xs
xsm
sm
md
lg

มอร์แกนสนเพิ่มลงทุนไทย แต่นโยบาย ศก.ต้องชัดเจน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ต่างชาติยังสนใจสนทุนไทยให้น้ำหนักสูงกว่าประเทศคู่แข่ง “มอร์แกน สแตนเลย์” ระบุประเทศไทยถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางเศรษฐกิจต้องถีบตัวหนีเวียดนาม-อินโดนีเซียให้ได้โดยเร็ว เชื่อหากจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวได้ดีดังเดิม พร้อมเตรียมปรับสัดส่วนพอร์ตลงทุนในภูมิภาคกว่า 2 แสนล้านเหรียญเข้าไทยหากรัฐบาลแก้ปัญหาทุกอย่างลงตัว

นายโชติชัย สุวรรณาภรณ์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมานายเจมส์ เช็ง กรรมการผู้จัดการ บริษัทมอร์แกน สแตนเลย์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้เข้าหารือเกี่ยวกับทิศทางด้านเศรษฐกิจของไทยโดยระบุว่าในขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงที่ถึงทางแยกว่าจะเลือกดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจไปในทิศทางใด ซึ่งหากผู้บริหารประเทศชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารนโยบายตัดสินใจในทิศทางที่ดีเศรษฐกิจของประเทศไทยก็จะสามารถขยายตัวต่อไปได้ดี

ทั้งนี้พื้นฐานของประเทศไทยถือว่าอยู่ในระดับที่ดีสามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศคู่แข่งได้เป็นอย่างดี แต่ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยกลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจชะงักลงจนกระทั่งทำให้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและอินโดนีเซียสามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วและอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับประเทศไทยมากขึ้น ดังนั้นประเทศไทยจึงควรเร่งพัฒนาระบบเศรษฐกิจให้ทิ้งห่างประเทศคู่แข่งดังกล่าว

“ผู้บริหารของมอร์แกน สแตนเลย์ มองว่าตอนนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางเศรษฐกิจเป็นทางแยกว่าผู้บริหารประเทศชุดใหม่ที่เข้ามาจะเลือกเดินไปทางไหนและทางเลือกดังกล่าวจะนำพาให้ประเทศไทยดีหรือแย่เพียงใด ซึ่งการที่ผู้บริหารของมอร์แกน สแตนเลย์เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในครั้งนี้เพื่อพิจารณาน้ำหนักการลงทุนในประเทศไทยว่ายังมีความน่าสนใจมากน้อยเพียงใดเพราะพอร์ตการลงทุนของมอร์แกน สแตนเลย์ในภูมิภาคนี้มีสูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐจึงต้องพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้รอบคอบ” นายโชติชัยกล่าว

***อุตสาหกรรมยานยนต์ยังแกร่ง
ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาทางการเมืองที่ผ่านมาในช่วง 1 ปีกว่านั้นทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยชะงักลงบ้างเล็กน้อยและทำให้ประเทศคู่แข่งอย่างเช่นเวียดนามและอินโดนีเซียพัฒนาการได้เร็วและมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับประเทศไทยดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่โดยพื้นฐานของประเทศไทยที่มีความพร้อมอยู่แล้วยังมีศักยภาพสามารถพัฒนาไปควบคู่กับประเทศคู่แข่งดังกล่าวได้

โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่ประเทศไทยมีความแข็งแกร่งและบริษัทรถยนต์ในต่างประเทศที่เป็นบริษัทแม่ยังมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของไทยและเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งที่สำคัญอย่างเวียดนามนั้นประเทศไทยยังถือว่ามีความได้เปรียบในอุตสาหกรรมนี้อยู่มาก

“มอร์แกน สแตนเลย์มีความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยว่าหากมีการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาได้เร็วและสามารถบริหารจัดการนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศได้ดีแล้วเศรษฐกิจไทยจะกลับมาเติบโตได้ดีดังเดิมอย่างแน่นอน และยังเชื่อมั่นว่าประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามจะไม่สามารถแย่งตลาดและมีศักยภาพที่จะแข่งขันกับไทยในบางภาคอุตสาหกรรมได้เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานของเวียดนามยังด้อยกว่าประเทศไทยอยู่มาก หากจะแข่งขันกันอย่างจริงจังจะต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้มากขึ้นกว่านี้” ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

***ชั่งน้ำหนักเพิ่มพอร์ตลงทุนไทย
นายโชติชัยกล่าวว่า ทั้งนี้จากข้อมูลดังกล่าวที่มอร์แกน สแตนเลย์ให้ความเห็นนั้นจะเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาว่ามอร์แกน สแตนเลย์จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในไทยมากน้อยเพียงใดจากพอร์ตลงทุนที่มีสูงถึง 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นนอกจากเวียดนามแล้วจะเห็นว่าไทยยังมีความได้เปรียบประเทศอื่นอีกมาก

โดยหากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศมาเลเซียแล้วจะพบว่าประเทศไทยมีความน่าลงทุนมากกว่าทั้งจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนและมาตรการลดหย่อนด้านภาษีให้แก่นักลงทุนต่างประเทศซึ่งเป็นตัวสนับสนุนบรรยากาศการลงทุนที่ดีในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่สำคัญที่มอร์แกน สแตนเลย์เปรียบเทียบระหว่างมาเลเซียและไทยว่า ประเทศมาเลเซียมีนโยบายที่ค่อนข้างไม่เป็นมิตรกับนักลงทุนต่างชาติซึ่งตรงข้ามกับประเทศไทยที่มีความเป็นมิตรต่อนักลงทุนมากกว่า

“เมื่อเปรียบเทียบเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI ระหว่างไทยกับมาเลเซียในปีที่ผ่านมาจะพบว่า FDI ของไทยนั้นยังสูงกว่ามาเลเซีย การที่เศรษฐกิจมาเลเซียขยายตัวสูงนั้นเมื่อพิจารณาข้อมูลแล้วจะพบว่าเป็นการใช้กำลังการผลิตเดิม แต่ของไทยอยู่ในช่วงที่กำลังขยายกำลังการผลิตซึ่งเมื่อสามารถดำเนินการได้เต็มศักยภาพแล้วจะทำให้การแข่งขันของไทยสู้กับประเทศเพื่อนบ้านได้เป็นอย่างดี” นายโชติชัยกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น