จากกรณี ผู้เชี่ยวชาญชาวสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่ข่าวในเว็บไซต์ เพื่อการต่อต้านการก่อการร้าย เมื่อวันที่ 14 ม.ค.51 ว่า ดาวเทียมไทยคมได้ให้สถานีโทรทัศน์ช่อง Al-Manar TV ซึ่งเป็นของเครือข่ายก่อการร้ายระดับโลก ถ่ายทอดข่าวสารถึงสมาชิกขบวนการทั่วโลก โดยใช้ช่องทางดังกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวนำเรื่องนี้ไปถาม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่ทราบ เพราะไทยคมเป็นบริษัทในภาคเอกชน ซึ่งไม่แน่ใจว่าในการดำเนินงานมีรายละเอียดอย่างไรบ่าง คงต้องรอกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็นผู้ชี้แจง
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่รัฐเป็นเจ้าของสัมปทาน จะมีการดำเนินการอะไรหรือไม่ เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวพันกับความมั่นคง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า " ผมยังตอบไม่ได้ในขณะนี้ว่า บริษัทเขาไปเซ็นต์สัญญาอย่างไร ทำความตกลงกันอย่างไร ส่วนจะให้รัฐบาลใช้อำนาจในการยุติสัญญานั้น เมื่อเป็นภาคเอกชนแล้วเราก็ต้องดูในเรื่องของสัญญา รัฐคงไม่ใช่อำนาจไปปิดบริษัทเอกชนในช่วงระยะเวลาที่ยังไม่มีการสืบสวนสอบสวนให้ชัดเจนได้ อีกทั้งรัฐบาลยังไม่มีข้อมูลก่อนหน้านี้"
เมื่อถามว่าช่วงที่ทางดาวเทียมไทยคมให้เช่าสัญญาณมีเหตุการณ์ก่อการร้ายเกิดขึ้นหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะยังไม่ทราบว่าเขาให้ใช้ช่องสัญญาณเป็นเรื่องของบริษัทเอกชน รัฐไม่สามารถเข้าไปควบคุม
เมื่อถามย้ำว่าในฐานะที่เป็นเจ้าของสัมปทาน พล.อ.สุรยุทธ์ รีบกล่าวตัดบทว่า อย่างที่เรียนว่า ต้องดูสัญญาว่าทำสัญญากันไว้อย่างไร ตกลงกันไว้อย่างไร เมื่อถามว่ารัฐบาลไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวแย้งว่า ทำได้ต่อเมื่อเรามีข้อมูลที่ชัดเจน ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าสัญญาเป็นอย่างไร ใครมาทำสัญญา นำช่องสัญญาณไปใช้ประโยชน์อย่างไร เรายังตอบโจทย์คำถามเหล่านี้ไม่ได้ จะไปให้สั่งไม่ให้เขาใช้หรือสั่งปิดคงทำไม่ได้ เมื่อถามว่าได้ข้อมูลมาจากสหรัฐฯ หรือยัง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่มี ยังไม่ได้รับ
**ไอซีทีแจงชินแซทฯปิดทีวีก่อการร้ายแล้ว
นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวง ไอซีที เปิดเผยถึงกระทรวงไอซีทีจะรายงานข้อเท็จจริง กรณีที่มีผู้เชี่ยวชาญอเมริกันระบุว่าดาวเทียมไทยคมของบริษัท ชินแซทเทลไลน์ จำกัด(มหาชน)ให้สถานีโทรทัศน์ช่อง Al-Manar TV ซึ่งเป็นของเครือข่ายก่อการร้ายระดับโลกถ่ายทอดข่าวสารถึงสมาชิกขบวนการทั่วโลก ต่อนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรักษาการ รมว.ไอซีที รับทราบว่า ขณะนี้ ชินแซทฯ ได้ดำเนินการปิดช่องสัญญาณไทยคม ที่ให้เผยแพร่ภาพผ่านช่อง Al-Manar TV ของเลบานอน เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้กระทรวงไอซีที ยังได้กำชับให้ ชินแซทฯ มีความเข้มงวดและเพิ่มความรอบคอบ สำหรับการเลือกให้บริการลูกค้ามากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ เช่นนี้เกิดขึ้นได้อีก "จะต้องสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่ชินแซท เปิดสัญญาแพร่ภาพให้กับให้สถานีโทรทัศน์เครือข่ายก่อการร้ายระดับโลกถ่ายทอดข่าวสารถึงสมาชิกขบวนการทั่วโลก ที่ขณะนี้ได้ถูกระงับแล้วให้กับรักษาการ รมว.ไอซีที รับทราบ โดยกระทรวงได้กำชับให้ ชินแซทฯ พิจารณาการเลือกรับลูกค้าให้รอบคอบมากขึ้น" นายสือกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานอวกาศ กระทรวงไอซีที ได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้ตนทราบว่า การให้บริการดังกล่าวเป็นการดำเนินการปกติของ ฝ่ายเซลล์กับลูกค้า โดยกรณีนี้ฝ่ายเซลล์ ของ ชินแซทฯ ได้รับการติดต่อจากลูกค้าเพื่อของใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคมให้บริการแพร่ภาพสถานีโทรทัศน์ และได้มีการเจรจาตกลงเริ่มทดสอบให้บริการ เป็นเวลา 1 เดือน แต่ชินแซทฯได้เปิดทดสอบให้บริการได้เพียง 3 วันตั้งแต่วันที่ 9-11ม.ค. 51 เนื่องจากพบว่าเป็นการเผยแพร่ข้อมูลข่าวของกลุ่มก่อการร้าย
ทั้งนี้การคัดสรรลูกค้าไทยคมของ ชินแซทฯ นั้นทางกระทรวงไอซีที จะไม่เข้าไปก้าวก่าย เพราะตามสัญญาร่วมการงานเป็นหน้าที่ของบริษัทฯ ที่จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งหมด และจะเป็นผู้คัดสรรความเหมาะสมของข้อมูลที่ใช้เผยแพร่ด้วย อย่างไรก็ดี ชินแซทฯระบุว่า ได้มีการตรวจสอบเนื้อหาของสถานีโทรทัศน์ที่แพร่ภาพผ่านดาวเทียมไทยคมอยู่ตลอดเวลา เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้มีการเผยแพร่ข่าวสารที่ไม่เหมาะสม
ด้านชินแซทฯ ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงเรื่องนี้ ว่า บริษัทฯ เพียงให้ช่องดังกล่าวเข้ามาทดสอบสัญญาณในช่วงระหว่างวันที่ 9-11 ม.ค. 51เท่านั้น และขอยืนยันว่าได้ดำเนินการยุติ และยกเลิกการทดสอบสัญญาณของช่อง Al-Manar TV ออกจากดาวเทียมไทยคมแล้ว เมื่อช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 11ม.ค.51 และได้แจ้งกับทาง Al-Manar TV แล้วว่า บริษัทฯ จะไม่ให้บริการแพร่ภาพส่งสัญญาณออกอากาศให้กับทางช่อง Al-Manar TV.
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ ชินแซทฯ มีข้อกล่าวหาว่า ใช้ดาวเทียมไทยคมดักฟังข้อมูลความมั่นคงของประเทศ โดยประเทศเพื่อนบ้าน โดยคณะมนตรีความมั่นคง หรือ คมช. โดยผู้ถือหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)บริษัทแม่ ชินแซทฯ คือ กองทุนเทมาเสก ของประเทศสิงคโปร์
**โยงมั่วอ้างแผนดิสเครดิตแม้ว
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดและข้อมูลในเรื่องนี้ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ขายดาวเทียมไทยคมพร้อมกับหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่นให้กับกองทุนเทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์ ตั้งแต่ปี 49 ดังนั้นรัฐบาลควรจะไปตรวจสอบรายละเอียดของดาวเทียมไทยคมว่า มีการเริ่มให้เช่าสัญญาณดังกล่าวเมื่อไร แต่มั่นใจว่าบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น คงไม่ทราบว่ากลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มก่อการร้าย เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่มีการอนุมัติให้เช่าสัญญาณแน่นอน
"ขอตั้งข้อสังเกตว่า กระแสข่าวดังกล่าวที่ออกมาในช่วงนี้ อาจเป็นการพยายามลดความน่าเชื่อถือและพยายามเชื่อมโยงกับพ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะกระทรวงไอซีที ที่มีกฎหมายและช่องทางการตรวจสอบอยู่ในมือมากมาย ควรเร่งตรวจสอบ ไม่ใช่มาประโคมข่าว ให้ประชาชนสับสน" นายนพดล กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวนำเรื่องนี้ไปถาม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่ทราบ เพราะไทยคมเป็นบริษัทในภาคเอกชน ซึ่งไม่แน่ใจว่าในการดำเนินงานมีรายละเอียดอย่างไรบ่าง คงต้องรอกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็นผู้ชี้แจง
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่รัฐเป็นเจ้าของสัมปทาน จะมีการดำเนินการอะไรหรือไม่ เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวพันกับความมั่นคง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า " ผมยังตอบไม่ได้ในขณะนี้ว่า บริษัทเขาไปเซ็นต์สัญญาอย่างไร ทำความตกลงกันอย่างไร ส่วนจะให้รัฐบาลใช้อำนาจในการยุติสัญญานั้น เมื่อเป็นภาคเอกชนแล้วเราก็ต้องดูในเรื่องของสัญญา รัฐคงไม่ใช่อำนาจไปปิดบริษัทเอกชนในช่วงระยะเวลาที่ยังไม่มีการสืบสวนสอบสวนให้ชัดเจนได้ อีกทั้งรัฐบาลยังไม่มีข้อมูลก่อนหน้านี้"
เมื่อถามว่าช่วงที่ทางดาวเทียมไทยคมให้เช่าสัญญาณมีเหตุการณ์ก่อการร้ายเกิดขึ้นหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะยังไม่ทราบว่าเขาให้ใช้ช่องสัญญาณเป็นเรื่องของบริษัทเอกชน รัฐไม่สามารถเข้าไปควบคุม
เมื่อถามย้ำว่าในฐานะที่เป็นเจ้าของสัมปทาน พล.อ.สุรยุทธ์ รีบกล่าวตัดบทว่า อย่างที่เรียนว่า ต้องดูสัญญาว่าทำสัญญากันไว้อย่างไร ตกลงกันไว้อย่างไร เมื่อถามว่ารัฐบาลไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวแย้งว่า ทำได้ต่อเมื่อเรามีข้อมูลที่ชัดเจน ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าสัญญาเป็นอย่างไร ใครมาทำสัญญา นำช่องสัญญาณไปใช้ประโยชน์อย่างไร เรายังตอบโจทย์คำถามเหล่านี้ไม่ได้ จะไปให้สั่งไม่ให้เขาใช้หรือสั่งปิดคงทำไม่ได้ เมื่อถามว่าได้ข้อมูลมาจากสหรัฐฯ หรือยัง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่มี ยังไม่ได้รับ
**ไอซีทีแจงชินแซทฯปิดทีวีก่อการร้ายแล้ว
นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวง ไอซีที เปิดเผยถึงกระทรวงไอซีทีจะรายงานข้อเท็จจริง กรณีที่มีผู้เชี่ยวชาญอเมริกันระบุว่าดาวเทียมไทยคมของบริษัท ชินแซทเทลไลน์ จำกัด(มหาชน)ให้สถานีโทรทัศน์ช่อง Al-Manar TV ซึ่งเป็นของเครือข่ายก่อการร้ายระดับโลกถ่ายทอดข่าวสารถึงสมาชิกขบวนการทั่วโลก ต่อนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรักษาการ รมว.ไอซีที รับทราบว่า ขณะนี้ ชินแซทฯ ได้ดำเนินการปิดช่องสัญญาณไทยคม ที่ให้เผยแพร่ภาพผ่านช่อง Al-Manar TV ของเลบานอน เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้กระทรวงไอซีที ยังได้กำชับให้ ชินแซทฯ มีความเข้มงวดและเพิ่มความรอบคอบ สำหรับการเลือกให้บริการลูกค้ามากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ เช่นนี้เกิดขึ้นได้อีก "จะต้องสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่ชินแซท เปิดสัญญาแพร่ภาพให้กับให้สถานีโทรทัศน์เครือข่ายก่อการร้ายระดับโลกถ่ายทอดข่าวสารถึงสมาชิกขบวนการทั่วโลก ที่ขณะนี้ได้ถูกระงับแล้วให้กับรักษาการ รมว.ไอซีที รับทราบ โดยกระทรวงได้กำชับให้ ชินแซทฯ พิจารณาการเลือกรับลูกค้าให้รอบคอบมากขึ้น" นายสือกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานอวกาศ กระทรวงไอซีที ได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้ตนทราบว่า การให้บริการดังกล่าวเป็นการดำเนินการปกติของ ฝ่ายเซลล์กับลูกค้า โดยกรณีนี้ฝ่ายเซลล์ ของ ชินแซทฯ ได้รับการติดต่อจากลูกค้าเพื่อของใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคมให้บริการแพร่ภาพสถานีโทรทัศน์ และได้มีการเจรจาตกลงเริ่มทดสอบให้บริการ เป็นเวลา 1 เดือน แต่ชินแซทฯได้เปิดทดสอบให้บริการได้เพียง 3 วันตั้งแต่วันที่ 9-11ม.ค. 51 เนื่องจากพบว่าเป็นการเผยแพร่ข้อมูลข่าวของกลุ่มก่อการร้าย
ทั้งนี้การคัดสรรลูกค้าไทยคมของ ชินแซทฯ นั้นทางกระทรวงไอซีที จะไม่เข้าไปก้าวก่าย เพราะตามสัญญาร่วมการงานเป็นหน้าที่ของบริษัทฯ ที่จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งหมด และจะเป็นผู้คัดสรรความเหมาะสมของข้อมูลที่ใช้เผยแพร่ด้วย อย่างไรก็ดี ชินแซทฯระบุว่า ได้มีการตรวจสอบเนื้อหาของสถานีโทรทัศน์ที่แพร่ภาพผ่านดาวเทียมไทยคมอยู่ตลอดเวลา เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้มีการเผยแพร่ข่าวสารที่ไม่เหมาะสม
ด้านชินแซทฯ ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงเรื่องนี้ ว่า บริษัทฯ เพียงให้ช่องดังกล่าวเข้ามาทดสอบสัญญาณในช่วงระหว่างวันที่ 9-11 ม.ค. 51เท่านั้น และขอยืนยันว่าได้ดำเนินการยุติ และยกเลิกการทดสอบสัญญาณของช่อง Al-Manar TV ออกจากดาวเทียมไทยคมแล้ว เมื่อช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 11ม.ค.51 และได้แจ้งกับทาง Al-Manar TV แล้วว่า บริษัทฯ จะไม่ให้บริการแพร่ภาพส่งสัญญาณออกอากาศให้กับทางช่อง Al-Manar TV.
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ ชินแซทฯ มีข้อกล่าวหาว่า ใช้ดาวเทียมไทยคมดักฟังข้อมูลความมั่นคงของประเทศ โดยประเทศเพื่อนบ้าน โดยคณะมนตรีความมั่นคง หรือ คมช. โดยผู้ถือหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)บริษัทแม่ ชินแซทฯ คือ กองทุนเทมาเสก ของประเทศสิงคโปร์
**โยงมั่วอ้างแผนดิสเครดิตแม้ว
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดและข้อมูลในเรื่องนี้ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ขายดาวเทียมไทยคมพร้อมกับหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่นให้กับกองทุนเทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์ ตั้งแต่ปี 49 ดังนั้นรัฐบาลควรจะไปตรวจสอบรายละเอียดของดาวเทียมไทยคมว่า มีการเริ่มให้เช่าสัญญาณดังกล่าวเมื่อไร แต่มั่นใจว่าบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น คงไม่ทราบว่ากลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มก่อการร้าย เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่มีการอนุมัติให้เช่าสัญญาณแน่นอน
"ขอตั้งข้อสังเกตว่า กระแสข่าวดังกล่าวที่ออกมาในช่วงนี้ อาจเป็นการพยายามลดความน่าเชื่อถือและพยายามเชื่อมโยงกับพ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะกระทรวงไอซีที ที่มีกฎหมายและช่องทางการตรวจสอบอยู่ในมือมากมาย ควรเร่งตรวจสอบ ไม่ใช่มาประโคมข่าว ให้ประชาชนสับสน" นายนพดล กล่าว
