xs
xsm
sm
md
lg

จับตา“อนงค์วรรณ”แจง กกต.มัด“ประชัย”พ้นหัวหน้าพรรค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ประชัย” รอลุ้น กกต.ชี้ขาดสถานภาพหัวหน้าพรรคมัชฌิมาฯ เจ้าตัวมั่นใจยังไม่หลุด ขณะที่ “อนงค์วรรณ” เตรียมแจงขั้นตอน “ประชัย” ไขก๊อกจนทำให้หมดสถานภาพต่อ กกต.วันนี้ ส่วนลิ้วล่อกลุ่มมัชฌิมาฯ เลื่อยขาเก้าอี้ประเคน “เจ๊เป้า” ด้าน “สุนทร” โวยคนอิจฉาแกล้งให้ถูกใบแดง แฉ “สมศักดิ์” ได้ดีถีบหัวส่งเตรียมยึด 2 เก้าอี้ รมต.โควต้าร่วมรัฐบาล “บรรยิน” เนื้อเต้นเพื่อนถูกใบแดง ระบุไม่มีผลต่อพรรค มั่นใจได้เพิ่ม 2 เก้าอี้ ล้วนอยู่กลุ่มมัชฌิมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.45 น. วานนี้ (8 ม.ค.) นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย พร้อมด้วยนางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ ภรรยา และแกนนำพรรคฯ อาทิ พล.อ.อารักษ์ โรจนุตมะ ผอ.พรรคฯ นายณรงค์ พิริยอเนก โฆษกพรรคฯ เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อชี้แจง กรณีนายธนพร ศรียากูล นายทะเบียนพรรคฯยื่นให้ กกต. ตรวจสอบสถานภาพหัวหน้าพรรคของนายประชัยหลังทำการประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยนยประชัยได้เวลาชี้แจงนานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะเดินออกจากห้องประชุมโดยไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน กล่าวเพียงสั้น ยังคงเป็นหัวหน้าพรรคอยู่พร้อมกับมั่นใจในการชี้แจงต่อ กกต.

ด้าน พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย และตัวแทนพรรคในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลสายนายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา กล่าวว่า ในวันที่ 9 ม.ค. กกต.จะเชิญนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรค สอบถามเรื่องสถานภาพของนายประชัย ซึ่งตนจะเดินทางไปให้กำลังใจด้วย

ทั้งนี้นางอนงค์วรรณ จะชี้แจงข้อเท็จจริงโดยเริ่มตั้งแต่นายประชัยประกาศลาออกตั้งแต่ช่วงสายของวันที่ 4 ธ.ค. ที่พรรคมัชฌิมาธิปไตย อาคารทีพีไอ ย่านสาทร แต่ได้มีผู้สมัครหลายคนได้พยายามเกลี่ยกล่อมให้นายประชัยเปลี่ยนใจ การลาออก นายประชัยจึงขอเวลาตัดสินใจ 2-3 วัน จากนั้น ช่วงเวลา 16.00 น. นางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ ภรรยานายประชัย ได้นำหนังสือการลาออกของนายประชัยมาให้นางอนงค์วรรณ เซ็นรับรอง และส่งต่อให้นายธนพร ศรียากูล รองหัวหน้าพรรคและนายทะเบียนสมาชิกพรรค เซ็นกำกับอีกครั้ง จากนั้น จึงส่งหนังสือตัวจริงให้ พล.อ.อารักษ์ โรจนุตมะ ผอ.สำนักงานใหญ่พรรค ลงบัญทึกและส่งตัวจริงไปที่ กกต. ดังนั้น สถานภาพของนายประชัยยังคงเป็นหัวหน้าพรรคต่อไปหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับกกต.เป็นผู้ตัดสิน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สันนิฐานได้ว่านายประชัย ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เพราะนายธนพรได้ตัดรายชื่อออกจากฐานข้อมูลกลางในระบบอีเล็กทรอนิกส์แล้ว

พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวอีกว่า กรณีที่พรรคมอบหมายให้นางอนงค์วรรณ และตนเป็นผู้การจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพลังประชาชน เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนมติพรรค ที่จะต้องนำผลการหารือมารายงานต่อคณะกรรมการพรรค เพราะขอเท็จจริงคือผู้ที่ได้รับหมอบหมายดังกล่าวต้องการจะรายงานผลการหารือต่อการประชุมการคณะกรรมการบริหารพรรคเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งนายประชัยเป็นผู้เรียกประชุม แต่ได้ถูกนายธนพรคัดค้านเอาไว้ว่า นายประชัยไม่มีสถานภาพเป็นสมาชิกพรรคแล้วจึงไม่มีสิทธิเรียกประชุม ซึ่งในวันนั้นจึงยังไม่ได้มีการรายงานผลหารือจัดตั้งร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน

“กรณีที่นายประชัย ออกแถลงการณ์ประกาศยกเลิกการจัดตั้งร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนเมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา ถือว่านายประชัยไม่มีสิทธิที่จะออกมา คัดค้าน เพราะไม่มีสภาพเป็นหัวหน้าพรรคหรือสมาชิกในพรรคแต่อย่างใดแล้ว”

พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวว่า หาก กกต.ตีความและชี้ขาดว่านายประชัยพ้นสมาชิกภาพแล้ว กรรมการบริหารพรรคและผู้บริหารชุดปัจจุบันก็พ้นสภาพไปด้วย ต้องให้นายประมวล เลี่ยวไพรัตน์ รองหัวหน้าพรรคอันดับ 1 เรียกประชุมใหญ่ ซึ่งความจริงหากนายประชัยอยากกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกก็สมัครสมาชิกใหม่ เพื่อให้สมาชิกพรรคลงคะแนนลับเลือกนายประชัยกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคก็ได้ แต่คิดว่านายประชัยอาจจะกังวลว่าตัวเองไม่เป็นที่ยอมรับของสมาชิกพรรคมากกว่า เพราะผลเลือกตั้งก็สะท้อนให้เห็นชัดว่าพรรคมัชฌิมาธิปไตยเป็นพรรคเดี่ยวที่ไม่ได้ ส.ส.สัดส่วนเลย หากตนเป็นนายประชัยก็คงแสดงสปิริตลาออกแล้ว ไม่ต้องให้ใครมารับผิดชอบหรือมาโต้แย้ง มาว่าพวกตนทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย เราทำตามกฎหมาย ซึ่งหากนายประชัยจะสู้ก็ต้องสู้ตามกฎหมาย จะขัดกฎหมายไม่ได้

พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวว่า แม้ว่าที่ ส.ส.ของพรรคจะโดนใบแดงไป 1 คน คิดว่า ไม่มีผลต่อพรรค เพราะเชื่อว่าพรรคจะได้ส.ส.เพิ่มอีก 2 คนแน่นอน ได้แก่ จ.ชัยนาท เนื่องจากว่าที่ส.ส.ของพรรคชาติไทยโดนใบแดง และนางพรทิวา นาคาศัย ผู้สมัครของพรรคได้คะแนนเป็นอันดับ 3 ส่วนในเขต 3 จ.บุรีรัมย์ ซึ่งว่าที่ส.ส.พรรคพลังประชาชนโดนใบแดงเช่นกัน จะทำให้นายสมนึก เฮงวาณิชย์ ผู้สมัครของพรรค ซึ่งได้คะแนนอันดับ 5 จะได้รับเลือกตั้งเข้ามาแน่นอน

อย่างไรก็ตาม จากการประเมินพลว่าบุคคลที่จะได้รับเลือกตั้งเข้ามาใหม่ ล้วนแต่อยู่ในกลุ่มมัชฌิมาทั้งนั้น ส่วนจะส่งผลให้พรรคมัชฌิมาธิปไตยมีศักยภาพ มากขึ้นในการร่วมรัฐบาลหรือไม่ ก็ขึ้นกับพรรคพลังประชาชนจะให้ความสำคัญกับพรรคเราเพียงใด

นายสุนทร วิลาวัลย์ อดีตว่าที่ ส.ส. เขต 1 ปราจีนบุรี พรรคมัชฌิมาธิปไตย ให้สัมภาษณ์หลังทราบผล กกต.มีมติให้ใบแดงว่า ไม่น่าเชื่อว่ามติของกกต.จะออกมาเช่นนี้ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าน่าจะโดนกลั่นแกล้งจากคนที่อิจฉา อย่างไรก็ตามก็น้อมรับในคำตัดสิน และไม่รู้สึกซีเรียสกับคำชี้ขาดของ กกต. แต่สิ่งที่ตนซีเรียสเป็นเรื่องของกลุ่มคน ที่ตนไม่รู้ใจว่าใครคิดอย่างไร

นายสุนทร กล่าวว่า ไม่ทราบว่าการได้ใบแดงมีผลต่อการเปลี่ยนตัวทีมเจรจา การร่วมรัฐบาลหรือไม่ คงต้องมีการพูดคุยกัน ทั้งนี้ คิดว่ากลุ่มของนายสมศักดิ์ ก็ไม่ต้องการให้ตนอยู่ในทีมเจรจา ก็คงต้องดูใจว่าทางเขาจะว่าอย่างไร ซึ่ง ก่อนหน้านี้ยอมรับว่า นายสมศักดิ์ได้พูดคุยกับตนเป็นอย่างดี มีการจับมือกัน แต่ระยะหลังนายสมศักดิ์กลับไม่พูดคุยกับตน ถึงเวลานี้ก็ไม่มั่นใจ ทั้งนี้ เชื่อว่าสาเหตุน่าจะมาจากการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ที่กลุ่มนายสมศักดิ์ไม่ต้องการให้ตนได้ตำแหน่ง ตนไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะปรึกษาทีมกฎหมาย เพื่อยื่นอุทธรณ์มติของ กกต.แล้วส่งให้กฤษฎีกาตีความว่า ตนทำผิดในส่วนใด

มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้โควต้ารัฐมนตรี 2 ตำแหน่งจะเป็นของกลุ่มนายประชัย คือนายสุนทร วิชาวัลย์ และกลุ่มมัชฌิมา คือนางอนงค์วรรณ แต่ต่อมากลุ่มมัชฌิมากลับยึกยักโดยอ้างว่ากลุ่มนายประชัยมีส.ส.เพียงคนเดียว จนทำให้นายสุนทร กล่าวกับว่า หากนางอนงค์วรรณไม่ใจดำเกินไปตนเองจะต้องได้ 1 เก้าอี้ ทำให้ระยะหลังมีข่าวว่า นายสมศักดิ์หมางเมินกับนายสุนทร โดยไม่มีการพูดคุยกันเหมือนระยะแรก และมีข่าวกลุ่มมัชฌิมาต้องการเก้าอี้ทั้งหมด เพื่อให้กับนางอนงค์วรรณ และ พ.ต.ท.บรรยิน
กำลังโหลดความคิดเห็น