xs
xsm
sm
md
lg

ในหลวง-ราชินีเสด็จฯ 16-17 ม.ค.บำเพ็ญพระราชกุศลพระพี่นาง15วัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จฯ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุประทาน 15 วัน “สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ 16-17 ม.ค.นี้ ด้าน นอ.อาวุธเผยทีมงานออกแบบพระเมรุกำลังเร่งวันเร่งคืนแบบแปลนพิมพ์เขียวที่จะใช้ในการจัดสร้าง พร้อมเตรียมทำรายละเอียดพระเมรุ พระราชยาน และพระราชพิธีขบวนเคลื่อนพระศพ ลงในเว็บไซต์ ขณะที่กรมศิลปากรระบุทุกภาคส่วนแสดงเจตจำนงที่จะขอเข้ามามีส่วนร่วมเป็นจำนวนมาก ส่วนพสกนิกรทุกหมู่เหล่ายังคงเดินทางมาถวายสักการะเป็นจำนวนมาก

วานนี้(13 ม.ค.) สำนักพระราชวังได้ออกหมายกำหนดการว่า ในสัตตมวารที่ 2 หรือสัปดาห์ที่ 2 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ จะเสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวันพระสัตตมวาร หรือ ทักษิณานุประทาน 15 วัน พระราชทานพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตามลำดับ ดังนี้

วันพุธที่ 16 มกราคม 2551 เวลา 17.00 น. พระสงฆ์ 10 รูป สวดพระพุทธมนต์ จบ มีพระธรรมเทศนากัณฑ์หนึ่ง พระ 4 รูป สวดธรรมคาถา พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม

ส่วนวันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม 2551 เวลา 10.30 น. พระสงฆ์ 10 รูป ที่สวดพระพุทธมนต์แต่วันก่อน ถวายพรพระ รับพระราชทานฉัน พระสงฆ์ 84 รูป สดับปกรณ์

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 17 มกราคม สำนักพระราชวัง จะเปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ในเวลา 14.00 - 16.00 น.

**พระบรมฯ-พระเทพฯ เสด็จบำเพ็ญพระราชกุศล
เมื่อเวลา 10.59 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงประกอบพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรมจากวัดอนงคาราม และวัดระฆังโฆษิตาราม

ทั้งนี้ ในขณะที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร ทรงประกอบพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และถวายภัตตาหารเพล ทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประชาชนที่มาเฝ้าคอยสักการะพระศพ ได้มีโอกาสขึ้นไปสักการะพระศพครั้งละ 20 คน ด้วยพระองค์ท่านเห็นว่าบรรยากาศรอบนอกนั้นร้อนมาก สร้างความปลื้มปีติให้กับพสกนิกรที่มีโอกาสได้เข้าไปสักการะพระศพเป็นอย่างมาก เพราะมีโอกาสได้ชื่นชมพระบารมีของพระองค์อย่างใกล้ชิด

ส่วนช่วงเช้า เวลา 06.57 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงประกอบพิธีถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์จำนวน 8 รูป จาก วัดสุทัศนเทพวราราม และวัดประยูรวงศาวาส

สำหรับช่วงค่ำ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พร้อมด้วยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จพระราชดำเนินมายัง พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ในการทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสดับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยมีพระสงฆ์จากวัดวัดสุทัศนเทพวราราม และวัดประยูรวงศาวาสเป็นผู้สวดพระพิธีธรรม

**กทม.พร้อมกันพท.สร้างพระเมรุ
ในส่วนของกรุงเทพมหานคร นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.ได้สั่งการกางเต้นท์ จำนวน 4 เต้นท์ ณ บริเวณท้องสนามหลวง เพื่อเป็นจุดพักเหนื่อยให้แก่ประชาชนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อมาถวายสักการะพระศพ และร่วมมือกับ องค์กร,มูลนิธิ เปิดโรงทาน บริการอาหารและน้ำดื่มให้แก่ประชาชนจำนวน 3 มื้อ และยังร่วมมือกับ สำนักงานเทศกิจ และสถานีตำรวจชนะสงคราม เพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชน

ทั้งนี้ นายอภิรักษ์ได้ขอความร่วมมือมายังประชาชนที่จะเดินทางมาถวายสักการะพระศพว่า อยากให้เดินทางมาเป็นหมู่คณะ หรือถ้าเดินทางมาคนเดียวให้เดินทางโดยใช้รถโดยสารประจำทาง เพื่อป้องกันการจราจรติดขัด

สำหรับความคืบหน้าเรื่องการเตรียมสถานที่บริเวณท้องสนามหลวง เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการจัดสร้างพระเมรุ นายอภิรักษ์กล่าวว่า กทม.ได้จัดตั้งอนุกรรมการอำนวยการขึ้นมา 2 ชุด เพื่อประสานงานในด้านต่างๆ หากได้รับข้อสรุปที่จัดเจนในการจัดสร้างพระเมรุ กทม.จะทำการกันพื้นที่บริเวณจัดสร้าง และเร่งทำความสะอาดให้เรียบร้อย

**เปิดประตูวิมานเทเวศร์รับคลื่นมหาชน

เนื่องจากวานนี้(13 ม.ค.) มีประชาชนหลั่งไหลเดินทางมาถวายสักการะพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังอย่างเนืองแน่น สำนักพระราชวังจึงต้องปรับทางเข้า -ออก โดยให้ประชาชนสามารถเข้ามาภายในพระบรมมหาราชวัง ทางประตูวิมานเทเวศร์ แทนประตูวิเศษไชยศรี เป็นการชั่วคราว จากนั้นให้ต่อแถวบริเวณสนามหญ้าหน้าศาลาสหทัยสมาคม โดยจัดเป็นกลุ่มๆ ละ 100 คน แล้วทยอยเข้าถวายสักการะพระศพ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากนี้ ทางสำนักพระราชวัง ยังได้จัดหน่วยแพทย์ -พยาบาล ตามจุดต่างๆ เพื่อคอยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับประชาชนด้วย

คณะจากสมาคมสโมสรลูกเสือวิสามัญแห่งประเทศไทย ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชสุดา สิริโสภาพรรณวดี จำนวน 15 คน นำทีมโดย นายศุภโชค เกษมจิต นายกสมาคมฯ ซึ่งเดินทางมาถวายสักการะพระศพกล่าวว่า ตนมีโอกาสเข้าเฝ้า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ มาแล้ว 2 ครั้ง ในงานสโมสรลูกเสือของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงมีรับสั่งว่า “อยากให้ทุกคนสร้างเยาวชนให้แข็งแกร่ง เพื่อเป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไป”

ด้านดารา นักแสดง นีโน่ - นายเมทนี บูรณะศิริ และภรรยา กล่าวแสดงความรู้สึกภายหลังเข้าถวายสักการะพระศพว่า เหตุการณ์สิ้นพระชนม์ในครั้งนี้ ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ไม่เพียงแต่ระดับประเทศ แต่เป็นการสูญเสียบุคคลสำคัญของโลกก็ว่าได้

ส่วนตัวเคยมีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่ยังไม่เคยสนทนากับพระองค์ท่าน เพราะรู้สึกกลัว แต่ก็ประทับใจและสามารถรับรู้ได้ว่าพระองค์ท่านทรงให้ความเป็นกันเองกับข้าราชบริพารทุกคน ซึ่งอยากให้ประชาชนทุกคนนำพระจริยวัตรของพระองค์ท่านไปเป็นแบบอย่างในการปรับใช้กับชีวิตของตนเอง แม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่ง ก็สามารถทำให้ประเทศชาติสงบสุขได้

นายนิวัตน์ วัฒนเวศวิทย์ ประธานองค์การบริหารส่วนตำบล ต.แม่นางวาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ นำชาวบ้านจำนวน 200 คน พร้อมชาวไทยภูเขาเผ่าลาหู่ จำนวน 30 ร้อยคน เดินทางจากมาถวายสักการะพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ

นางอรทัย จะทอ ตัวแทนชาวไทยภูเขาเผ่าลาหู่ กล่าวว่า รู้สึกซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เพราะตลอดมาพระองค์ท่านทรงงานเคียงข้าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อประเทศชาติ ประชาชน รวมถึงชาวไทยภูเขา

นางสุจิตรา พูนพิระยะพงษ์ วัย 41 ปี หญิงสาวร่างเล็ก ชาวนนทบุรี ที่อุ้มลูกสาววัย 4 ขวบซึ่งป่วยเป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่มาอย่างทุกลักทุเล กล่าวว่า อยากพาลูกสาวมากราบพระศพเพื่อขอพรให้หายจากอาการป่วย และบอกว่าพระจริยวัตรอันงดงามของพระองค์ เป็นแรงบันดาลใจให้ตนมีกำลังใจดูแลลูกสาวที่ป่วยอยู่อย่างไม่ท้อแท้ เหมือนอย่างที่พระองค์ท่านก็ทรงไม่เคยย่อท้อในการช่วยเหลือประชาชน

**ยอดลงนามวานนี้ 2.5 หมื่นคน
สำหรับยอดผู้ที่เข้าถวายสักการะพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง วานนี้ (13 ม.ค.)ในเวลา 16.00 น. มีจำนวน 25,974 คน พวงมาลา 17 พวง ส่วนยอดรวมตลอด 4 วัน ที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 78,866 คน

**เร่งพิมพ์เขียวพระเมรุ
นอ.อาวุธ เงินชูกลิ่น อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ประธานคณะทำงานออกแบบพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เปิดเผยว่า ประชาชนจำนวนมากสนใจอยากทราบรายละเอียดสถาปัตยกรรมไทยพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ แต่ละชั้นมีชื่อเรียกและมีความหมายอย่างไรบ้าง เพราะที่ผ่านมาแบบร่างบอกเพียงว่าเป็นสถาปัตยกรรมไทยยอดปราสาท ขณะนี้เท่าที่ตนทราบกรมศิลปากรกำลังจัดทำรายละเอียดพระเมรุ พระราชยาน และพระราชพิธีขบวนเคลื่อนพระศพ ลงในเว็บไซต์ www.finearts.go.th จะเผยแพร่ได้ในไม่ช้านี้

สำหรับสถาปัตยกรรมพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ยึดแนวความคิดจำลองรูปเขาพระสุเมรุและสะท้อนพระอุปนิสัยและพระจริยวัตรที่นุ่มนวล สง่างามของพระองค์ไว้ในองค์ประกอบพระเมรุ และแต่ละชั้นของพระเมรุมีความหมายแฝงอยู่ ตั้งแต่หน้าบันมุขพระเมรุ 4 มุข หรือด้านประดับพระลัญจกร เหนือขึ้นเป็นกร 5 ชั้นบันแถลง (หมายถึงวิมานของแต่ละชั้น)

ถัดขึ้นไปเป็นบัวกลุ่ม 5 ชั้นแสดงถึงความอ่อนโยน เมื่อดูโครงสร้างพระเมรุจะเบา คล้าย ๆ ดอกบัวดอกไม้รองรับยอดปลี ถัดขึ้นไปอีกจะมีเม็ดเล็ก ๆ เรียกว่า เม็ดน้ำค้าง ประดับคั่นกลางปลีอยู่ก่อนถึงยอดเศวตฉัตร 7 ชั้น เม็ดน้ำค้าง ในความหมายสถาปัตยกรรมไทย ไม่ว่าจะเป็นยอดปราสาท มณฑป ยอดเกี้ยว คือเป็นที่สุดยอดของทุกอย่างของความบริสุทธิ์ ความงามเทียบได้กับสีขาว ในทางคติความเชื่อพุทธศาสนาหมายถึงขั้นสุดท้ายหรือสิ่งท้ายสุดขึ้นสวรรค์ เช่นเดียวกับคติความเชื่อเรื่องบัวในพุทธประวัติ ชาดก ตำนาน และพระสูตรต่าง ๆ ที่คนไทยนำมาเป็นดอกไม้มงคล

นอ.อาวุธ กล่าวอีกว่า นักสถาปัตยกรรมไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันนำเม็ดน้ำค้างมาเป็นองค์ประกอบรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยบนยอดปลีปลายแหลม เวลามองไกล ๆ เหมือนปลายแหลมจะขาด แต่มีเม็ดน้ำค้างมาคั่น จะทำให้เห็นมีจุดต่ออยู่ของปลายแหลม ถัดจากเม็ดน้ำค้างขึ้นไปบนยอดสุดปักสัปตปฎลเศวตฉัตร 7 ชั้นเป็นเครื่องราชูปโภคประดับพระราชอิสริยยศ สำหรับความสูงของพระเมรุจากฐานถึงยอดอยู่ราวประมาณ 35 เมตร ถือว่ามีความใกล้เคียงของพระเมรุมาศสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งมีความสูง 36.30 เมตร ความกว้างน่าจะใกล้เคียงกันคือ 26-27 เมตร รวมทั้งลวดลายศิลปกรรมพระเมรุจะมีใกล้เคียงและเพิ่มเติมบ้าง

ทั้งนี้ ขณะนี้ทีมงานออกแบบพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เร่งวันเร่งคืนแบบแปลนพิมพ์เขียวที่จะใช้ในการจัดสร้างพระเมรุ ได้คำนวณและตีสเกลมาตราส่วนของโครงสร้างพระเมรุที่คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ 2 เดือนเป็นอย่างช้า และอาจจะมีการปรับแก้ในขณะที่สร้างพระเมรุ ทั้งนี้โครงสร้างจะยึดตามที่เคยทำพระเมรุมาศสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเป็นหลัก ฐานจะใช้คอนกรีตสำเร็จรูปสำหรับรองรับเสาเหล็กสามารถรื้อถอนได้ มีไม้อัดประกบติดประดับด้วยกระดาษทองย่นตกแต่งลวดลาย ปลียอดทำจากวัสดุไฟเบอร์กลาส และเม็ดน้ำค้างจะทำจากเรซิ่น รวมทั้งแบบแปลนอาคารพิธี เช่น หอเปลื้อง สถานที่สำหรับพักพระลองทองใหญ่ประกอบพระโกศ พระที่นั่งทรงธรรม สถานที่สำหรับพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ ประกอบพระราชกรณียกิจทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เป็นต้น

**กรมศิลป์เผยปชช.ขอมีส่วนร่วมจำนวนมาก
นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ขณะนี้มีองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนประชาชน แสดงเจตจำนงที่จะขอเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดสร้างพระเมรุและอาคารต่าง ๆ ที่ประกอบใช้ในการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทางกรมศิลปากรยินดี เพราะทุกคนสำนึกในพระกรุณาธิคุณของพระองค์ แต่ต้องดูความเหมาะสมของงานด้วย เพราะใช้ความประณีตศิลป์อย่างมาก อาจจะดูว่าตรงไหนพอจะช่วยได้ เช่น พื้นไม้กระดานขรุขระก็นำกระดาษทรายช่วยกันขัด หรือให้กำลังใจ มีขนม น้ำมาแจกก็ได้ เพราะใช้ช่างศิลป์จำนวน 300-400 คน

ในส่วนของการใช้พื้นที่สนามหลวงนั้น กรมศิลปากรได้ทำหนังสือถึงกรุงเทพมหานคร ให้กันพื้นที่ไว้ทางด้านทิศใต้ที่จะเริ่มจัดสร้างพระเมรุ และทิศเหนือสร้างอาคารพิธีดังกล่าว ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ คาดจะใช้เวลา 4-6 เดือน จึงแล้วเสร็จ

**กทม.เผยมิจฉาชีพนำหนังสือไปขาย
นายสุทธิสรรค์ ศิวพิทักษ์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากการที่กรุงเทพมหานคร (กทม.)ได้เปิดซุ้มให้ประชาชนมาร่วมลงนามถวายสักการะในการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอO ณ บริเวณลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการ กทม. โดยได้มอบหนังสือ “สถิต ณ ดวงใจ” ซึ่ง กทม.จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติ ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม เป็นต้นมานั้น ปรากฏว่ามีประชาชนมาทยอยมาร่วมลงนามและแสดงความจำนงขอรับหนังสือเป็นจำนวนมากประมาณ 5,000 – 6,000 รายต่อวัน ขณะที่ กทม.สามารถแจกหนังสือได้ 2,000 – 4,000 เล่มต่อวัน โดยมอบคูปองให้ประชาชนมารับหนังสือในวันถัดไป

อย่างไรก็ดีได้มีบุคคลบางกลุ่ม ฉวยโอกาสเข้ามาเวียนลงชื่อรับหนังสือหลายรอบ เพื่อนำไปขายต่อ ซึ่งมีผู้มาร้องเรียนว่าพบเห็นมีการลักลอบขายที่บริเวณเทเวศวร์ ท่าพระจันทร์ สนามหลวง ในราคาเล่มละ 120 -200 บาท ซึ่งเป็นการไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ ขณะนี้ได้ดำเนินการจับกุมไปแล้วหลายราย และ กทม.ขอให้ผู้ที่กระทำการในลักษณะดังกล่าวยกเลิกเสีย ควรแสดงความภักดีต่อพระองค์ท่าน ด้วยการหันมาทำความซื่อสัตย์สุจริตถวายเป็นพระกุศลจะดีกว่า และขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นผู้กระทำการดังกล่าวให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น