยการเพิ่มช่องทางในจำหน่ายทรัพย์ประเภทที่ดินเปล่าและที่ดินเกษตรกรรมมากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้มีการปลูกพืชเศรษฐกิจ พร้อมตั้งเป้ารายได้ 10,665 ล้านบาท และกำไร 2,100 ล้านบาท ระบุครึ่งปีหลังทราบถึงทิศทางการขายหุ้นที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูถืออยู่ ด้านผู้บริหารต้องการให้กองทุนฯขายให้กับสถาบันการเงินของไทย โดยกองทุนฯและบสก.ต้องได้ประโยชน์สูงสุด
นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของปี 2551 บสก. ยังคงดำเนินนโยบายเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ บสก. ได้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายทรัพย์ ประเภทที่ดินเปล่า และที่ดินเกษตรกรรมมากขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ลูกค้ารายย่อย และเกษตรกรมีที่ดินเป็นของตนเอง ขณะเดียวกันเพื่อสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการปลูกพืชเศรษฐกิจ ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน อ้อย และมันสำปะหลัง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการผลิตพลังงานทดแทน โดยปัจจุบัน บสก. มีที่ดินเปล่า และที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม จำนวน 10 ,240 รายการ มูลค่า 24,724 ล้านบาท บาท อย่างไรก็ดี บสก. ได้ประมาณการผลการดำเนินงานปี 2551 จะมีรายได้ 10,665 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 2 ,100 ล้านบาท แม้ว่าจะมีปัจจัยลบด้านต่างๆ ที่ค่อนข้างรุนแรงก็ตาม
สำหรับกลยุทธ์ทางด้านการตลาด บสก. ได้ขยายเวลาโครงการคืนทรัพย์ให้คุณ ออกไปอีก 1 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ของ บสก. ที่มีภาระหนี้เงินต้นต่อรายหรือต่อกลุ่มไม่เกิน 5 ล้านบาท สามารถไถ่ถอนหลักประกันของตนคืน ด้วยการนำเงินมาชำระหนี้เสร็จสิ้นครั้งเดียวที่ 70% ของราคาประเมินหลักประกัน หรือผ่อนชำระไม่ต่ำกว่า 80% ของราคาประเมินหลักประกัน ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย
นอกจากนี้ บสก. ยังได้ขยายเวลาโครงการขายทรัพย์แบบผ่อนชำระกับ บสก. อีก 1 ปี เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย หรือที่ดินของ บสก. โดยมีเงื่อนไขให้กับลูกค้ารายย่อยที่ซื้อทรัพย์สินมูลค่าไม่เกิน 2 ล้านบาท สามารถผ่อนชำระได้นานถึง 10 ปี คิดดอกเบี้ยคงที่ในอัตรา MLR-3% ตลอดอายุสัญญา และขยายเวลาโครงการตลาดนัดบ้านมือสอง ซึ่งเป็นบริการทางสังคม เพื่อให้บริการกับประชาชนทั่วไปที่ต้องการขายอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ขณะเดียวกันยังได้วางกลยุทธ์การส่งเสริมการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ด้วยการออกบูธทั่วประเทศจำนวน 94 ครั้ง
นายบรรยง ยังได้กล่าวถึงผลการดำเนินงาน ปี 2550 ว่า บสก. มีรายได้รวมทั้งสิ้น 12 ,230 ล้านบาท แบ่งเป็นผลเรียกเก็บจากการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 6,568 ล้านบาท และจากการจำหน่ายทรัพย์จำนวน 5,662 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายทั้งปี 12 ,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,905 ล้านบาท โดยมีอัตราผลตอบแทนต่อต้นทุนรับซื้อ (Recovery Rate) 175.51% ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในปี 2550 ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ถึงแม้จะมีปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจ และการเมืองอยู่บ้างก็ตาม
ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วง 9 ปี ของ บสก. ที่ผ่านมา ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ในการเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่แก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยมีผลการดำเนินงานรวม 87 ,865 ล้านบาท แบ่งเป็นการรับชำระหนี้จากการปร ับโครงสร้างหนี้ และจำหน่ายทรัพย์ 70,203 ล้านบาท และรับโอนทรัพย์ชำระหนี้ มูลค่า 17, 662 ล้านบาท รวมทั้งสามารถเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้จนได้ข้อยุติจำนวน 91,431 ราย รวมมูลค่า 234,221 ล้านบาท และมีกำไรต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2545-2550
ปัจจุบัน บสก. มีสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ( NPL ) อยู่ในความดูแลทั้งสิ้น 48,559 ราย คิดเป็นมูลค่า 228,295 ล้านบาท และมีทรัพย์สินรอการขาย (NPA) จำนวน 14,090 รายการ คิดเป็นมูลค่า 39 ,387 ล้านบาท โดยในปี 2550 บสก. ได้เพิ่มขนาดสินทรัพย์ด้วยการรับซื้อ NPL และ NPA จากสถาบันการเงินเข้ามาบริหารจำนวน 8,472 ล้านบาท และอยู่ระหว่างกระบวนการรับซื้ออีกจำนวน 18 ,222 ล้านบาท โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2551 บสก.ได้ลงนามในสัญญาซื้อขาย NPA จากธนาคารทหารไทย เข้ามาบริหารจัดการอีก 418 ล้านบาท
นายบรรยง กล่าวอีกว่า จากการที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในฐานะผู้ถือหุ้น บสก.100% นั้นจะ ทำการปิดตัวเองในปี 2554 เนื่องจากมีสถาบันประกันเงินฝาก ขึ้นมา ทำให้สถานะในด้านของโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบสก.ต้องเปลี่ยนไปโดยหุ้นที่กองทุนฯถืออยู่ต้องทำการขายออกไป หากกองทุน จะขาย บสก. ณ วันนี้ บสก.ก็พร้อมที่จะขายได้อยู่แล้ว เพราะ บสก.ไม่มีภาระหนี้สินกับกองทุนฯ สถานะของบสก.พร้อมที่จะมีผู้ร่วมทุน
แนวคิดล่าสุดได้หารือกับผู้จัดการกองทุนฯแล้วว่าเวลาขายต้องได้ประโยชน์สูงสุดทั้ง บสก.และผู้ถือหุ้น ในขณะนี้อยู่ระหว่างการทำแผนงาน ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรนั้นคาดเดายังไม่ได้ แต่หากให้เดาก็คาดว่ากองทุนฯน่าจะขายเป็นล๊อตครั้งเดียว ซึ่งในใจอยากได้คนไทยที่เป็นสถาบันการเงินมากกว่า เพราะสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้คาดว่าจะเตรียมการจบได ้ภายในครึ่งปีหลัง แต่ขั้นตอนการขายก็ต้องดูระยะเวลาถึงความเหมาะสมด้วย
อนึ่ง ณ ปัจจุบัน บสก.มีทุนจดทะเบียน 13, 675 ล้านบาท ณ พ.ย.มีส่วนของผู้ถือหุ้น 24,730 ล้านบาท มูลค่าหุ้นทางบัญชี 45.21 บาท ต่อหุ้น มีสินทรัพย์ 78,868 ล้านบาท ปันผลในปี2549ไปแล้ว 683 ล้านบาท และคาดว่าในปี2550 จะสามารถปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ ประมาณ 1 ,000 ล้านบาท
นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของปี 2551 บสก. ยังคงดำเนินนโยบายเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ บสก. ได้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายทรัพย์ ประเภทที่ดินเปล่า และที่ดินเกษตรกรรมมากขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ลูกค้ารายย่อย และเกษตรกรมีที่ดินเป็นของตนเอง ขณะเดียวกันเพื่อสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการปลูกพืชเศรษฐกิจ ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน อ้อย และมันสำปะหลัง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการผลิตพลังงานทดแทน โดยปัจจุบัน บสก. มีที่ดินเปล่า และที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม จำนวน 10 ,240 รายการ มูลค่า 24,724 ล้านบาท บาท อย่างไรก็ดี บสก. ได้ประมาณการผลการดำเนินงานปี 2551 จะมีรายได้ 10,665 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 2 ,100 ล้านบาท แม้ว่าจะมีปัจจัยลบด้านต่างๆ ที่ค่อนข้างรุนแรงก็ตาม
สำหรับกลยุทธ์ทางด้านการตลาด บสก. ได้ขยายเวลาโครงการคืนทรัพย์ให้คุณ ออกไปอีก 1 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ของ บสก. ที่มีภาระหนี้เงินต้นต่อรายหรือต่อกลุ่มไม่เกิน 5 ล้านบาท สามารถไถ่ถอนหลักประกันของตนคืน ด้วยการนำเงินมาชำระหนี้เสร็จสิ้นครั้งเดียวที่ 70% ของราคาประเมินหลักประกัน หรือผ่อนชำระไม่ต่ำกว่า 80% ของราคาประเมินหลักประกัน ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย
นอกจากนี้ บสก. ยังได้ขยายเวลาโครงการขายทรัพย์แบบผ่อนชำระกับ บสก. อีก 1 ปี เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย หรือที่ดินของ บสก. โดยมีเงื่อนไขให้กับลูกค้ารายย่อยที่ซื้อทรัพย์สินมูลค่าไม่เกิน 2 ล้านบาท สามารถผ่อนชำระได้นานถึง 10 ปี คิดดอกเบี้ยคงที่ในอัตรา MLR-3% ตลอดอายุสัญญา และขยายเวลาโครงการตลาดนัดบ้านมือสอง ซึ่งเป็นบริการทางสังคม เพื่อให้บริการกับประชาชนทั่วไปที่ต้องการขายอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ขณะเดียวกันยังได้วางกลยุทธ์การส่งเสริมการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ด้วยการออกบูธทั่วประเทศจำนวน 94 ครั้ง
นายบรรยง ยังได้กล่าวถึงผลการดำเนินงาน ปี 2550 ว่า บสก. มีรายได้รวมทั้งสิ้น 12 ,230 ล้านบาท แบ่งเป็นผลเรียกเก็บจากการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 6,568 ล้านบาท และจากการจำหน่ายทรัพย์จำนวน 5,662 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายทั้งปี 12 ,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,905 ล้านบาท โดยมีอัตราผลตอบแทนต่อต้นทุนรับซื้อ (Recovery Rate) 175.51% ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในปี 2550 ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ถึงแม้จะมีปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจ และการเมืองอยู่บ้างก็ตาม
ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วง 9 ปี ของ บสก. ที่ผ่านมา ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ในการเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่แก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยมีผลการดำเนินงานรวม 87 ,865 ล้านบาท แบ่งเป็นการรับชำระหนี้จากการปร ับโครงสร้างหนี้ และจำหน่ายทรัพย์ 70,203 ล้านบาท และรับโอนทรัพย์ชำระหนี้ มูลค่า 17, 662 ล้านบาท รวมทั้งสามารถเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้จนได้ข้อยุติจำนวน 91,431 ราย รวมมูลค่า 234,221 ล้านบาท และมีกำไรต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2545-2550
ปัจจุบัน บสก. มีสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ( NPL ) อยู่ในความดูแลทั้งสิ้น 48,559 ราย คิดเป็นมูลค่า 228,295 ล้านบาท และมีทรัพย์สินรอการขาย (NPA) จำนวน 14,090 รายการ คิดเป็นมูลค่า 39 ,387 ล้านบาท โดยในปี 2550 บสก. ได้เพิ่มขนาดสินทรัพย์ด้วยการรับซื้อ NPL และ NPA จากสถาบันการเงินเข้ามาบริหารจำนวน 8,472 ล้านบาท และอยู่ระหว่างกระบวนการรับซื้ออีกจำนวน 18 ,222 ล้านบาท โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2551 บสก.ได้ลงนามในสัญญาซื้อขาย NPA จากธนาคารทหารไทย เข้ามาบริหารจัดการอีก 418 ล้านบาท
นายบรรยง กล่าวอีกว่า จากการที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในฐานะผู้ถือหุ้น บสก.100% นั้นจะ ทำการปิดตัวเองในปี 2554 เนื่องจากมีสถาบันประกันเงินฝาก ขึ้นมา ทำให้สถานะในด้านของโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบสก.ต้องเปลี่ยนไปโดยหุ้นที่กองทุนฯถืออยู่ต้องทำการขายออกไป หากกองทุน จะขาย บสก. ณ วันนี้ บสก.ก็พร้อมที่จะขายได้อยู่แล้ว เพราะ บสก.ไม่มีภาระหนี้สินกับกองทุนฯ สถานะของบสก.พร้อมที่จะมีผู้ร่วมทุน
แนวคิดล่าสุดได้หารือกับผู้จัดการกองทุนฯแล้วว่าเวลาขายต้องได้ประโยชน์สูงสุดทั้ง บสก.และผู้ถือหุ้น ในขณะนี้อยู่ระหว่างการทำแผนงาน ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรนั้นคาดเดายังไม่ได้ แต่หากให้เดาก็คาดว่ากองทุนฯน่าจะขายเป็นล๊อตครั้งเดียว ซึ่งในใจอยากได้คนไทยที่เป็นสถาบันการเงินมากกว่า เพราะสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้คาดว่าจะเตรียมการจบได ้ภายในครึ่งปีหลัง แต่ขั้นตอนการขายก็ต้องดูระยะเวลาถึงความเหมาะสมด้วย
อนึ่ง ณ ปัจจุบัน บสก.มีทุนจดทะเบียน 13, 675 ล้านบาท ณ พ.ย.มีส่วนของผู้ถือหุ้น 24,730 ล้านบาท มูลค่าหุ้นทางบัญชี 45.21 บาท ต่อหุ้น มีสินทรัพย์ 78,868 ล้านบาท ปันผลในปี2549ไปแล้ว 683 ล้านบาท และคาดว่าในปี2550 จะสามารถปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ ประมาณ 1 ,000 ล้านบาท