xs
xsm
sm
md
lg

‘สดศรี’โต้ลูกช่วยงานบิ๊กบัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“สดศรี” ฉุนถูกเว็บไซด์ ไฮ-ทักษิณ ปล่อยข่าวลูกสาวช่วยงาน “บิ๊กบัง” ที่ทำเนียบฯ ระบุเป็นผู้พิพากษาสูงส่งแล้ว ทำไมต้องมาเดินตามก้นคนที่กำลังจะหมดอำนาจ ระบุถ้าจะมาต้องเป็นนายกฯ ยันลูกสาวยังเป็นผู้พิพากษาที่ศาลพระโขนง ขอตรวจสอบหลักฐานก่อนฟ้อง ด้านรองเลขานายกฯรับขอตัวไม่จริงแต่ไม่ได้ ขณะที่ “สุรยุทธ์” เผยถ้าเป็นจริงก็ถือเป็นการทำอย่างเปิดเผยดีกว่าปิดบังซ่อนเร้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ ไฮ - ทักษิณ ได้นำเสนอบทความ โดยระบุว่า ได้พบ “เอกสารลึก” ซึ่งเป็นหนังสือสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เลขที่ นร 0401 /7856 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2550 เรื่อง “ขอยืมตัวข้าราชการช่วยปฏิบัติราชการ” ส่งถึง ประธานศาลฎีกา และลงนามโดยนายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร ปฏิบัติราชการแทน เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหนังสือขอยืมตัว น.ส.กอนณา สัตยธรรม ผู้พิพากษาประจำศาลจังหวัดพระโขนง ไปช่วยราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยปฏิบัติราชการให้แก่รองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 เป็นต้นไป จนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ

ในขณะที่นายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เรื่องนี้ เกิดขึ้นในช่วงที่ พล.อ.สนธิ ได้เข้ามารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งทางทีมงานของ พล.อ.สนธิ ได้ขอให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทำหนังสือไปขอตัว น.ส.กอนณา มาช่วยราชการที่หน้าห้อง แต่เมื่อขอไปแล้วทางศาลไม่ตอบรับมา จนกระทั่งในที่สุด ทางสำนักเลขาธิการนายกฯ ก็ต้องทำหนังสือขอยกเลิกไป

ด้านนางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ไม่มีการขอตัวหรือยืมตัว สามารถสอบถามไปที่ศาลฎีกาได้ เพราะลูกสาวยังอยู่ที่ศาลพระโขนง

“ความจริงแล้วไม่อยากให้เอาลูกสาวมาเป็นเรื่องการเมือง เวลาไปประชาสัมพันธ์เลือกตั้งก็พยายามไม่ให้เขาไปด้วย เพราะงานในอาชีพเป็นถึงผู้พิพากษา นับว่าสูงแล้ว เรื่องอะไรจะให้ไปทำงานอย่างนั้น มันนอนเซ้นต์มากเลย ที่ทำงานเป็น ผู้พิพากษาแล้วจะไปทำงานเป็นเสมียนหรือเป็นธุรการที่ทำเนียบฯ ผู้พิพากษามีอำนาจมากมาย และทำการในพระปรมาภิไธยด้วย ดังนั้นที่พูดว่า ท่านสนธิมาขอตัวลูกสาวพี่ไปทำงานที่ทำเนียบฯ หรือลูกสาวพี่อยากทำงาน ที่ทำเนียบมันจึงนอนเช้นต์มาก เขาจะไปทำอะไร นอกจากเป็นนายกฯแล้ว คงไม่มีตำแหน่งไหนที่จะเหมาะสม”

นางสดศรี ย้ำว่า มันไม่มีประโยชน์ที่จะให้ลูกสาวของตนไปทำงานที่นั่น ผู้พิพากษาใคร ๆ ก็อยากเป็น กว่าจะเข้าได้ไม่ใช่ง่าย และเขาไปเรียนเมืองนอกมา วิชาที่เขาเหมาะคือเรื่องกฎหมาย ที่จะไปทำงานกับ พล.อ.สนธิคงไม่มีประโยชน์อะ และเรื่องนี้รู้สึกน.ส.พ.บางฉบับลง แต่ถ้าไม่มีหลักฐานจะฟ้อง เพราะไม่มีประโยชน์จะพูดอะไรเรื่องนี้

“การเป็นผู้พิพากษาดีกว่าการเป็นเสมียนในทำเนียบฯไม่ใช่เหรอ และอาชีพเขามาอย่างนี้ ก็ต้องยึดอาชีพนี้ตลอดไปเรื่องอะไรต้องไปทำงานกับท่านสนธิ ที่ไม่รู้จะอยู่อีกกี่วัน กี่เดือน ท่านก็ต้องไปแล้ว แล้วเรื่องอะไรจะต้องให้ลูกไปทำงานกับคนที่ยังไม่ได้มีหลักฐานอะไรเลย ดังนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ การที่น.ส.พ. ไปลงว่า มีเลขที่หนังสือ อย่าลืมว่าการสร้างเอกสารเท็จมีความผิดนะ ที่จริงฟังง่ายๆ ก็รู้มันไม่มีเหตุผล ถ้าท่านสนธิจะให้ลูกสาวไปทำงานกับท่านถ้าเป็นตำแหน่งรองนายกฯ พี่จะให้ไป ไม่ใช่ไปเป็นเสมียนกระจิบกระจอกอะไรอย่างนั้นอีกทั้งการเป็นผู้พิพากษาดี แล้วก็สงบกว่า ดีกว่าเดินตามหรือถือกระโถนตามท่านสนธิที่เหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่ มันเป็นไปไม่ได้ คงไม่ปล่อยให้ลูกไปหมดอนาคต”

นางสดศรี ยังกล่าวอีกว่า ถ้าจะให้ลูกสาวทำงานที่ทำเนียบ ขอตัวให้มาทำงาน ที่กกต.ไม่ดีกว่าหรือ เพราะที่กกต.ตนก็ยังต้องทำงานอยู่อีกตั้ง 6-7 ปี แต่ พล.อ.สนธิ เหลือเวลาอีกไม่เท่าไร ท่านไม่มีเวลาแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะให้ท่านสนธิขอตัวลูกสาวไป ตอนนี้จะลองตรวจดูให้ได้หลักฐานว่ามันมีจริงหรือไม่ หรือเอกสาร ที่ปรากฏเป็นการสร้างเสารเท็จขึ้นมา แล้วจะพิจารณาว่าจะฟ้องร้องหรือไม่อย่างไร

นางสดศรี ยังตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมจะต้องให้ทหารกับ กกต.โกรธกัน ส่วนตัว ถือว่าการที่เขาเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติไม่ได้ถือเป็นกบฏ เพราะศาลยังไม่ได้พิพากษา จึงต้องทำความเข้าใจว่า มันไม่ได้น่ารังเกียจที่ พล.อ.สนธิ จะมา กกต.

ผู้สื่อข่าวถามว่าเคยตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่าเหตุใดจึงถูกโจมตีมากกว่ากกต. คนอื่นๆ นางสดศรี กล่าวว่า ไม่สะเทือนอยู่แล้ว ขนาดโดนพีเน็ตฟ้องก็ยังไม่สะเทือน เพราะส่วนตัวยึดแค่ความจริงคืออะไร ขบวนการต่างๆ มีอยู่เรื่อย ถ้าเราไม่อดทน ก็อยู่ไม่ได้ ที่จริงท้ออยู่ตลอด แต่ก็ต้องอดทนนำองค์กรไปให้ได้

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวว่า การขอตัวบุคลากรมาช่วยงานนั้นรองนายกรัฐมนตรีแต่ละท่านสามารถที่จะสั่งการแต่งตั้งใครที่จะมาช่วยงานระยะเวลานั้นๆ ได้อยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้ามีการแต่งตั้งจริงจหมิ่นเหม่ต่อการปฎิบัติหน้าที่ของทั้ง 2 ฝ่าย คือ พล.อ.สนธิ และ กกต.หรือไม พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าเราจะแต่งตั้งใครก็ควรดูว่า เขามีขีดความสามารถที่จะช่วยเหลือในการทำงานอะไรได้บ้าง คิดว่าคงไม่น่าจะเชื่อมโยงปัญหาของกกต.และรัฐบาล เรามีหน้าที่ทำงาน ร่วมกัน มีหน้าที่ที่จะอำนวยความสะดวก การที่จะมีหรือ ไม่มีบุคคลมานั่งทำงานอยู่ มันไม่ได้ช่วยให้การที่จะทำงานอื่นใด ซึ่งอาจจะมีการติดต่อ มันไม่ได้ทำให้ดีขึ้น หรือเลวลง ก็อย่างที่ตนยกขึ้นมา ถ้ามีเจตนาที่ไม่ดี ก็ไม่ควรที่จะต้องมาทำในลักษณะที่เปิดเผยกันอย่างนี้ก็ได้ นี่ก็หมายถึงว่า เป็นการเปิดเผย ซึ่งก็ไม่น่าจะมีเจตนาที่ไม่ดี

ส่วนความเหมาะสมนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ความเหมาะสมอยู่ที่ความ สามารถว่าบุคคลที่มามีความสามารถมากน้อยแค่ไหน อย่างไร ต่อข้อถามว่า สังคมอาจจะตั้งคำถามได้ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า พล.อ.สนธิก็คงจะตอบได้ ตนคิดว่าตัวผู้ตั้งก็คงจะตอบได้ ซึ่งตนไม่ทราบ เพราะตนไม่ได้เป็นคนแต่งตั้ง

“ถ้าจะทำในสิ่งที่ไม่ต้องเปิดเผย มันก็ทำได้ โดยที่ไม่ต้องไปขอลูกสาว ให้ต้องมานั่งทำงานที่นี่ เพราะทำอย่างนี้ก็ยิ่งเท่ากับว่าเป็นการเปิดเผย มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด จะทำให้คนอื่นก็ตั้งคำถามได้ ฉะนั้นผมคิดว่า การกระทำที่เปิดเผยอันนี้น่าจะเป็นที่ยอมรับมากกว่าที่จะกระทำอย่างปกปิด”
กำลังโหลดความคิดเห็น