xs
xsm
sm
md
lg

การแข่งขันเพื่อเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางอากาศ

เผยแพร่:   โดย: ยุทธศักดิ์ คณาสวัสดิ์

ปัจจุบันธุรกิจขนส่งทางอากาศเติบโตอย่างรวดเร็วมาก และนับเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ แม้ตลาดขนส่งสินค้าทางอากาศทั่วโลกมีขนาดประมาณ 6,000,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 1 ใน 3 เท่าของตลาดขนส่งผู้โดยสารทางอากาศ แต่เติบโตในอัตราสูงกว่า คือ โดยเฉลี่ย 6% ต่อปี เปรียบเทียบกับตลาดขนส่งผู้โดยสารทางอากาศที่เติบโตในอัตรา 4% ต่อปี

สำหรับสินค้าที่ต้องการขนส่งทางอากาศมีหลายประเภท

ประเภทแรก สินค้าที่มีราคาสูงเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำหนักและปริมาตร เช่น ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ

ประเภทที่สอง สินค้าที่มีความอ่อนไหวในด้านเวลา (Time-Sensitive) ซึ่งประกอบด้วยสินค้าที่เน่าเสียง่ายทางด้านกายภาพ (Physical Perishable) เช่น อาหารทะเลสด ดอกไม้สด ฯลฯ รวมถึงสินค้าที่เน่าเสียง่ายในด้านเศรษฐกิจ มีความล้าสมัยในด้านเศรษฐกิจ (Economic Perishable) เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร สินค้าแฟชั่น ฯลฯ

ประเภทที่สาม สินค้าที่ต้องการขนส่งอย่างเร่งด่วนเพื่อสนองความต้องการของห่วงโซ่อุปทาน เป็นต้นว่า โรงงานขาดชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่ง และต้องการใช้อย่างเร่งด่วน มิฉะนั้น สายการผลิตจะต้องหยุดชะงัก ซึ่งจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างมากต่อบริษัทเป็นอย่างมาก

เดิมในปี 2545 ท่าอากาศเมมฟิสซึ่งเป็นฐานของสายการบินขนส่งสินค้า FedEx นับเป็นท่าอากาศยานที่มีปริมาณการขนถ่ายสินค้าทางอากาศมากที่สุดในโลก รองลงมา คือ ท่าอากาศยานเช็คเล็ปก๊อกของฮ่องกง ท่าอากาศยานนาริตะของกรุงโตเกียว ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแองเจลิส ท่าอากาศยานเท็ดสตีเวนของนครแอนชอเรจในมลรัฐอลาสกาของสหรัฐฯ ท่าอากาศยานอินชอนของเกาหลีใต้ และท่าอากาศยานชางกีของสิงคโปร์ ตามลำดับ

สำหรับสถิติล่าสุดในปี 2549 ท่าอากาศเมมฟิสและ
ท่าอากาศยานเช็คเล็ปก๊อกของฮ่องกงยังคงครองตำแหน่งอันดับ 1 และ 2 ของโลกต่อไปอีก ขณะที่ท่าอากาศยานเท็ดสตีเวนของนครแอนชอเรจในมลรัฐอลาสกาของสหรัฐฯ กำลังมาแรง โดยก้าวขึ้นจากอันดับ 5 ในปี 2545 มาเป็นอันดับ 3 ของโลก ส่วนท่าอากาศยานอินชอนของเกาหลีใต้ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยก้าวกระโดดจากอันดับ 6 มาเป็นอันดับ 4 ของโลก

ขณะเดียวกันหลายท่าอากาศยานได้ตกอันดับไปมาก โดยเฉพาะท่าอากาศยานนานาชาติของนครลอสแองเจลิสได้ร่วงจากอันดับ 4 ในปี 2545 เป็นอันดับ 11 ของโลก ส่วนท่าอากาศยานนาริตะได้ร่วงลงเช่นเดียวกันจากอันดับ 3 เป็นอันดับ 5 ของโลก ท่าอากาศยาน JFK ของนครนิวยอร์กได้ตกลงจากอันดับ 6 ของโลก เป็นอันดับที่ 14 ของโลก และท่าอากาศยานฮีทโธรว์จากอันดับที่ 15 มาเป็นอันดับที่ 18 ของโลก โดยท่าอากาศยานเหล่านี้มีปัญหาคล้ายคลึงกัน คือ ความสามารถของรันเวย์ในการรับการขึ้นลงของเครื่องบินจำกัด จึงมุ่งเน้นเครื่องบินขนส่งผู้โดยสารมากกว่าเครื่องบินบรรทุกสินค้าแบบ Freighter

สำหรับในอนาคตนั้น ท่าอากาศยานของฮ่องกงซึ่งเป็นอันดับ 2 ของโลก ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ เนื่องจากท่าอากาศยานของประเทศจีนที่อยู่ใกล้เคียงจะแย่งลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะท่าอากาศยานแห่งใหม่ของนครกวางโจว ซึ่งกำลังจะกลายเป็นฐานลอจิสติกส์สำหรับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกของบริษัท FedEx ในอนาคต

ผู้เชี่ยวชาญได้ประมาณว่าท่าอากาศยานฮ่องกงซึ่งเดิมครองตลาดการขนถ่ายสินค้าทางอากาศของพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียงซึ่งเป็นพื้นที่ทางตอนใต้ของจีน เป็นสัดส่วนมากถึง 90% คาดว่าส่วนแบ่งตลาดจะลดลงเหลือเพียง 50% ภายในปี 2563 โดยที่เหลือจะขนถ่ายผ่านท่าอากาศยานอื่นๆ ของจีน โดยเฉพาะท่าอากาศยานของนครกวางโจว 29% และท่าอากาศยานของเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้นอีก 17%

ขณะที่ท่าอากาศยานผู่ตงกำลังมาแรง กล่าวคือ เดิมในปี 2548 มีปริมาณการขนถ่ายสินค้ามากเป็นอันดับ 8 ของโลก แต่ในปี 2549 ได้แซงหน้าท่าอากาศยาน 2 แห่ง คือ ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ตของเยอรมนีและท่าอากาศยานลอสแองเจลิสของสหรัฐฯ กลายเป็นท่าอากาศยานขนส่งสินค้าทางอากาศมากเป็นอันดับ 6 ของโลก และมีแนวโน้มสูงว่าในอนาคตจะแซงหน้าท่าอากาศยานอินชอนของเกาหลีใต้ และท่าอากาศยานนาริตะของกรุงโตเกียว กลายเป็นท่าอากาศยานที่มีปริมาณการขนถ่ายสินค้าทางอากาศมากเป็นอันดับ 4 ของโลก

ส่วนท่าอากาศยานปักกิ่งก็กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในด้านลอจิสติกส์ กล่าวคือ เดิมในปี 2548 มีปริมาณการขนถ่ายสินค้ามากเป็นอันดับ 24 ของโลก และในปี 2549 แซงหน้าท่าอากาศยานรวดเดียวมากถึง 4 แห่ง คือ ท่าอากาศยานอินเดียนาโปลิส ท่าอากาศยาน Newark ท่าอากาศยานคันไซ และท่าอากาศยานฮาเนดะ ขึ้นเป็นอันดับ 20 ของโลก และคาดว่าจะแซงหน้าท่าอากาศยานฮีทโธรว์ของกรุงลอนดอน และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของไทย ขึ้นเป็นอันดับ 18 ของโลกในอนาคตอันใกล้

สำหรับท่าอากาศยานไป่หยุนของนครกวางโจวก็กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จากอันดับ 26 ของโลกในปี 2548 แซงหน้าท่าอากาศยานแอตแลนตาของสหรัฐฯ ขึ้นเป็นอันดับที่ 25 ในปี 2549 และคาดว่าจะแซงหน้าท่าอากาศยานคันไซของนครโอซากาและท่าอากาศยานฮาเดดะของกรุงโตเกียวขึ้นเป็นอันดับที่ 23 ของโลก ในอนาคตอันใกล้

ยิ่งไปกว่านั้น หากมีการเปิดศูนย์ลอจิสติกส์ของบริษัท FedEx ที่ท่าอากาศยานไป่หยุนในปี 2551 ก็มีแนวโน้มสูงว่าในอนาคตจะแซงหน้าท่าอากาศยานอีก 2 แห่ง คือ ท่าอากาศยานอินเดียนาโปลิสของสหรัฐฯ และท่าอากาศยาน Newark ของสหรัฐฯ ขึ้นเป็นเป็นอันดับที่ 21 ของ

อันดับสายการบินเมืองประเทศปริมาณขนถ่ายสินค้า(ตัน)
1ท่าอากาศยานนานาชาตินครเมมฟิสเมมฟิสสหรัฐฯ3,692,081
2ท่าอากาศยานนานาชาติเช็กแลปก๊อกฮ่องกงจีน3,609,780
3ท่าอากาศยานเท็ดสตีเวนแอนชอเรจสหรัฐฯ2,691,395
4ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอนอินชอนเกาหลีใต้2,336,572
5ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะโตเกียวญี่ปุ่น2,280,830
6ท่าอากาศยานนานาชาติผู่ตงเซี่ยงไฮ้จีน2,168,122
7ท่าอากาศยานชาร์สเดอโกลล์ปารีสฝรั่งเศส2,130,724
8ท่าอากาศยานนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ตแฟรงก์เฟิร์ตเยอรมนี2,127,646
9ท่าอากาศยานนานาชาติหลุยส์วิลล์หลุยส์วิลล์สหรัฐฯ1,983,032
10ท่าอากาศยานนานาชาติชางกีสิงคโปร์สิงคโปร์1,931,881
11ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแองเจลิสลอสแองเจลิสสหรัฐฯ1,907,497
12ท่าอากาศยานนานาชาติไมอามีไมอามีสหรัฐฯ1,830,591
13
ท่าอากาศยานนานาชาติเตาหยวนไทเปไต้หวัน1,698,808
14ท่าอากาศยานนานาชาติ JFKนิวยอร์กสหรัฐฯ1,636,357
15ท่าอากาศยานนานาชาติ Schipholอัมสเตอร์ดัมเนเธอร์แลนด์1,566,828
16ท่าอากาศยาน O’hareชิคาโกสหรัฐฯ1,558,235
17ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบดูไบสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์1,503,697
18ท่าอากาศยานฮีทโธรว์ลอนดอนสหราชอาณาจักร1,343,930
19ท่าอากาศยานดอนเมือง-สุวรรณภูมิกรุงเทพมหานครไทย1,181,814
20ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่งปักกิ่งจีน1,028,909


ส่วนท่าอากาศยานดอนเมือง-สุวรรณภูมิ (ได้เปลี่ยนจากท่าอากาศยานดอนเมืองมาเป็นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อปลายเดือนกันยายน 2549) แม้มีปริมาณการขนถ่ายสินค้าเพิ่มขึ้นจาก 956,790 ตัน ในปี 2545 เป็น 1.2 ล้านตัน ในปี 2549 แต่ได้ร่วงลงมา 2 อันดับ คือ จากอันดับ 17 ในปี 2545 เป็นอันดับ 19 ของโลก ในปี 2549 เนื่องจากถูกท่าอากาศยานผู่ตงของนครเซี่ยงไฮ้และท่าอากาศยานดูไบแซงหน้าขึ้นไป

สำหรับในอนาคต คาดหมายว่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะร่วงลงต่อไปอีก 2 อันดับ กล่าวคือ กลายเป็นอันดับ 20 ของโลก เนื่องจากกำลังจะถูกท่าอากาศยานนานาชาติของกรุงปักกิ่งแซงหน้าขึ้นไปอีก 1 ราย

สุดท้ายนี้ การแข่งขันระหว่างท่าอากาศยานต่างๆ เพื่อแย่งกันเป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้าทางอากาศนั้นเป็นไปอย่างเข้มข้นกว่าการแข่งขันเพื่อเป็นศูนย์กลางการขนถ่ายผู้โดยสาร เนื่องจากการขนส่งสินค้าทางอากาศนั้น บรรดาผู้ใช้บริการจะไม่สนใจว่าสายการบินจะขนส่งผ่านท่าอากาศยานแห่งใด ขอให้เพียงขนส่งให้ถึงจุดหมายปลายทางโดยมีต้นทุนต่ำและภายในเวลาที่กำหนดก็เพียงพอแล้ว แตกต่างจากการขนส่งผู้โดยสารที่ต้องการใช้ท่าอากาศยานแห่งใดแห่งหนึ่งเป็นการเฉพาะ

ตัวอย่างหนึ่ง คือ กรณีขนส่งพัสดุภัณฑ์จากนครฟิลาเดลเฟียมายังกรุงเทพมหานคร จะส่งผ่านสถานที่คัดแยกพัสดุภัณฑ์แห่งใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นท่าอากาศยานเช็กแลปก๊อกของฮ่องกงหรือท่าอากาศยานเท็ดสตีเวนของนครแอนชอเรจ

จากเหตุผลข้างต้น ท่าอากาศยานใดที่เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้าทางอากาศจะมีความเสี่ยงในการสูญเสียธุรกิจสูงกว่าท่าอากาศยานทั่วไป เป็นต้นว่า เมื่อบริษัท UPS ได้ซื้อกิจการของบริษัท Menlo Worldwide Forwarding/Emery Air Freight และได้ตัดสินใจยกเลิกศูนย์ลอจิสติกส์ของกิจการส่วนนี้ที่ตั้งในท่าอากาศยาน Dayton ทำให้ปริมาณการขนถ่ายสินค้าที่ท่าอากาศยานแห่งนี้ในปี 2550 ลดลงมากถึง 97%

ติดต่อขอข้อมูล ติชม และเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่กองการตลาดเพื่อการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 0-2537-8163 หรือที่ marketing@boi.go.th
กำลังโหลดความคิดเห็น