xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นครึ่งปีแรกผันผวนลุ้นนโยบายแก้ซับไพรม์ดึงฝรั่งหวนคืน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - ฟ้าโปร่งหลังการเมืองชัดเจน รอวันต่างชาติหวนคืนตลาดหุ้นไทย ลุ้นนโยบายแก้วิกฤตซับไพรม์ บล.ทิสโก้ ระบุ 3 เหตุหลักฝรั่งขายไม่หยุด "ลดน้ำหนักลงทุน-ถูกไถ่ถอนหน่วยลงทุน-การเมือง" มั่นใจสุดท้ายฝรั่งจะรีเทิร์นกลับมาเก็บหุ้นทั่วเอเชีย ขณะที่บล.ซีมิโก้ คาดปีแรกตลาดหุ้นยังผันผวนอยู่ในกรอบ 750-850 จุด แต่จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นช่วงไตรมาส 3 ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมหารือขุนคลังคนใหม่ร่วมโรดโชว์ให้ข้อมูลต่างชาติ เชื่อนโยบายหลักนักลงทุนเข้าใจแต่อาจมีนโยบายบางเรื่องที่กระทบการดำเนินงานบจ.
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จากดัชนีสิ้นปี 2550 ซึ่งปิดที่ระดับ 858.10 จุด หลังต้องฟันฝ่าสารพัดปัจจัยลบทั้งจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่ชัดเจน ปัญหาผลกระทบจากสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ในสหรัฐฯ จนทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงต่ำสุดอยู่ที่ระดับ 757.65 จุด หรือลดลง 100.45 จุด แต่เมื่อเริ่มมีความชัดเจนทางการเมืองมากขึ้นหลังพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดิน ประกาศจุดยืนในการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพลังประชาชนส่งผลทำให้สถานการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นปรับตัวสดใสขึ้นมาอีกครั้ง
ขณะที่ผลกระทบจากปัญหาซับไพรม์ที่ส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ของสหรัฐฯไม่ว่าจะเป็น ซิตี้กรุ๊ป, เมอร์ลิลินซ์, โกลดแมนแซคส์ ที่ประกาศออกมาบางรายจะรุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แต่จากคำแถลงการของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุซ เกี่ยวกับนโยบายในการเข้าไปแก้ปัญหาดังกล่าว รวมถึงการประกาศความร่วมมือที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างจริงของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ทำให้นักลงทุนเริ่มสบายใจต่อวิกฤตปัญหาในเรื่องดังกล่าวได้มากขึ้น
ทั้งนี้ หากประเมินแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่ต้นปีพบว่ามีมูลค่าการขายสุทธิเพียง 13 วันสูงถึง 27,933.80 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าการซื้อสุทธิในรอบปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 55,018.45 ล้านบาท ซึ่งเหตุผลสำคัญจากการเทขายออกมาอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติเนื่องจากต้องเตรียมเงินสดเพื่อรองรับผลขาดทุนจากปัญหาซับไพรม์ ในขณะที่ผลกำไรจากการลงทุนใน 2-3 ปีที่ผ่านมารวมถึงกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการแข็งค่าของเงินบาทอย่างต่อเนื่องเป็นเหตุทำให้มีการขายทำกำไรออกมา
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า 3 ปัจจัยหลักที่เป็นเหตุผลทำให้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา โดยปัจจัยแรกคือความต้องการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นทั่วโลกที่ลดลงเพราะถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงในสภาวะที่ปัจจัยหลายเรื่องยังไม่มีความชัดเจน
ในส่วนของปัจจัยที่ 2 คือ การไถ่ถอนเงินลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น และปัจจัยสุดท้ายคือ ความเสี่ยงจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่ยังไม่มีความชัดเจนตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าหลังการเลือกตั้งสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศจะดีขึ้น แต่ในความจริงสถานการณ์กลับอึมครึมกว่าที่ผ่านมา
"ต่างชาติเน้นการลงทุนตามนโยบายหลักของแต่ละที่ซึ่งในตอนนี้ความไม่ชัดเจนหลายเรื่องทำให้นักลงทุนต่างชาติต้องลดความเสี่ยง โดยเรื่องทางการเมืองไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาเพราะทุกคนรอว่าใครจะเข้ามาทำงานต่างหาก"นายไพบูลย์กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากประเมินภาพการลงทุนในภูมิภาคเอเชียเชื่อว่าในท้ายที่สุดเมื่อสถานการณ์ทางการเมือง สถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯมีความชัดเจนมากขึ้น นักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นทั่วเอเชียอยู่ดี เนื่องจากราคาหุ้นส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำรวมทั้งพื้นฐานทางเศรษฐกิจของหลายประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี

**โบรกฯคาดหุ้นขึ้นการเมืองชัด
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสจะปรับขึ้นเนื่องจากปัจจัยการเมืองที่ชัดเจนขึ้นและหากมีการแถลงจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักทุนมากขึ้น
ทั้งนี้ ผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ในประเทศที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์น่าจะออกมาดีซึ่งจะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มแบงก์ได้ โดยมีปัจจัยเชิงบวกจากต่างประเทศ คือ การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50-0.75% และการคาดการณ์มาตรการที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะนำมาออกนโยบายเพื่อแก้ปัญหาซับไพรม์และกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯในสภาวะที่มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห็หน้าจะแกว่งตัวมากขึ้น โดยปัจจัยทางการเมืองจะมีผลมากกว่าปัจจัยภายนอกคือ ภาพของรัฐบาลใหม่ที่ชัดเจนและทีมเศรษฐกิจที่ได้รับการยอมรับจากนักลงทุน โดยยังเชื่อว่าดัชนีจะยืนที่ 800 จุดได้ มีแกรอบแนวต้านที่ 825-830 จุด แนวรับที่ 760-770 จุด ทยอยซื้อสะสมได้เมื่อราคาอ่อนตัวลง
นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บีฟิท กล่าวว่า ปัจจัยทางการเมืองที่ชัดเจนขึ้นจะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ โดยประเด็นที่ต้องติดตามต่อเนื่องได้ คือ ผลประกอบของสถาบันการเงินของสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบของปัญหาซับไพรม์ และนโยบายต่างๆของรัฐบาลสหรัฐฯที่จะออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยประเมินแนวรับในสัปดาห์นี้ที่ 780 จุด แนวต้านที่ 800 จุด

***ตลาดหุ้นครึ่งปีแรกผันผวน
ด้านนางสาววราภรณ์ วิบูลย์คณารักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล. ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งแรกปี 51 ยังคงผันผวน จากปัจจัยทางการเมืองในประเทศและปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพรม์จนมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งคงส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในระยะสั้น
"แม้จะมีความชัดเจนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชาชน แต่สิ่งที่ต้องจับตามอง คือ ทีมเศรษฐกิจว่าจะเป็นที่ยอมรับและสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนมากแค่ไหน รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจว่าสามารถฟื้นการลงทุนภาคเอกชนและการบริโภคได้ดีเพียงใด แต่สิ่งที่รัฐบาลใหม่ไม่ควรดำเนินการอย่างยิ่งคือ ความพยายามในการช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยครึ่งปีแรกคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นจะอยู่ในกรอบแคบ 750-850 จุด"
สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นไทยทั้งปี 51 ยังมีแนวโน้มที่ดี หลังจากปัญหาซับไพรม์เริ่มคลี่คลาย บวกกับนโยบายและโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐน่าจะเริ่มเห็นผลได้ในไตรมาส 3 ซึ่งเป้าหมายดัชนีทั้งปีอยู่ที่ 960 จุด และพี/อี โรโช อยู่ที่ระดับ 11.3 เท่าของประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 23% นำโดยหุ้นกลุ่มแบงก์ที่จะเติบโตไม่ดีหลังปีที่ผ่านมาต้องตั้งสำรองตามมาตรฐานบัญชีใหม่และได้รับประโยชน์จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
"เศรษฐกิจปีนี้ คาดว่าจะเติบโตประมาณ 5% จากการใช้จ่ายและเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยต่ำและเงินบาทแข็งค่าที่จะเอื้อต่อต้นทุนการลงทุน ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นเรื่องของราคาน้ำมันที่จะทรงตัวในระดับสูงต่อไป รวมถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่อาจจะทำให้การกำหนดนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอาจทำได้อย่างจำกัดมากยิ่งขึ้น"

**ตลท.เตรียมเหินฟ้าให้ข้อมูล
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึง การเรียกความมั่นใจของนักลงทุนต่อสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจไทยว่า ภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการเรียบร้อย ตลท.จะเข้าเสนอนโยบายในการพัฒนาตลาดทุนพร้อมเชิญตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ทางเศรษฐกิจร่วมเดินทางไปให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างชาติในต่างประเทศ
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีบริษัทหลักทรัพย์ 2-3 แห่งที่ได้เสนอเรื่องเพื่อขอให้ตลาดหลักทรัพย์ร่วมเดินทางไปให้ข้อมูลทางเศรษฐกิจ ซึ่งตลท.อยากเชิญตัวแทนจากภาครัฐร่วมเดินทางไปให้ข้อมูลด้วย โดยข้อมูลหลักๆเกี่ยวกับนโยบายทางเศรษฐกิจเชื่อว่านักลงทุนจะรับรู้จากข่าวสารที่ออกมาอยู่แล้ว แต่ในรายละเอียดเกี่ยวกับผลที่อาจจะกระทบกับบริษัทจดทะเบียนจากนโยบายในบางเรื่องเป็นสิ่งที่ต้องสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนให้นักลงทุนรับทราบต่อไป
"เราพร้อมที่จะเดินทางไปให้ข้อมูลนักลงทุนต่างชาติ แต่อยากให้มีตัวแทนจากภาครัฐร่วมเดินทางไปด้วย โดยสิ่งที่ต้องสร้างความชัดเจนคือผลกระทบในบางเรื่องที่อาจจะส่งผลต่อบริษัทจดทะเบียนที่นักลงทุนต่างชาติลงทุนอยู่"นางภัทรียากล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น