“ตัน” ปักธงปั้นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพตัวใหม่ลุยปีหนู หลังปี 50 เข็นตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม 4,000 ล้านบาท โต 3-4% ทุ่มงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ส่งเครื่องดื่มใหม่ระเบิดศึกไฮซีซั่นนี้ ระบุตลาดเครื่องดื่มปีนี้แข่งดุ สินค้าใหม่ตบเท้าช่วงชิงกำลังซื้อผู้บริโภคหด ตั้งเป้าปีนี้รายได้กลุ่มเครื่องดื่มโต 20% กวาด 3,360 ล้านบาท
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชาเขียวพร้อมโออิชิ เปิดเผยกับ ”ผู้จัดการรายวัน” ว่า จากสภาพตลาดชาเขียวมูลค่า 4,000 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 3-4% เท่านั้น ดังนั้นนโยบายการตลาดกลุ่มเครื่องดื่มในปีนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าใหม่ที่ตลาดในประเทศไทยยังไม่มีลงสู่ตลาดเป็นหลักมากกว่า ขณะที่งบการตลาดโดยรวมปีนี้วางไว้ราวกว่า 500 ล้านบาท จะถูกนำไปใช้ในกลุ่มสินค้าใหม่เป็นหลัก
ล่าสุดทุ่มงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เพื่อผลิตเครื่องดื่มใหม่ลงสู่ตลาดในช่วงไตรมาสสอง ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันหรือฤดูกาลขายเครื่องดื่มในช่วงหน้านี้ สำหรับเครื่องดื่มตัวใหม่ วางคอนเซปต์เป็นสินค้าเพื่อสุขภาพ เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ที่รักสุขภาพเป็นหลัก ทั้งนี้การเปิดตัวเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เนื่องจากแนวโน้มตลาดมีอัตราการเติบโตสูง คนไทยหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น
สำหรับแนวทางการตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม ในฐานะโออิชิเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งกว่า 60% บริษัทตั้งเป้าจะผลักดันตลาดชาเขียวพร้อมดื่มให้มีอัตราการเติบโต 5-10% ด้วยการเปิดตัวรสชาติลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการดำเนินกิจกรรมการตลาด และเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาใหม่ เพื่อสร้างการรับรู้แก่กลุ่มเป้าหมาย ส่วนการทำโปรโมชันจะไม่มุ่งเน้นมากนัก
ขณะที่เครื่องดื่มอะมิโนโอเค บริษัทจะไม่เน้นทำตลาดมากนัก แม้ว่าจะมีผู้ประกอบการเปิดตัวฟังก์ชันนัลดริงก์เป็นจำนวนมากก็ตาม แต่เนื่องจากตลาดยังมีขนาดเล็กโดยมีมูลค่า 300-400 ล้านบาท ดังนั้นการทุ่มงบการตลาดจะไม่คุ้มค่า ส่วนน้ำผลไม้เซกิงบการตลาดก็ยังไม่มากนักเช่นกัน โดยทั้งสองกลุ่มจะมีภาพยนตร์โฆษณาใหม่ ๆ เพื่อสร้างรับรู้
แนวโน้มตลาดเครื่องดื่มในปีนี้ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจะเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง อย่างไรก็ตามปีนี้การแข่งขันจะมีความรุนแรงมากขึ้น เพราะมีเครื่องดื่มใหม่ๆ เปิดตัวลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะฟังก์ชันนัลดริงก์ อีกทั้งยังเป็นเพราะกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง เพราะราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการเครื่องดื่มต้องช่วงชิงกำลังการซื้อ
นายตัน กล่าวว่า ปีนี้หากผู้ประกอบการบริหารจัดการไม่ดี อาจจะขาดทุนได้ เพราะต้นทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้นทุกอย่าง หรือหากเป็นรายเล็กมีโอกาสที่จะล้มหายตายจากไปตลาดเครื่องดื่ม สำหรับผลประกอบการปีนี้ กลุ่มเครื่องดื่มของบริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 20% หรือราว 3,360 ล้านบาท จากในปีที่ผ่านมามีรายได้ 2,800 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโต 13% ส่วนกลุ่มอาหาร 1,200 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 10%
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชาเขียวพร้อมโออิชิ เปิดเผยกับ ”ผู้จัดการรายวัน” ว่า จากสภาพตลาดชาเขียวมูลค่า 4,000 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 3-4% เท่านั้น ดังนั้นนโยบายการตลาดกลุ่มเครื่องดื่มในปีนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าใหม่ที่ตลาดในประเทศไทยยังไม่มีลงสู่ตลาดเป็นหลักมากกว่า ขณะที่งบการตลาดโดยรวมปีนี้วางไว้ราวกว่า 500 ล้านบาท จะถูกนำไปใช้ในกลุ่มสินค้าใหม่เป็นหลัก
ล่าสุดทุ่มงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท เพื่อผลิตเครื่องดื่มใหม่ลงสู่ตลาดในช่วงไตรมาสสอง ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันหรือฤดูกาลขายเครื่องดื่มในช่วงหน้านี้ สำหรับเครื่องดื่มตัวใหม่ วางคอนเซปต์เป็นสินค้าเพื่อสุขภาพ เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ที่รักสุขภาพเป็นหลัก ทั้งนี้การเปิดตัวเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เนื่องจากแนวโน้มตลาดมีอัตราการเติบโตสูง คนไทยหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น
สำหรับแนวทางการตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม ในฐานะโออิชิเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งกว่า 60% บริษัทตั้งเป้าจะผลักดันตลาดชาเขียวพร้อมดื่มให้มีอัตราการเติบโต 5-10% ด้วยการเปิดตัวรสชาติลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการดำเนินกิจกรรมการตลาด และเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาใหม่ เพื่อสร้างการรับรู้แก่กลุ่มเป้าหมาย ส่วนการทำโปรโมชันจะไม่มุ่งเน้นมากนัก
ขณะที่เครื่องดื่มอะมิโนโอเค บริษัทจะไม่เน้นทำตลาดมากนัก แม้ว่าจะมีผู้ประกอบการเปิดตัวฟังก์ชันนัลดริงก์เป็นจำนวนมากก็ตาม แต่เนื่องจากตลาดยังมีขนาดเล็กโดยมีมูลค่า 300-400 ล้านบาท ดังนั้นการทุ่มงบการตลาดจะไม่คุ้มค่า ส่วนน้ำผลไม้เซกิงบการตลาดก็ยังไม่มากนักเช่นกัน โดยทั้งสองกลุ่มจะมีภาพยนตร์โฆษณาใหม่ ๆ เพื่อสร้างรับรู้
แนวโน้มตลาดเครื่องดื่มในปีนี้ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจะเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง อย่างไรก็ตามปีนี้การแข่งขันจะมีความรุนแรงมากขึ้น เพราะมีเครื่องดื่มใหม่ๆ เปิดตัวลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะฟังก์ชันนัลดริงก์ อีกทั้งยังเป็นเพราะกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง เพราะราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการเครื่องดื่มต้องช่วงชิงกำลังการซื้อ
นายตัน กล่าวว่า ปีนี้หากผู้ประกอบการบริหารจัดการไม่ดี อาจจะขาดทุนได้ เพราะต้นทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้นทุกอย่าง หรือหากเป็นรายเล็กมีโอกาสที่จะล้มหายตายจากไปตลาดเครื่องดื่ม สำหรับผลประกอบการปีนี้ กลุ่มเครื่องดื่มของบริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 20% หรือราว 3,360 ล้านบาท จากในปีที่ผ่านมามีรายได้ 2,800 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโต 13% ส่วนกลุ่มอาหาร 1,200 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 10%