xs
xsm
sm
md
lg

ภารกิจศักดิ์สิทธิ์กับบทเรียนการกู้ชาติทางจิตวิญญาณของ ศรี อรพินโธ (ตอนที่ 41)

เผยแพร่:   โดย: ดร.สุวินัย ภรณวลัย

ดร.สุวินัย ภรณวลัย
www.suvinai-dragon.com

41. วิถีกู้ชาติของศรี อรพินโธ (ต่อ)


ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 1926 เป็นต้นมา อรพินโธ ก็วางมือจากเรื่องการดูแลอาศรมของเขาโดยสิ้นเชิง โดยมอบหมายให้ ศิษย์เอก ของเขาที่เป็นสตรีชาวฝรั่งเศสซึ่งต่อมาผู้คนรู้จักเธอในนามของ “อาจารย์แม่” (The Mother) เป็นผู้รับผิดชอบดูแลแทนทั้งหมด ส่วน อรพินโธ ก็เก็บตัวจดจ่ออยู่กับการบำเพ็ญภาวนา “บูรณาโยคะ” ของเขาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นกว่าเดิม

อรพินโธ ละร่างในวันที่ 5 เดือนธันวาคม ปี 1950 หรืออีก 24 ปีหลังจากนั้น ตัวเขามีโอกาสได้เห็นอินเดียเป็นเอกราชในวันที่ 15 เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1947 ซึ่งตรงกับวันเกิดของเขาพอดี ราวกับไม่ใช่เรื่องบังเอิญ จะว่าไปแล้วหลังจากปี 1926 จนถึงปี 1950 อันเป็นปีที่เขาละร่าง อรพินโธ ก็ยังคงเป็น “นักปฏิวัติ” เสมอในความหมายที่ว่า ตัวเขาได้มุ่งมั่นที่จะทำการ ปฏิวัติ “สันดานมนุษย์” (human nature) เสียยิ่งกว่ามุ่ง “ปฏิวัติการเมือง” เหมือนในสมัยที่ตัวเขามุ่งมั่นจะทำในวัยหนุ่มซึ่งตัวเขาก็ได้แลเห็น ข้อจำกัด ของมัน

ในฐานะที่เป็น “นักปฏิวัติ” ที่เป็น ปราชญ์คุรุ (Sage) ด้วย อรพินโธ ไม่เห็นหนทางอื่นอีกแล้วในการที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ นอกจากการบำเพ็ญโยคะเจริญสมาธิภาวนาเพื่อเปลี่ยนแปลง “สันดานมนุษย์” ของตัวเขาเอง จากภายใน กับการเข้าร่วมใน ปฏิบัติการบูรณาโยคะ ร่วมกับ “จิตศักดิ์สิทธิ์” (Divine Consciousness หรือ Supramental Consciousness) เพื่อช่วย “เร่ง” วิวัฒนาการของมนุษยชาติโดยรวมให้กับโลกใบนี้

เพื่อ ภารกิจศักดิ์สิทธิ์ นี้ อรพินโธ ได้ทุ่มเทเอาชีวิตของเขาและตัวเขาเข้าแลกเข้าทดลองในการศึกษา ค้นคว้า และพัฒนา โยคะ ของเขาซึ่งตัวเขาเรียกมันว่า “บูรณาโยคะ” ขึ้นมาโดยมี “จิตศักดิ์สิทธิ์” เป็น คุรุที่ไม่มีตัวตน ของเขามาคอยนำทางให้แก่ตัวเขา

ถ้าเราเชื่อ บทเรียนการกู้ชาติทางจิตวิญญาณของอรพินโธ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เราก็ต้องเชื่อต่อไปว่า เราสามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้โดยการเปลี่ยนแปลงตัวเราเองจากภายในแบบบูรณาการ และ โดยการเข้าร่วมกับ “จิตศักดิ์สิทธิ์” ในการผลักดันวิวัฒนาการของโลกใบนี้

แก่นแท้แห่ง ปรัชญาบูรณาโยคะ ของ อรพินโธ เป็นดังต่อไปนี้ โยคะของอรพินโธ คือ บูรณาโยคะ (Integral Yoga) หรือ โยคะแห่งจิตศักดิ์สิทธิ์ (Supramental Yoga) การใช้แค่ตรรกะเหตุผล หรือความคิดในการเข้าถึง จิตสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าเต๋า พุทธะ หรือ พรหมัน มันแทบไม่ช่วยอะไรเลยต่อการยกระดับ จิตของคนผู้นั้นให้สูงส่งจนถึงระดับของ จิตศักดิ์สิทธิ์ ได้อย่างมากก็แค่ช่วยในการเตรียมตัว เตรียมความคิด เตรียมความเข้าใจก่อนเข้าสู่การปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังเท่านั้น

แม้แต่พิธีกรรมต่างๆ เองที่เป็นเปลือกกระพี้ก็เช่นกัน จะมีก็แต่ศรัทธาความมุ่งมั่นที่หลั่งออกมาจาก จิตที่บริสุทธิ์ อันประกอบด้วยสติ และปัญญาที่บริบูรณ์ที่ต้องการเข้าถึง จิตศักดิ์สิทธิ์ โดยไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้น ถึงจะทำให้คนผู้นั้นสามารถเข้าถึง โยคะที่แท้จริงได้

การจะเข้าถึง จิตศักดิ์สิทธิ์ ได้ บุคคลผู้นั้นจะต้องมีการเตรียมตัวเสียก่อนด้วยการ บ่มเพาะคุณธรรม ต่อไปนี้ขึ้นภายในตัวเองขึ้นมาให้ได้เสียก่อน ซึ่งได้แก่ ความกล้าหาญ ความไม่เห็นแก่ตัว ความไม่วิตกกังวล การมีปณิธานอันสูงส่งในชีวิต การมองโลกในเชิงบวกอยู่เสมอ ความอดกลั้น และความพากเพียรในการฝึกฝนตน

ผู้ที่จะเข้าถึง จิตศักดิ์สิทธิ์ ได้ ความปรารถนาที่จะเป็น “เครื่องมือ” ให้แก่ จิตศักดิ์สิทธิ์ จะต้องเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคนผู้นั้นเสียก่อน โดยที่คนผู้นั้นจะต้องใช้ชีวิตในแต่ละวันของเขา ด้วยความมีสติตื่นตัว ตระหนักรู้ และระลึกถึง จิตศักดิ์สิทธิ์ อยู่เป็นนิตย์ เพื่อให้ จิตศักดิ์สิทธิ์ สามารถเข้ามากระทำต่อตัวเขา และร่วมกัน “เปลี่ยนแปลง” ตัวเขาให้พัฒนาไปในทิศทางที่สูงส่งยิ่งขึ้น และศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นทุกที (divine transformation)

เขาจะต้องไม่เพียงสามารถเข้าถึง จิตศักดิ์สิทธิ์ (The Divine) ได้เท่านั้น แต่เขาจะต้องกระโจนเข้าไปช่วยและร่วมมือกับ จิตศักดิ์สิทธิ์ ในการสถาปนา ชีวิตศักดิ์สิทธิ์ (Divine Life) บนโลกใบนี้ อย่างรวมหมู่ และ อย่างปัจเจก ด้วย

ในสายตาของ บูรณาโยคะ นอกจากโลกนี้จะเป็น มายา เป็น อนิจจัง แล้ว ในอีกมุมมองหนึ่ง โลกนี้ยังเป็นการสร้างสรรค์ และการเผยตัวของจิตศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย เพราะฉะนั้น คนเราแต่ละคนจึงสามารถทำให้ชีวิตของตนเป็น ชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ อย่างแท้จริงในทุกอณูธาตุของผู้นั้นได้ โดยเริ่มต้นจากการทำให้ร่างกายของตนกลายเป็น กายศักดิ์สิทธิ์ (divine body) ให้ได้เสียก่อน โดยการฝึกให้ กาย-ใจ-ปราณ รวมกันเป็นหนึ่งเดียวอยู่เสมอ

เป้าหมายหลัก ของ บูรณาโยคะ คือการเปลี่ยนทั้ง สันดาน (nature) ทั้งจิตสำนึก และทั้งความเป็นตัวตนทั้งหมดของผู้นั้นให้กลายเป็น ผู้ศักดิ์สิทธิ์โดยสิ้นเชิง (total divine transformation) เพื่อการนี้ คนผู้นั้นจะต้องมี ความเปิดกว้าง (openness) ต่อจิตศักดิ์สิทธิ์ และ “มอบตัวตน” (surrender) ต่อจิตศักดิ์สิทธิ์ จากใจจริง เพื่อให้ พลังของจิตศักดิ์สิทธิ์ (Divine Force) สามารถเข้ามา “กระทำ” ต่อผู้นั้น และ “เปลี่ยนแปลง” คนผู้นั้น ในขณะที่กำลังปฏิบัติธรรมในรูปแบบต่างๆ และในมิติต่างๆ อย่างบูรณาการอยู่ได้

เพราะผู้นั้นไม่ต้องการอะไรอื่นอีกแล้วในชีวิตนี้นอกจากการถวายตัวเป็นเครื่องมือให้แก่จิตศักดิ์สิทธิ์ และเพราะผู้นั้นเต็มใจที่จะมอบตัวตนทั้งหมดของเขาให้แก่จิตศักดิ์สิทธิ์ โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะนี่เป็นความปรารถนาจากก้นบึ้งแห่งวิญญาณของคนผู้นั้น ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีทางอื่นที่จะเป็นไปได้ นอกจากคนผู้นั้นจะได้พบกับจิตศักดิ์สิทธิ์ และสามารถเข้าถึงจิตศักดิ์สิทธืได้อย่างแน่นอน

เพราะไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่ปรารถนาจะเข้าถึง จิตศักดิ์สิทธิ์ จิตศักดิ์สิทธิ์ ย่อมจะเข้ามา “ชำระ” จิตใจของผู้นั้นให้บริสุทธิ์ด้วยตนเอง และเข้ามาชี้นำและจะพัฒนาการปฏิบัติธรรมของผู้นั้น ในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งให้ “ประสบการณ์ต่างๆ” ที่จำเป็นต่อการเติบโตทางจิตวิญญาณของผู้นั้น ไม่ว่าประสบการณ์ต่างๆ เหล่านั้น มันจะเป็นประสบการณ์ที่ “เจ็บปวด” เพียงไหนก็ตาม

“พลัง” ของ จิตศักดิ์สิทธิ์ ที่เข้ามากระทำและเปลี่ยนแปลงบุคคลที่เต็มใจมอบตัวตนทั้งหมดของผู้นั้นให้แก่ จิตศักดิ์สิทธิ์ มีอยู่ 3 ประเภทด้วยกันคือ

ประเภทที่หนึ่ง เรียกว่า พรอันประเสริฐจากจิตศักดิ์สิทธิ์ (Divine Grace)

ประเภทที่สอง เรียกว่า มหากรุณาจากจิตศักดิ์สิทธิ์ (Divine Compassion)

ประเภทที่สาม เรียกว่า ความเที่ยงธรรมแห่งจักรวาล (Cosmic Justice) หรือ กฎแห่งกรรมของจักรวาล (Cosmic Law of Karma)

เสาหลักอีกเสาหนึ่งที่สำคัญมากใน ปรัชญาบูรณาโยคะของอรพินโธ คือ กรรมโยคะ หรือ การทำงานศักดิ์สิทธิ์ (Divine Work) หรือ การปฏิบัติภารกิจศักดิ์สิทธิ์ (Divine Mission) เพื่อรับใช้เจตนารมณ์ของ จิตศักดิ์สิทธิ์ (Divine Will) ผู้ปฏิบัติ “กรรมโยคะ” ในแบบของ บูรณาโยคะ นี้ จึงต้องขจัดความทะยานอยากส่วนตัวให้หมดไปจากใจ ขจัดความรู้สึกแห่งการเป็น “ตัวกู-ของกู” ให้หมดไปจากใจ แล้วกระทำงานทุกอย่างในฐานะที่เป็นเครื่องบูชาแก่ จิตศักดิ์สิทธิ์ จนกระทั่งสามารถแลเห็นการดำรงอยู่ของ จิตศักดิ์สิทธิ์ ได้ในทุกๆ ขณะ ในทุกๆ สรรพสิ่ง ในทุกๆ เหตุการณ์ และในทุกๆ สถานการณ์ของชีวิต

งานศักดิ์สิทธิ์ ในความหมายของบูรณาโยคะ คือ การทำตนให้เป็นหนึ่งเดียวกับ จิตศักดิ์สิทธิ์ ในเชิงเจตนารมณ์ของผู้นั้น และในเชิงการกระทำของผู้นั้น สิ่งนี้ไม่ว่าใครก็สามารถกระทำได้โดย

“คิดถึง แต่ จิตศักดิ์สิทธิ์ เท่านั้น
มีชีวิตอยู่เพื่อ จิตศักดิ์สิทธิ์ เท่านั้น
มุ่งหวังแต่เพียงการเข้าถึง จิตศักดิ์สิทธิ์ เท่านั้น
ทำงานเพื่อ จิตศักดิ์สิทธิ์ เท่านั้น
รับใช้แต่ จิตศักดิ์สิทธิ์ เท่านั้น
ยึดมั่นแต่ จิตศักดิ์สิทธิ์ เท่านั้น
ต้องการแต่ จิตศักดิ์สิทธิ์ เท่านั้น
แสวงหาแต่ จิตศักดิ์สิทธิ์ เท่านั้น
และสุดท้าย บูชาแต่ จิตศักดิ์สิทธิ์ เท่านั้น”

มีแต่กระทำอย่างนี้เท่านั้น ผู้นั้นถึงจะกลายเป็น ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ในที่สุดได้ เพราะ อรพินโธ ก็บอกกับพวกเราว่า

“มีแต่ดวงวิญญาณที่มอบกายถวายตนให้แก่ จิตศักดิ์สิทธิ์ อย่างทั้งหมดทั้งสิ้นเช่นนี้แล้วเท่านั้น จิตศักดิ์สิทธิ์ จึงจะมอบทุกอย่างทั้งหมดที่จำเป็นให้แก่ผู้นั้นด้วยเช่นกัน เพราะมีแต่บุคคลที่สามารถให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่ จิตศักดิ์สิทธิ์ ได้เท่านั้น จึงจะสามารถแลเห็น จิตศักดิ์สิทธิ์ ได้ในทุกหนทุกแห่ง และสามารถทำให้เจตนารมณ์สูงสุดของ จิตศักดิ์สิทธิ์ เข้ามาก่อรูปความคิด ความรู้สึก และการกระทำทุกอย่างทั้งปวงของผู้นั้นได้”
กำลังโหลดความคิดเห็น