xs
xsm
sm
md
lg

ชท.ชี้ถูกขู่จึงถอนคำร้องซัด กกต.ช้า-2 มาตรฐาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“บรรหาร” ยันลูกทีมถอนคำร้องคัดค้าน “ยุทธ ตู้เย็น” ไม่เกี่ยวฮั้วร่วมรัฐบาล ขณะที่หัวหน้าทีมเชียงราย ระบุ “วิจิตร” ถูกคุกคามเพื่อกดดันให้ถอนคำร้อง หลัง กกต.ตั้งอนุกก.ชุดใหม่สอบ ซัดทำงานเฉื่อย 2 มาตรฐาน ด้าน กกต.โยน กก.สอบสวนทุจริตเชียงรายชี้ขาดสมควรให้ถอนคำร้องหรือไม่ “สุเมธ-ประพันธ์” เปรยแม้ “วิจิตร” ถอนคำร้อง กกต.มีสิทธิสอบสวนต่อได้หากพยานหลักฐานชัดว่าทุจริตเลือกตั้ง “ยุทธ ตู้เย็น” เผยหลังดูวีซีดีอ้างจัดฉากชัด ยุให้สอบต่ออ้างไม่อยากเป็น ส.ส.สีเทา ปชป.ข้องใจ ชท.ถอนคำร้อง อาจมีมือสกปรกสั่ง ขู่ กกต.หยุดดำเนินการไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (15 ม.ค.) นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เดินทางเข้าที่ทำการพรรคชาติไทย โดยระหว่างที่จะเดินทางกลับได้หันมาทักทายผู้สื่อข่าวอย่างอารมย์ดีว่า “ถ้ายังไม่แวะมาหาก็เหมือนยังไม่ได้กินข้าว” พร้อมถามผู้สื่อข่าวว่าเป็นอย่างไรบ้างพวกเราสบายดีหรือเปล่า

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีที่นายวิจิตร ยอดสุวรรณ อดีตผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย เขต 3 พรรคชาติไทย ที่ได้ยื่นคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ต่อมาได้ถอนคำร้องถือเป็นการฮั้วกับพรรคพลังประชาชนหรือไม่เพราะจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยกันว่า “โอ๊ย มันไม่มีหรอก ไปเอามาจากไหน อย่างเรื่องการแบ่งขั้วตามกลุ่มต่างๆอีกมันก็ไม่เป็นความจริง ผมก็เข้าใจว่าพวกคุณ เป็นนักข่าว ต้องการขายข่าวก็มีจริงบ้างเท็จบ้างเป็นเรื่องธรรมดา”

ด้าน นายนิกร จำนง ในฐานะผู้อำนวยการพรรคชาติไทย กล่าวว่า การร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งและการถอนคำร้องของนายวิจิตร ยอดสุวรรณ เป็นเรื่องเฉพาะตัวของผู้สมัคร ซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ของพรรคชาติไทยที่ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคชาติไทย เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2550 ที่ผ่านมา ก่อนการเลือกตั้งไม่ถึงสองเดือน ดังนั้นทางพรรคจึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ทางพรรคได้ติดต่อไปยังผู้ประสานงานภาคเหนือเพื่อดำเนินการสอบถามและติดต่อให้นายวิจิตรมาชี้แจงว่าเหตุผลใดจึงยื่นและถอนเรื่องดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ทางพรรคพยายามติดต่อนายจิตรแต่ก็ยังติดต่อไม่ได้

ส่วนที่มีการมองกันว่าที่มีการถอนคำร้องเช่นนี้เพราะมีการฮั้วกันเพราะพรรคชาติไทยกำลังจะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนนั้น นายนิกร กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน แต่ก็สามารถมองได้ แต่พรรคชาติไทยขอปฏิเสธว่าไม่เคยสั่งการให้มีการยื่นหรือถอนคำร้องดังกล่าว และตนก็ไม่เคยเห็นหน้านายวิจิตรด้วยซ้ำ และขอยืนยันเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวถามว่า แบบนี้เหมือนพรรคชาติไทยปฏิเสธความรับผิดชอบหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า สามารถเข้าใจได้ แต่เราได้ชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่า เราไม่ทราบเรื่องและไม่เคยรู้เห็นเป็นใจ ส่วนการที่นายวิจิตรเป็นสมาชิกพรรค เราก็คงไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ

ส่วนที่มองกันว่านายวิจิตรได้ท่อน้ำเลี้ยงจึงถอนคำร้อง นายนิกร กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ แต่เป็นประเด็นที่ต้องตรวจสอบต่อไป ทางพรรคชาติไทยก็ให้ผู้ประสานงานทางภาคเหนือตรวจสอบในประเด็นนี้อยู่

อ้าง“วิจิตร”ถูกขู่หนักจึงถอดใจ

ด้าน นายมณฑล สุทธาธนโชติ หรือนายมงคล จงสุทธนามณี อดีตผู้สมัครส.ส. เชียงราย เขต 2 พรรคชาติไทย หัวหน้าทีมจ.เชียงราย กล่าวว่า อยากขอความเป็นธรรมให้กับนายวิจิตร และชี้แจงให้ผู้ใหญ่ในพรรคชาติไทยได้รับทราบว่า นายวิจิตรและครอบครัวถูกกดดันอย่างไร เรื่องนี้ร้องตั้งนานแล้วและคิดว่า กกต.จะชี้ขาดก่อนการเลือกตั้ง เพราะมีพยานหลักฐานเพียงพอ แต่ปรากฏว่า กกต.สอบสวนไปเรื่อยๆ แต่หลังเลือกตั้งทางครอบครัวของนายวิจิตรถูกกดดันรุนแรงให้ไปถอนคำร้อง ซึ่งผู้ใหญ่ในพรรค ก็โทรศัพท์มาบอกว่าอย่าถอนเพราะเป็นคดีแล้วต้องไปตามขั้นตอน

นายมณฑล กล่าวว่า จนเมื่อวันที่ 11 ม.ค. กกต.ได้ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ ขึ้นมาสอบสวน ซึ่งผิดกับจังหวัดอื่นที่ให้ใบเลือง ใบแดงได้เลย ดังนั้นเมื่อต้องสอบสวนกันใหม่ทำให้นายวิจิตรถอดใจ และทำให้ชาวเชียงรายมองว่า กกต.ทำงาน 2 มาตรฐาน กลายเป็นแรงกดดันกับนายวิจิตร และครอบครัว ทำให้พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคเหนือ ก็บอกว่าถ้าไม่สบายใจถอนก็ได้ ยืนยันว่าไม่มีผู้ใหญ่ในพรรคสั่งการให้ถอนเด็ดขาด และไม่เชื่อว่าคนระดับนายวิจิตร ซึ่งเป็นด็อกเตอร์ของแท้ไม่ใช่ด็อกเตอร์ห้องแถวจะรับเงินใครมาเพื่อถอนเรื่องออก

“ผมจึงมาชี้แจงขอความเป็นธรรมให้กับพรรคชาติไทยที่ว่ามีการฮั้วกันอะไรกันไม่จริง แต่ภรรยาของนายวิจิตรเป็นข้าราชการ ไม่อยากเผชิญกับอิทธิการข่มขู่ มารดา อายุ 84 ปี ลูกก็ยังเล็ก ครอบครัวลำบากมากและไม่สบายใจ โดยเฉพาะเชียงราย อยู่ติดชายแดน แต่ผมรับรองได้ว่านายวิจิตรไม่ได้รับผลประโยชน์หรือเรื่องเงินทอง เข้ามาเกี่ยวข้อง หรือผู้ใหญ่ในพรรคไม่มีใครขอร้อง จึงเหลือเพียงประเด็นอิทธิพลข่มขู่ แต่อย่าให้พูดเลยว่าเป็นใคร” นายมณฑล กล่าว

ให้อนุฯ ตัดสินถอนคดี“ยุทธตู้เย็น”หรือไม่

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. กล่าวภายหลังการประชุมกกต. กรณีที่นายวิจิตร ยอดสุวรรณ ยื่นถอนคำร้องคัดค้าน นายยงยุทธ ว่าที่ประชุมมีมติ ให้คณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนที่มีนายสุวิทย์ ธีระพงษ์ เป็นประธาน เป็นผู้พิจารณาว่าควรให้ถอนเรื่องหรือไม่ เพราะเรื่องดังกล่าว กกต. ได้รับเป็นเรื่องร้องคัดค้านและเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนแล้ว อย่างไรก็ตามระเบียบสืบสวน สอบสวนของ กกต. ข้อ 42 อนุญาตให้มีการถอนเรื่องคัดค้านได้ อย่างไรก็ตาม กกต. ต้องนำความเห็นของคณะอนุกรรมการฯเข้าพิจารณา และ กกต. ก็สามารถที่จะอนุญาตให้ถอนหรือไม่ถอนก็ได้

ส่วนการถอนคำร้องคัดค้าน กกต.จะแจ้งความกลับนายวิจิตรฐานแจ้งเท็จ หรือไม่ นายสุทธิพลกล่าวว่า จำไม่ได้และเราต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆว่า เข้าข่ายตามกฎหมายอาญาว่าด้วยเรื่องแจ้งความเท็จ หรือไม่ ส่วนถ้าถอนคำร้องคัดค้าน ใครจะรับผิดชอบกับค่าใช้จ่ายในคดีที่กกต.ต้องเสียไป นายสุทธิพล กล่าวว่า หากคิดอย่างนั้นก็คงไม่สามารถถอนคดีต่างๆได้ และเรื่องนี้ก็มีระเบียบที่ให้อำนาจรับรองการถอนเรื่องเอาไว้เช่นกัน

สำหรับกรณีที่กกต.มีมติให้เลขาธิการกกต.ดำเนินการกรณีหนังสือร้องเรียน ของนายวีระ สมความคิด ขอให้สอบเกี่ยวกับสำนวนทุจริตเชียงรายรั่วไหลนั้น นายสุทธิพล กล่าวว่า ยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของสำนักกฎหมายและคดีที่จะพิจารณาว่า ควรดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะเรื่องดังกล่าวอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับตัว กกต. หากเป็นแค่เพียงระดับเจ้าหน้าที่ ก็สามารถตั้งคนในสำนักงานกกต. มาเป็นคณะกรรมการสอบได้

“ยุทธตู้เย็น”ดูวีซีดีแล้วยันจัดฉาก

วันเดียวกันนายยงยุทธ ว่าที่ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 1 ได้เดินทางมายังกกต. เพื่อขอดู วีซีดีหลักฐานกล่าวหาทุจริตการเลือกตั้งในพื้นที่เชียงราย โดยนายยงยุทธ กล่าวว่า แม้นายวิจิตร จะถอนคำร้องคัดค้านไปแล้ว แต่เรื่องนี้ถือเป็นความเสียหาย ที่ตนต้องการทำให้ชัดเจนจึงอยากให้กกต.ดำเนินการต่อ ทั้งนี้ทราบว่าหลักฐาน ที่เป็นวีซีดีมี 2 แผ่น แต่ขณะนี้กลับมี 8 แผ่นจึงต้องการดูให้หมดด้วย เพราะเห็นมีการ เผยแพร่ข่าวทาง ASTV จึงต้องการดูว่ามีการตัดต่อกันอย่างไร

“ผมต้องการให้พิสูจน์เรื่องนี้ให้ชัด ไม่ว่าผลที่ออกมาผมจะได้ใบเหลือง หรือใบแดง แต่ไม่ต้องการเป็นส.ส.สีเทา”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายยงยุทธ ดูวีซีดีอยู่ และได้ออกมาเข้าห้องน้ำ ก็กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ได้ดูวีซีดีทั้งหมดแล้ว ยังเหลืออีก 20 % เท่าที่ดูไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ทีมเทคนิคเชี่ยวชาญด้านภาพ เชื่อว่าเป็นการจัดฉาก มีขวบนการแน่นอน เพราะมีหลายช่วงที่น่าสงสัย จึงจะหารือกับทีมทนายความว่าจะฟ้องร้องกลับและจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

กกต.ชี้หลักฐานชัดฟัน“ยุทธตู้เย็น”ได้

นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวว่า หาก กกต.เห็นว่า เรื่องดังกล่าวมีพยานหลักฐานอาจจะไม่ให้ถอนก็ได้ หรือแม้แต่ไม่มีคนร้องคัดค้านหาก กกต.เห็นว่าคดีมีมูลก็สามารถตั้งเรื่องเป็นเรื่องคัดค้านเองได้

ส่วนคดีของนายยงยุทธ กกต.จะประกาศรับรองไปก่อนหรือไม่ นายประพันธ์ กล่าวว่า ต้องหารือในที่ประชุมก่อนว่า สำนวนจะเสร็จทันหรือไม่แต่คาดว่าวันที่ 17 ม.ค.คงจะรู้ผล เพราะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะพิจารณาสำนวน

นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวว่า คงต้องดูรายละเอียดว่า การถอนคำร้องของนายวิจิตร เช่นนี้ผลจะเป็นอย่างไร ซึ่งตามปกติคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าวต้องพิจารณาเหตุผลว่า การถอนเรื่องเป็นเพราะอะไรและจะให้ถอนหรือไม่

“ตามปกติถ้าเป็นคดีอาญาความผิดส่วนตัวศาลอนุญาตให้ถอนได้ แต่ถ้าเป็น อาญาแผ่นดินศาลไม่อนุญาตให้ถอน อย่างไรก็ตามคงให้ที่ประชุม กกต. พิจารณาอีกครั้ง แต่เชื่อว่าฝ่ายสอบสวนก็คงต้องนำเรื่องนี้มาประกอบการพิจารณา ส่วนกรณีที่ผู้สมัครพรรคชาติไทยอ้างเหตุผลการถอนคำร้อง เพราะเรื่องความสมานฉันท์ในการจับขั้วรัฐบาลนั้น กกต.คงต้องนำเหตุผลดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาด้วย”

ส่วนการอ้างเรื่องความสมานฉันท์เพียงพอต่อการพิจารณาถอนได้หรือไม่นั้น นายสุเมธ กล่าวว่า อย่าลืมว่า เรื่องนี้พิจารณาเกือบเสร็จแล้ว เหลือเพียงการสอบพยาน อีก 1 ปากเท่านั้น ส่วนตัวแล้วไม่ลำบากใจ แต่ต้องฟังความเห็นของ กกต.คนอื่น ด้วยว่า มีความเห็นอย่างไร ต้องแล้วแต่ที่ประชุม กกต.และคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน ที่มีนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธานไปสอบสวนฯ แล้ว

ติง พปช.อย่าดูถูกตำรวจสันติบาล

ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท. กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ยื่นเรื่องให้ กกต. ย้ายตำรวจสันติบาล 708 นาย ที่เข้ามาตรวจสอบกรณีทุจริตเลือกตั้งกลับต้นสังกัดนั้น นายสุเมธ กล่าวว่า กรณีร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่จ.เชียงราย ทางตำรวจ ในพื้นที่ได้คืนสำนวนทางตำรวจสันติบาลจึงรับทำ เรื่องนี้ต้องเข้าใจด้วยว่า ไม่มีใคร อยากทำ ดังนั้นอย่ามองคนในแง่ร้าย ใครไม่ดีก็น่าจะไปว่าคนนั้น ตนเชื่อมั่นว่าตำรวจสันติบาลทุกคนรักบ้านเมือง อย่ามองในแง่ร้าย การร้องให้ย้ายกลับต้นสังกัด ต้องดูเหตุผลว่าใครเป็นกลาง อย่าดูถูกสันติบาลทั้ง 708 คนว่าไม่รักประเทศ

"เทพเทือก"ยันถอนคำร้องไม่มีผล

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าตนไม่ขอวิจารณ์ กรณีนายวิจิตร ยอดสุวรรณ ถอนคำร้องคัดค้านนายยงยุทธ ฐานทุจิริตเลือกตั้งว่า มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไร เพราะเราไม่รู้เจตนาจริงของเขา แต่ขอวิจารณ์ในแง่ข้อ กฎหมายว่า การที่ผู้ร้องคือผู้สมัครของพรรคชาติไทยถอนคำฟ้องนั้น ตนคิดว่า ไม่มีผลทางกฎหมาย ซึ่งตามกฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส.และส.ว.ระบุไว้ว่าถ้ามีพยานหลักฐานอันน่าเชื่อถือได้ปรากฎต่อ กกต.ว่ามีการทำทุจริตต่อการเลือกตั้ง กกต.สั่งการ ให้สอบสวนดำเนินคดีได้ ซึ่งเรื่องนี้ได้ประจักษ์ชัดต่อ กกต.กลางแล้ว เพราะกกต. ได้พิจารณาเรื่องนี้หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขณะนั้นเป็นอนุกรรมการสอบสวนของ กกต.ได้นำคดีนี้ไปเสนอ และกกต.ได้รับว่าคดีมีมูลแล้ว ดังนั้น ถ้า กกต.สั่งจำหน่ายคดีนี้ ก็อาจจะถูกฟ้องร้องได้ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้กกต. ชุดนี้จะซ้ำรอยชุดเก่าที่ถูกจำคุก

เตือน กกต.ระวังเป็นผู้ต้องหาเสียเอง

เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่กกต.สั่งให้ตั้งอนุกรรมการใหม่ ขึ้นมาสอบแทนหรือการเลื่อนเวลาของการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องนี้ออกไปนั้น ถ้ากกต. ไม่ระมัดระวัง ก็จะกลายเป็นผู้ต้องหาเสียเอง เพราะกฎหมายบอกว่าต้องวินิจฉัยโดยพลัน แต่เมื่อมีหลักฐานครบ เอกสาร และพยานครบ แต่กกต.ไม่วินิจฉัยโดยพลัน ก็จะมีความผิด ถ้ามีผู้ร้องเอาผิด กกต.

ส่วนความคืบหน้าในการนัดพูดคุยกับพรรคชาติไทยนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เราพยายามนัดหมายพูดคุยกัน เมื่อถึงจังหวะที่สมควร เพราะเคยร่วมงานกันมา เราต้องมาคุยกันว่าการเมืองในวันข้างหน้ากำลังมีปัญหา แต่ละพรรคจะมีจุดยืน อย่างไร จะร่วมมือกันแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองอย่างไร ไม่ได้คิดว่าทำเพื่อรั้งพรรคชาติไทยไว้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พรรคชาติไทยยังไม่ได้ตอบกลับมา

ปชป.จับตาใกล้ชิดคดี“ยุทธตู้เย็น”โกง

ด้าน นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธาน คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรค กล่าวว่า การที่ผู้สมัครของพรรคชาติไทยถอนฟ้อง นายยงยุทธ ถ้ามองในแง่การเมือง ถือว่ามีความผิดปกติ ซึ่งอาจมีการใช้อำนาจ หรือมีมือสกปรกที่มีอำนาจเข้ามาดำเนินการ ส่วนในแง่ของข้อกฎหมายและระเบียบ ของกกต.นั้น การถอนฟ้องจะไม่ทำให้ กกต.ต้องหยุดดำเนินการสอบสวนในเรื่องนี้ เพราะกกต.เคยมีการสอบสวน และมีการตั้งพนักงานขึ้นมาสอบสวนเกือบครบสมบูรณ์ แล้ว แม้จะมีการตั้งอนุกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาแทน ก็ไม่สามารถล้มกระดานนี้ได้ เพราะถ้าไม่ทำต่อ เท่ากับว่ากกต.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อาจจะติดคุกได้

ส่วนการตั้งอนุกรรมการสอบขึ้นมาใหม่นั้น น่าสังเกตว่า ทำไมต้องทำตามที่ นายยงยุทธร้องขอ จึงขอให้ กกต.สอบสวนเรื่อนี้ด้วยว่าการถอนฟ้องครั้งนี้มีเหตุผลอะไร เพื่อให้สาธารณชนรับรู้ เพราะ กกต.ไม่ใช่มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งตามปกติเท่านั้น

ทั้งนี้ เราจะติดตามว่ากกต.จะทำตามนายยุงยุทธหรือไม่และจะติดตามคดี ของนายยงยุทธว่ามีการสอบสวน การคุ้มครองพยาน และการซื้อตัวพยานหรือไม่ เพราะการเมืองตอนนี้มีการใช้อำนาจ 2 ทางคือใช้อำนาจกับใช้เงิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บุคคลระดับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ กำลังมีความสงสัยว่า เหตุใดจู่ ๆ คนของพรรคชาติไทยที่เป็นผู้ยื่นคำร้องคัดค้านนายยงยุทธ ติยะไพรัช กลับขอถอนคำร้องคัดค้านขึ้นมาเฉย ๆ หรืออาจมีความผิดปกติอะไรบางอย่างที่ทำให้เป็นเช่นนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น