"สดศรี” ลั่นฟ้องแน่เว็บไซต์กล่าวหาลูกสาวซึ่งเป็นผู้พิพากษา ไปช่วยงานหน้าห้อง “บิ๊กบัง” ระบุเป็นพวกต่ำช้า ด้านสำนักงานศาลยุติธรรม รับมีหนังสือขอตัวจากสำนักงานเลขาธิการนายกฯมาจริง แต่ตอนหลังได้มีหนังสือมายกเลิก ระบุศาลไม่เคยให้ผู้พิพากษาไปช่วยงานฝ่ายบริหาร เหตุจะขาดความเป็นอิสระ
นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการ พรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์วานนี้ (11 ม.ค.) ถึง กรณีที่เว็บไซด์ไฮทักษิณเผยแพร่หนังสือการขอตัว น.ส.กอนณา สัตยธรรม ลูกสาวจากศาลไปช่วยราชการที่หน้าห้อง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ตนยืนยันว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับเจ้าของเว็บไซด์ดังกล่าว แต่ขอให้เปิดเผยตัวออกมา
“ส่วนตัวก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่ประเภทนี้ เพราะคิดว่า คนที่มีความคิดต่ำ ก็ย่อมแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ต่ำช้า”
นางสดศรี กล่าวว่า ไม่คิดว่าการนำข้อมูลเหล่านี้ออกมาจะเป็นเพราะการพิจารณาการแจกใบเหลืองใบแดงของ กกต. เพราะทุกคนพิจารณาเรื่องนี้ อย่างมีเหตุมีผล โดยเฉพาะกรณีการให้ใบแดงต่อนาย ประสพ บุษราคัม ว่าที่ ส.ส.เขต 3 อุดรธานีนั้นจะต้องส่งไปยังคณะกรรมการของกฤษฎีกาอีกครั้ง
“ยืนยันว่า กกต.ทั้ง 5 คนได้พิจารณาเรื่องร้องคัดค้าน โดยคิดว่าเป็นมิตรหรือศัตรูของใคร เราได้พิจารณาอย่างเท่าเทียมกัน กกต.ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร หรือพรรคใดพรรคหนึ่ง ความจริงส่วนตัวก็รู้จักแกนนำของพรรคพลังประชาชน(พปช.) หลายคน ซึ่งเคยบอกให้แกนนำพรรคเหล่านั้นช่วยดูแลเว็บไซด์นี้ โดยเขาก็รับปากว่าจะจัดการให้ แต่ตอนนี้ก็ยังเห็นเว็บไซด์นี้ด่าดิฉันและครอบครัวอยู่ตลอด ”
วันเดียวกัน นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และนายประสงค์ มหาลี้ตระกูล โฆษกสำนักศาลยุติธรรม ร่วมกันแถลงข่าว กรณีสื่อมวลชน เผยแพร่ข่าวว่า สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอยืมตัว น.ส.กอนณา สัตยธรรม ผู้พิพากษาศาลจังหวัดพระโขนง บุตรสาวของนางสดศรี ไปช่วยงานที่สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
นายสราวุธ ชี้แจงว่า สำนักงานศาลยุติธรรมได้รับหนังสือจากสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงนามโดยรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2550 ซึ่งหนังสือดังกล่าวได้ลงรับที่สำนักงานประธานศาลฎีกาเมื่อวันที่ 18 ต.ค.2550 โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า ขอให้ไปช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2550 เป็นต้นไป จนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ หลังจากนั้นเลขาธิการ ประธานศาลฎีกา ได้ส่งหนังสือมายังสำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งตนขณะนั้นรักษาการตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมได้รับหนังสือไว้เมื่อวันที่ 24 ต.ค.2550 แต่ยังไม่ได้ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม(ก.ต.) ต่อมาวันที่ 29 ต.ค.2550 สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือแจ้งขอระงับการยืมตัว น.ส.กอนณา และได้มีหนังสือแจ้งมาอีกครั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย.2550 ขอถอนเรื่องคืน
“ปกติแล้วการขอตัวผู้พิพากษาไปช่วยงานในหน่วยราชการอื่น ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มาตรา 59 กำหนดไว้ว่า ผู้พิพากษาต้องไม่ดำรงตำแหน่งใดๆ ในหน่วยงานที่ขัดหรือแย้งในการปฏิบัติหน้าที่ ของข้าราชกาตุลาการตามที่ ก.ต.กำหนด ดังนั้นการที่มีบุคคลหรือหน่วยงานใด ขอยืมตัวผู้พิพากษาไปทำงานอื่นใดนอกเหนืองานพิพากษาคดี จะต้องนำเรื่องเข้าสู่ การพิจารณาของ ก.ต. แต่สำหรับเรื่องนี้สำนักงานศาลยุติธรรมยังไม่ได้นำเรื่อง เข้าสู่การพิจารณาของ ก.ต. เนื่องจากมีการขอระงับเรื่อง และขอถอนเรื่องคืนไปก่อน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามปกติแล้วการขอยืมตัวผู้พิพากษาไปช่วยราชการ ตัวผู้พิพากษาเองหรือผู้ใกล้ชิดจะได้รับการติดต่อหรือทราบล่วงหน้าหรือไม่นั้น นายสราวุธกล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ ส่วนตัว น.ส.กอนณา หรือนางสดศรี จะทราบมาก่อนหรือไม่ ตนไม่สามารถยืนยันได้
ส่วนที่ผ่านมาเคยมีการขอยืมตัวผู้พิพากษาไปช่วยราชการลักษณะเช่นนี้มาก่อนหรือไม่ นายสราวุธกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยมีกรณีที่นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม จะขอยืมตัวผู้พิพากษาไปช่วยงาน ซึ่ง ก.ต.ก็ไม่อนุญาต เนื่องจากกฎหมายไม่เปิดช่องให้ทำเช่นนั้นได้ เพราะการไปดำรงตำแหน่งอื่นที่จะกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ไม่สามารถทำได้ เพราะผู้พิพากษามีหน้าที่พิจารณา และพิพากษาคดี หากไปช่วยงานฝ่ายบริหารจะทำให้ขาดความเป็นอิสระ ซึ่งตั้งแต่ปี 43 ที่ศาลแยกตัวเป็นอิสระจากกระทรวงยุติธรรม ก็ไม่เคยมีผู้พิพากษาไปช่วยราชการ ฝ่ายบริหารเลย
ส่วนกรณีของนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม และนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ขณะนี้ได้ขอโอนย้ายกลับมาเป็นผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม แล้วแต่ในตอนนี้ยังไม่มีการนำเรื่องบรรจุเป็นวาระเพื่อพิจารณาในที่ประชุม ก.ต. เพราะต้องมีขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติ ส่วนการจะรับโอนทั้งสองให้กลับมาหรือไม่นั้นขึ้นยู่กับการพิจารณาของ ก.ต.
นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการ พรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์วานนี้ (11 ม.ค.) ถึง กรณีที่เว็บไซด์ไฮทักษิณเผยแพร่หนังสือการขอตัว น.ส.กอนณา สัตยธรรม ลูกสาวจากศาลไปช่วยราชการที่หน้าห้อง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ตนยืนยันว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับเจ้าของเว็บไซด์ดังกล่าว แต่ขอให้เปิดเผยตัวออกมา
“ส่วนตัวก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่ประเภทนี้ เพราะคิดว่า คนที่มีความคิดต่ำ ก็ย่อมแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ต่ำช้า”
นางสดศรี กล่าวว่า ไม่คิดว่าการนำข้อมูลเหล่านี้ออกมาจะเป็นเพราะการพิจารณาการแจกใบเหลืองใบแดงของ กกต. เพราะทุกคนพิจารณาเรื่องนี้ อย่างมีเหตุมีผล โดยเฉพาะกรณีการให้ใบแดงต่อนาย ประสพ บุษราคัม ว่าที่ ส.ส.เขต 3 อุดรธานีนั้นจะต้องส่งไปยังคณะกรรมการของกฤษฎีกาอีกครั้ง
“ยืนยันว่า กกต.ทั้ง 5 คนได้พิจารณาเรื่องร้องคัดค้าน โดยคิดว่าเป็นมิตรหรือศัตรูของใคร เราได้พิจารณาอย่างเท่าเทียมกัน กกต.ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร หรือพรรคใดพรรคหนึ่ง ความจริงส่วนตัวก็รู้จักแกนนำของพรรคพลังประชาชน(พปช.) หลายคน ซึ่งเคยบอกให้แกนนำพรรคเหล่านั้นช่วยดูแลเว็บไซด์นี้ โดยเขาก็รับปากว่าจะจัดการให้ แต่ตอนนี้ก็ยังเห็นเว็บไซด์นี้ด่าดิฉันและครอบครัวอยู่ตลอด ”
วันเดียวกัน นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และนายประสงค์ มหาลี้ตระกูล โฆษกสำนักศาลยุติธรรม ร่วมกันแถลงข่าว กรณีสื่อมวลชน เผยแพร่ข่าวว่า สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอยืมตัว น.ส.กอนณา สัตยธรรม ผู้พิพากษาศาลจังหวัดพระโขนง บุตรสาวของนางสดศรี ไปช่วยงานที่สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
นายสราวุธ ชี้แจงว่า สำนักงานศาลยุติธรรมได้รับหนังสือจากสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงนามโดยรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2550 ซึ่งหนังสือดังกล่าวได้ลงรับที่สำนักงานประธานศาลฎีกาเมื่อวันที่ 18 ต.ค.2550 โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า ขอให้ไปช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2550 เป็นต้นไป จนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ หลังจากนั้นเลขาธิการ ประธานศาลฎีกา ได้ส่งหนังสือมายังสำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งตนขณะนั้นรักษาการตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมได้รับหนังสือไว้เมื่อวันที่ 24 ต.ค.2550 แต่ยังไม่ได้ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม(ก.ต.) ต่อมาวันที่ 29 ต.ค.2550 สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือแจ้งขอระงับการยืมตัว น.ส.กอนณา และได้มีหนังสือแจ้งมาอีกครั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย.2550 ขอถอนเรื่องคืน
“ปกติแล้วการขอตัวผู้พิพากษาไปช่วยงานในหน่วยราชการอื่น ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มาตรา 59 กำหนดไว้ว่า ผู้พิพากษาต้องไม่ดำรงตำแหน่งใดๆ ในหน่วยงานที่ขัดหรือแย้งในการปฏิบัติหน้าที่ ของข้าราชกาตุลาการตามที่ ก.ต.กำหนด ดังนั้นการที่มีบุคคลหรือหน่วยงานใด ขอยืมตัวผู้พิพากษาไปทำงานอื่นใดนอกเหนืองานพิพากษาคดี จะต้องนำเรื่องเข้าสู่ การพิจารณาของ ก.ต. แต่สำหรับเรื่องนี้สำนักงานศาลยุติธรรมยังไม่ได้นำเรื่อง เข้าสู่การพิจารณาของ ก.ต. เนื่องจากมีการขอระงับเรื่อง และขอถอนเรื่องคืนไปก่อน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามปกติแล้วการขอยืมตัวผู้พิพากษาไปช่วยราชการ ตัวผู้พิพากษาเองหรือผู้ใกล้ชิดจะได้รับการติดต่อหรือทราบล่วงหน้าหรือไม่นั้น นายสราวุธกล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ ส่วนตัว น.ส.กอนณา หรือนางสดศรี จะทราบมาก่อนหรือไม่ ตนไม่สามารถยืนยันได้
ส่วนที่ผ่านมาเคยมีการขอยืมตัวผู้พิพากษาไปช่วยราชการลักษณะเช่นนี้มาก่อนหรือไม่ นายสราวุธกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยมีกรณีที่นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม จะขอยืมตัวผู้พิพากษาไปช่วยงาน ซึ่ง ก.ต.ก็ไม่อนุญาต เนื่องจากกฎหมายไม่เปิดช่องให้ทำเช่นนั้นได้ เพราะการไปดำรงตำแหน่งอื่นที่จะกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ไม่สามารถทำได้ เพราะผู้พิพากษามีหน้าที่พิจารณา และพิพากษาคดี หากไปช่วยงานฝ่ายบริหารจะทำให้ขาดความเป็นอิสระ ซึ่งตั้งแต่ปี 43 ที่ศาลแยกตัวเป็นอิสระจากกระทรวงยุติธรรม ก็ไม่เคยมีผู้พิพากษาไปช่วยราชการ ฝ่ายบริหารเลย
ส่วนกรณีของนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม และนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ขณะนี้ได้ขอโอนย้ายกลับมาเป็นผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม แล้วแต่ในตอนนี้ยังไม่มีการนำเรื่องบรรจุเป็นวาระเพื่อพิจารณาในที่ประชุม ก.ต. เพราะต้องมีขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติ ส่วนการจะรับโอนทั้งสองให้กลับมาหรือไม่นั้นขึ้นยู่กับการพิจารณาของ ก.ต.