พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปะทาน 7 วัน พระราชทานพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ วันพรุ่งนี้ เวลา 17.00 น. สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ ที่ 2 ส่งพระราชราชสาสน์แสดงความอาลัย บรรดาทูต-ตัวแทนฯ 28 ประเทศเคารพพระศพ ขณะที่ยอดรวมผู้ลงนาม 5 วัน เกือบแสน เผยแบบร่างพระเมรุเสร็จ ระดมช่างสิบหมู่กว่า 400 คนใช้เวลาสร้าง 4-8 เดือน ตั้งคณะทำงานบันทึกจดหมายเหตุแห่งชาติแล้ว
วานนี้ (7 ม.ค. ) เวลา 06.50 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อสดับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ จากนั้นทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายภัตตาหารเช้าพระสงฆ์จากวัดระฆังโฆสิตารามราชวรมหาวิหาร และ วัดพระเชตุพนฯ จำนวน 8 รูป ซึ่งเป็นวัดที่สวดพระอภิธรรมตั้งแต่เวลา 18.00-07.00 น. ของวันที่ 6 ม.ค.
จากนั้นเวลาประมาณ 19.00 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และ ทูลกระหม่อหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จฯไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อสดับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยพระสงฆ์จากวัด ระฆังโฆสิตารามราชวรมหาวิหาร และ วัดพระเชตุพนฯ จำนวน 8 รูป
พรุ่งนี้ในหลวงเสด็จฯ
สำนักพระราชวังได้แจ้งกำหนดพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปะทาน 7 วันพระราชทานพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมหมาราชวัง 2551...ว่า
โดยในวันพุธที่ 9 มกราคม 2551 เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ จะ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระตำหนักจิตลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เพื่อทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปะทาน 7 วัน (ทำบุญครบ 7 วัน) พระราชทานพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ รวมถึงในวันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม 2551 เวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระตำหนักจิตลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
"เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ" ประทานดอกไม้
และในเวลา 14.30 น. สมเด็จภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ ราชสุดา ศิริโสภาพรรณวดี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะข้าราชบริพารวังรื่นฤดี นำโดยท่านผู้หญิงศรีนาถ สุริยะ อัญเชิญดอกไม้ส่วนพระองค์ไปถวายสักการะพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ฯ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
ควีนฯ ส่งพระราชราชสาสน์แสดงความอาลัย
สถานทูตอังกฤษแจ้งว่า ในวันนี้ ( 8 ม.ค.) เวลา 09.00 น. เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยจะเข้ามาลงนามไว้อาลัยและถวายสักการะพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ พร้อมกันนี้เอกอัครราชทูตจะอัญเชิญพระราชสาสน์จาก สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ ที่ 2 มามอบให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายรับรองที่ประจำการอยู่ ณ ศาลาสหทัยสมาคม
ทูต-ตัวแทนฯ 28 ประเทศเคารพพระศพ
ตลอดทั้งวันของเมื่อวานนี้ยังมีบรรดาทูตานุทูตและตัวแทนจากนานาประเทศเดินทางมาเคารพพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ รวมทั้งสิ้น 28 ประเทศ โดยในช่วงเช้ามีทูตจากประเทศต่าง ๆ อาทิ สหรัฐอเมริกา , ศรีลังกา , สหรัฐอาหรับเอมิเรต ,ฟินแลนด์ , โอมาน, อิสราเอล , โรมาเนีย , อิตาลี , คิวบา, แกมเบีย , ดร.เนโอลีน เฮเซอร์ เลขาธิการคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจและสังคม ประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของสหประชาชาติ
นายอาโนว์ โอเบอร์ไมเยอร์ อุปทูตประจำประเทศออสเตรีย ,Vasill Pytel เอคอัครราชทูตสโลวัก และ Yasia Elmawki Mohamed กงสุลกิตติมศักดิ์ประเทศซูดาน , เอกอัครราชทูตจากประเทศเบลเยียม , อุปทูตจากประเทศมาเลียเซีย ,นายเอ็ดการ์ด เทลเลส ริเบย์โรเอกอัครราชทูตบราซิล ประจำประเทศไทย , นายมาร์ค อุนเกอร์ ฮัยเยอร์ เอกอัครราชทูตลักเซมเบอร์ก ประจำประเทศไทย เดินทางมาพร้อมด้วยนายชาร์ลส ชมิต รองหัวหน้าคณะทูต
ส่วนในช่วงบ่ายก็มี อีวาน โฮเทค เอกอัคราชทูตสาธารณรัฐเชค , นายบรูค บาริ่นตัน เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย ,Vasill Pytel เอคอัครราชทูตสโลวัก และ Yasia Elmawki Mohamed กงสุลกิตติมศักดิ์ประเทศซูดาน นอกจากนี้ยังมีเอกอัครราชทูตจากประเทศเบลเยียม และอุปทูตจากประเทศมาเลียเซีย
ทูตฝรั่งเศส-การ์ตา-ลาว แสดงความอาลัย
Mr. Laurent Vili เอกอัครฝรั่งเศส กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า รู้สึกเสียใจต่อการสิ้นพระชนของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เนื่องจากพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประเทศฝรั่งเศสโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์ทรงให้การสนับสนุนในเรื่องวัฒนธรรมของทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะด้านการศึกษาภาษาฝรั่งเศส เนื่องด้วยพระองค์ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์สมาคมภาษาฝรั่งเศส
ส่วน Abdalla la-hamar เอกอัครราชทูตจากรัฐการ์ตาประจำประเทศไทย กล่าวว่ารู้สึกซาบซึ้งในพระจริยวัตรของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ แม้จะไม่เคยทำงานร่วมกับพระองค์ท่าน
และนายคำส่วยแก้ว ดาราวงศ์ ที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้เชิญพวงมาลามาถวายสักการะพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในนาม พลโท มจูมมาลี ไชยะสอน ประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
เปิดบัญชี “ทุนสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ”
นายรัตนาวุธ วัชโรทัย ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สำนักพระราชวัง เปิดเผยว่า เนื่องจากได้มีประชาชนได้ร่วมบำเพ็ญพระราชกุศล ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัยในแต่ละวันเป็นเงินจำนวนมาก ทางสำนักพระราชวังจึงชี้แจงมาว่าขณะนี้ได้ทำการเปิดบัญชีในชื่อ “ทุนสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ” เพื่อนำเงินทั้งหมดเข้าในบัญชีนี้แล้ว
ขณะเดียวกันทางสำนักพระราชวังยังได้จัดเตรียมห้องประชุมของสำนักพระราชวัง เพื่อใช้เป็นศูนย์ข่าวสำหรับสื่อมวลชนที่มาทำข่าวงานพระศพของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยในห้องดังกล่าวจะมีอุปกรณ์สื่อสารและเครื่องใช้สำนักงานครบครัน เพื่อให้ความสะดวกแก่ผู้สื่อข่าว นอกจากนี้ยังได้จัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสำนักพระราชวังผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาประจำอยู่ ณ ห้องนี้เพื่อให้ความสะดวกแก่สื่อมวลชนที่มาใช้บริการ
บัณฑิต-อึ้ง ตั้งวงฯ ถวายพระเกียรติ
ในเวลา 15.00 น. นายบัณฑิต อึ้งรังสี วาทยากรชื่อก้องโลก ได้เดินทางมาลงนามไว้อาลัยและสักการะพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และได้กล่าวกับผู้สื่อข่าว “ผู้จัดการรายวัน” ว่าการสูญเสียสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ฯ ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ทั้งต่อคนไทยและต่อวงการเพลงคลาสสิกของไทย
โดยนายบัณฑิตกล่าวเพิ่มเติมว่า สมเด็จพระพี่นางเธอฯทรงให้ความสนพระทัยต่อการแสดงของตนเป็นพิเศษ และจะเสด็จชมการแสดงของเขาทุกครั้งที่มาเปิดการแสดงในเมืองไทย
"ผมเคยมีโอกาสเข้าเฝ้า ซึ่งพระองค์ทรงรับสั่งถามถึงรายละเลียดในการทำงานด้านดนตรีของผม ทรงถามว่าผมมีวิธีการฝึกซ้อมอย่างไร รวมถึงวิธีในการทำงาน ในการพิสูจน์ให้ชาวต่างชาติได้เห็นถึงความสามรรถ กระทั่งได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่นานาประเทศจะให้การยอมรับ"
นอกจากนี้นายบัณฑิตยังมีความตั้งใจที่จะจัดตั้งวงออเคสตรา และกำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ เพื่อขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตต่อไป
อาสาฯ พอสว. เผยเหมือนขาดพ่อแม่
พล.อ.พิชายเมธ ม่วงมณี ที่ปรึกษาโครงการทันตแพทย์อาสาสมัครเคลื่อนที่ พอสว.ภาคเหนือ ที่ปรึกษาโครงการชุมชนเรียนรู้ในพระเมตตาสมเด็จย่า และสมาชิกสภาผู้แทนแบบสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวความรู้สึกภายหลังที่ได้สักการะพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯว่า ตัวเองเป็นที่ปรึกษาให้กับ 2 โครงการที่อยู่ในพระอุปถัมภ์ ของพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งสองโครงการนี้เป็นงานที่ถวายโดยตรงต่อพระองค์ท่าน แต่ก่อนหน้าที่จะได้มารับใช้พระพี่นางฯ เขาเคยถวายงานรับใช้สมเด็จย่าที่ดอยตุงมาก่อน เรียกได้ว่าเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยง ของทั้งสองพระองค์
นอกจากนี้ในช่วงที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ประชวรก็ยังคงช่วยงานอยู่ที่ดอยตุงและก็เฝ้าภาวนาให้ท่านหายจากอาการพระประชวรโดยเร็ว แต่ท่านก็สิ้นพระชน เจ้าตัวบอกว่าความรู้สึกของเขาในขณะนั้นเหมือนขาดพ่อขาดแม่ เหมือนขาดครอบครัว เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา รู้สึกว่าและรับรู้ได้ว่าท่านแผ่เมตตาให้พสกนิกรเสมอมา นับจากนี้ไป ผมก็จะยังคงทำงานให้พระองค์ท่าน โดยเฉพาะทางชายแดนภาคเหนือ และจะสานต่อปณิธานของพระองค์ท่านต่อไป โดยเฉพาะงานทางชายแดนภาคเหนือ
ผู้สื่อข่าวถามว่า โครงการของพาระองค์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป พล.อ.พิชายเมธ กล่าวว่าเมื่อสิ้นท่าน ผมเชื่อว่าพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นคงจะทางสานต่อ ส่วนตัวผมเอง ก็จะขอรับใช้ จนกระทั่งหมดสติปัญญาและกำลังความสามารถ และในวันเดียวกันเขาหลังจากที่เขาได้สักการะพระยาลักษณ์เสร็จแล้วเขาได้เดินทางไปยังดอยอินทนน์เพื่อไปดูแลโครงการของพระองค์ท่าน
ส่วนในช่วงเช้าวันนี้ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ปปช. กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์สิ้นพระชนม์ พร้อมกันนี้ยังกล่าวชื่นชมในพระจริยวัตรของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯที่ทรงช่วยเหลือประชาชนในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านการศึกษา และสังคมสงเคราะห์ และอยากให้คนไทยยึดพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างที่ทำเพื่อประเทศชาติ
ยอดรวมผู้ลงนาม 5 วันเกือบแสนแล้ว
และเมื่อ 17.00 น สำนักพระราชวังทำการปิดการถวายสักการะและลงนามสักการะภายในศาลาสหทัยสมาคม โดยยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาลงนามสักการะในวันที่ 7 ม.ค.จำนวนทั้งสิ้น 23,875 คน รวม 5 วันเป็นจำนวน 95,275 รายชื่อ ในจำนวนนี้มีแยกเป็นบุคคลสำคัญทั้งสิ้น 266 คน และคณะทูต 28 คน ขณะที่พวงมาลาที่นำมาถวายสักการะเมื่อวานนี้ มีจำนวน 70 พวง และยอดเงินบำเพ็ญพระราชกุศล ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัยในวันนี้เป็นจำนวน 520,787 บาท รวม 5 วันเป็นเงินทั้งสิ้น 1,682,147 บาท
เผยแบบร่างพระเมรุเสร็จแล้ว
เมื่อเวลา (7 ม.ค.) 10.45 น. คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ในวันนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ตนจะเสนอความคืบหน้า และขั้นตอนการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ทั้งเรื่องการออกแบบร่างพระเมรุ การอัญเชิญพระเวชยันตราชรถ และราชรถน้อยออกมาทำความสะอาดและเตรียมความพร้อมในการใช้งาน เป็นต้น
ทั้งนี้ ทราบว่า น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงานออกแบบร่างพระเมรุฯ ของกรมศิลปากร ได้ดำเนินการออกแบบร่างพระเมรุฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เพื่อให้รัฐบาลทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงมีพระราชวินิจฉัยต่อไป
คุณหญิงไขศรี กล่าวอีกว่า ตนได้หารือร่วมกับท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ ภายหลังจากเข้าเฝ้าฯ ที่พระบรมมหาราชวัง ซึ่งท่านผู้หญิงบุตรีได้ย้ำว่า วธ.ควรอัญเชิญพระเวชยันตราชรถ และราชรถน้อยที่จะใช้ในพระราชพิธีเคลื่อนพระศพฯ โดยจะต้องเร่งปรับปรุงซ่อมแซมและทำความสะอาดพระเวชยันตราชรถและราชรถน้อยให้เรียบร้อย จากนั้นควรอัญเชิญออกมาทดลองเคลื่อนขบวนจากพระบรมมหาราชวังไปยังสนามหลวงอย่างน้อย 2 รอบ
“ขณะนี้พระเวชยันตราชรถและราชรถน้อย รวมถึงยานมาศ 3 ลำคานนั้นได้รับการจัดเก็บไว้ที่โรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ดังนั้นจะต้องประสานไปยังกรมศิลปากรในการระดมทหารช่างมาซ่อมแซมล้อและโครงสร้างของพระเวชยันตราชรถและราชรถน้อย ส่วนกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์จะเร่งดำเนินการความความสะอาดและซ่อมแซมลวดลายต่างๆ เนื่องจากมีขั้นตอนการทำงานที่ละเอียดต้องใช้เวลาพอสมควร จึงต้องเร่งสั่งการให้กรมศิลปากรดำเนินการทันที”รมว.วัฒนธรรม กล่าว
ด้าน น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ในฐานะประธานคณะทำงานคณะทำงานในการจัดสร้างพระเมรุของกรมศิลปากร เปิดเผยว่า ขณะนี้แบบร่างพระเมรุ ได้จัดทำขึ้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะมีการนำขึ้นทูลเกล้าถวายฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงมีพระราชวินิจฉัย แบบร่างดังกล่าวต่อไป
นายสมชาย ณ นครพนม ผอ.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร กล่าวว่า การอัญเชิญพระเวชยันตราชรถ และราชรถน้อยออกมาเพื่อออกมาทดลองเคลื่อนขบวนออกจากพระบรมมหาราชวังนั้น คงต้องรอให้คณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ มีหนังสือแจ้งมาก่อนจึงจะสามารถดำเนินการได้
คาดใช้เวลาสร้างพระเมรุ 4-8 เดือน
นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยภายหลังการประชุมเตรียมงานก่อสร้างพระเมรุ และอาคารประกอบพิธี ณ บริเวณปริมณฑลท้องสนามหลวงว่า การประชุมวานนี้ (7 ม.ค.) เป็นการหารือกันถึงการเตรียมงานก่อสร้างพระเมรุในพระราชพิธีพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เพื่อเตรียมเสนอต่อคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่มี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งจะมีการประชุมในวันนี้ โดยที่ประชุมได้หารือกัน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ องค์ประกอบพระเมรุในพระราชพิธีพระศพ งบประมาณในการก่อสร้างพระเมรุ และระยะเวลาที่ใช้ในการก่อสร้างพระเมรุ
“สำหรับองค์ประกอบต่างๆ นั้นจะรวมทั้งการก่อสร้างพระเมรุ และอาคารประกอบต่างๆ ในบริเวณมณฑลพิธี ตลอดจนการก่อสร้างโรงมหรสพ ปะรำ ปรับปรุงเส้นทางเดินเท้า ทางลาด และพื้นลานต่างๆ โดยงบประมาณที่จะใช้ในการก่อสร้างพระเมรุในพระราชพิธีพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ประมาณ 150-200 ล้านบาท ซึ่งเทียบเคียงจากงานก่อสร้างพระเมรุมาศในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา ซึ่งใช้งบฯ ทั้งสิ้น 120 ล้าน ระยะเวลาการก่อสร้างพระเมรุมาศ 6 เดือน แต่ปัจจุบันค่าวัสดุก่อสร้างต่างๆ มีราคาแพงขึ้น จึงทำให้งบฯ ที่จะใช้สูงขึ้นตามไปด้วย ส่วนระยะเวลาในการก่อสร้างพระเมรุในพระราชพิธีพระศพสมเด็จพระพี่นางเธอฯ อยู่ในช่วง 4-8 เดือน”
ระดมช่างสิบหมู่กว่า 400 คน
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า รายละเอียดการก่อสร้างพระเมรุในขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากยังไม่ทราบแบบร่างพระเมรุต้องรอให้คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฯ ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อมีพระบรมราชวินิจฉัยก่อน ซึ่งการก่อสร้างพระเมรุครั้งนี้ ตนจะขอยกเว้นเป็นกรณีพิเศษที่จะไม่ปฏิบัติตามระเบียบพัสดุของทางราชการ เนื่องจากจะใช้เวลานานไม่ทันกับการก่อสร้างพระเมรุ โดยรัฐบาลอาจจะให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินหรือสำนักงบประมาณเข้ามาร่วมในการก่อสร้างดังกล่าว เพื่อดูแลเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณด้วยก็ได้
ทั้งนี้ สำนักช่างสิบหมู่จะรับผิดชอบในการจัดทำลวดลายต่างๆ ในพระเมรุทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะใช้บุคลากรในการก่อสร้างพระเมรุประมาณ 300-400 คน และระยะเวลาในการก่อสร้างไม่ควรน้อยกว่า 4 เดือน แต่หากจะต้องดำเนินการให้เสร็จก่อน 4 เดือน ตนก็พร้อมจะระดมบุคลากรจากกรมศิลปากรทั้งหมด และประสานหน่วยงานอื่นๆ เข้ามาร่วมในการก่อสร้างให้เสร็จตามเวลา
ตั้งคณะทำงานบันทึกจดหมายเหตุแห่งชาติ
นางสุรีรัตน์ วงศ์เสงี่ยม ผอ.สำนักหอจดหมายแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติได้ดำเนินการตามภารกิจของหอจดหมายเหตุฯ โดยได้มีการประชุมแต่งตั้งคณะทำงานในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพระราชพิธีพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ฯ และเจ้าหน้าที่รวบรวมเอกสารเกี่ยวกับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ตลอดจนเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทั้งหมด เพื่อจัดทำเป็นจดหมายเหตุแห่งชาติ
ส่วนการแต่งตั้งคณะอนุกรรมเกี่ยวกับการจัดทำจดหมายเหตุงานพระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ อย่างเป็นทางการนั้น ต้องรอให้มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ที่มี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ประชุมคณะกรรมการในวันที่ 8 ม.ค.นี้ก่อน
“สำหรับจดหมายเหตุพระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทางสำนักหอจดหมายเหตุฯ จะรวบรวมเอกสารทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น สื่อสิ่งพิมพ์ บันทึกเทปโทรทัศน์ เอกสารกำหนดการจากสำนักพระราชวัง ตั้งแต่แถลงการณ์สำนักพระราชวังในช่วงประชวร ณ โรงพยาบาลศิริราช จนกระทั้งสิ้นพระชนม์ ตลอดจนพระราชพิธีพระศพ พระเมรุ การจัดขบวนเคลื่อนพระศพ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพ จากนั้นทางสำนักหอจดหมายเหตุฯจะทำการรวบรวมให้เป็นรูปเล่ม แบ่งเป็นบทๆ ตั้งแต่ พระประวัติ พระกรณียกิจ พระราชพิธีพระศพ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพ เพื่อบันทึกเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป”ผอ.สำนักจดหมายเหตุแห่งชาติ กล่าว
กทม.ประสานขอเป็นเจ้าภาพ
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในการเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นั้น ทางกทม.ได้มีการประสานในเบื้องต้นไปแล้วแต่จะได้มีการประสานอย่างเป็นทางการผ่านเลขาธิการพระราชวังอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกทม.ได้กำหนดจัดพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 185 รูป เพื่อถวายเป็นพระกุศล ณ บริเวณลานคนเมืองในโอกาสวันครบรอบสิ้นพระชนม์ 7 วัน ในที่ 9 ม.ค.2551, ครบ 15 วัน ในที่ 18 ม.ค.2551, ครบ 50 วัน วันที่ 21 ก.พ. 2551 และครบ100 วัน วันที่ 11 เม.ย.2551
ขณะเดียวกันนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ทราบข่าวประกาศจากสำนักพระราชวังว่า จะเปิดโอกาสให้ประชาชนและองค์กรต่างๆ ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญพระราชกุศลและบำเพ็ญกุศลถวายพระศพ ในวันที่ 12 เม.ย เป็นต้นไป ทางสภาทนายความขอเป็นองค์กรหนึ่งที่ร่วมเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ด้วย
รพ.สงฆ์จัดพิธีบำเพ็ญกุศลถวาย
นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรมการแพทย์กำหนดจัดพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันสิ้นพระชนม์ครบ 7 วัน ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในเวลา 13.45 น. วันที่ 9 ม.ค. ณ หอฉัน รพ.สงฆ์ โดยนิมนต์ พระพุทธวรญาณ เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตร เป็นประธานสวดพระพุทธมนต์พร้อมด้วยพระสงฆ์รวมทั้งสิ้น 10 รูป ทั้งนี้เพราะสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงมีพระกรุณาธิคุณต่อกรมการแพทย์ โดยเฉพาะรพ.สงฆ์ ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ในการก่อสร้างตึกกัลยาณิวัฒนา เพื่อผู้ป่วยโรคไต และ พระภิกษุสงฆ์อาพาธด้วย
เผยทรงห่วงผืนป่าเหนือเขื่อนภูมิพล
นายบุญอินทร์ ชื่นชวลิต ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก เปิดเผยว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ได้ทรงเสด็จมาประทับแรมที่เขื่อนภูมิพลเป็นประจำทุกปี โดยครั้งสุดท้าย ได้เสด็จระหว่างวันที่ 10-14 มี.ค.46 โดยทรงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ถิ่นทุรกันดารห่างไกลในพื้นที่จังหวัดตาก พร้อมนำหน่วยอาสาฯ พอ.สว.ตรวจรักษาราษฎรผู้ยากไร้ หลังเสร็จสิ้นภารกิจพระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาประทับแรมที่เขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก
ในระหว่างที่ทรงพักผ่อนพระราชอิริยาบถ พระองค์ทรงกีฬาเปตอง ซึ่งเป็นกีฬาที่โปรดปราน ทรงพระราชทานลูกเปตองไว้เป็นที่ระลึกเมื่อคราวเสด็จครั้งนั้นด้วย นอกจากนั้นพระองค์ทรงเสด็จทางเรือ ชมทัศนียภาพอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนภูมิพล และทรงชื่นชมทัศนียภาพที่งดงาม โดยทรงห่วงใยผืนป่าเหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล และทรงดำริให้ทุกคนช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมเหนือเขื่อนภูมิพล ไม่ให้มีการตัดไม้ทำลายป่า เพราะแม่น้ำปิงคือ แหล่งน้ำสายสำคัญที่จะหล่อเลี้ยงลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
นอกจากนี้ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ยังทรงปลูกต้นไม้ ชื่อว่า ต้น "พระเจ้าห้าองค์" ไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ไทย ปัจจุบันมีลำต้นสูงกว่า 10 เมตร อยู่บริเวณเขตพระราชฐาน ที่ประทับแรมด้วย
นายบุญอินทร์ กล่าวถึงความประทับใจที่ได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ หลังจากที่ถวายรายงานพระองค์ทรงสนพระทัยในรายละเอียดของการทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานน้ำของเขื่อนภูมิพลทุกขั้นตอน ตลอดจนถึงการระบายน้ำ การใช้พลังงานน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้านับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใยการชลประทานและเกษตรของพสกนิกรชาวไทยซึ่งต้องอาศัยน้ำและไฟฟ้าจากเขื่อนภูมิพลในการดำรงชีพ อย่างหาที่สุดมิได้
"ชาวลาหู่"ร่วมถวายไว้อาลัยพะพี่นางฯ
สำหรับบรรยากาศการลงนามถวายสักการะ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯในต่างจังหวัดนั้นก็มีอย่างต่อเนื่อง โดยมีประชาชนในแต่ละจังหวัดมายืนเข้าแถวตามสถานที่ราชการต่าง ๆที่จัดให้เป็นที่ถวายสักการะและลงนามสักการกันอย่างเนืองแน่น
ที่ จ.เชียงราย นางเตือนใจ ดีเทศน์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เชียงราย ได้ร่วมกับผู้นำทางศาสนาชาวลาหู่ (โตโบ) และผู้นำหมู่บ้านลาหู่ 30 หมู่บ้านราว 200 คน นำโดยนายสีละ จะแฮ นายกสมาคมลาหู่ เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต, นายประวิทย์ ประดับชมภู ผู้ใหญ่บ้านจะคือ ม.10 ต.ห้วยชมภู อ.เมืองเชียงราย, นายวุฒิพงษ์ สวรรค์โชติ นายก อบต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย จัดพิธีน้อมระลึกและแสดงความอาลัยถวายฯ ต่อหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ บริเวณศาลากลางบ้านจะคือ ม.10 ต.ห้วยชมพู อ.เมืองเชียงราย กลางหุบเขาสูงริมแม่น้ำกก เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา
โดยผู้นำทางศาสนา (โตโบ) ชาวลาหู่ ได้นำเครื่องราชสักการะ ประกอบด้วยปีกไก่ หมายถึง เป็นปีกที่ช่วยคลายความร้อนในระหว่างเสด็จขึ้นสวรรค์,ขาไก่ หมายถึง เป็นอุปกรณ์หาน้ำระหว่างเสด็จขึ้นสรวงสวรรค์, ข้าวสาร หมายถึง เป็นเครื่องเสวยระหว่างเสด็จขึ้นสรวงสวรรค์, เทียนไข หมายถึง เป็นแสงส่องสว่างในระหว่างเสด็จขึ้นสรวงสวรรค์ และอุปกรณ์หลายอย่าง ถวายต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมมีการบรรเลงดนตรีแบบลาหู่ จากนั้นได้นั่งสมาธิ เพื่อส่งแรงใจถวายเป็นพระราชกุศลด้วย
นายอากู่ มูเซอ อายุ 68 ปี ตัวแทนผู้สูงอายุชาวลาหู่ กล่าวว่า ชาวลาหู่ได้มาร่วมพิธีเพื่อถวายอาลัย แด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เพื่อที่จะให้ในภพหน้า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ จะได้กลับมาคุ้มครองดูแลพสกนิกรชาวไทยภูเขาอีกครั้ง
นางเรณู ธรรมบัณฑิต ผู้แทนหญิงลาหู่ กล่าวว่า ชาวไทยภูเขาเผ่าลาหู่หลายพื้นที่ได้มารวมกันและจัดเครื่องราชสักการะมาถวายเพื่อแสดงถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อชาวไทยภูเขาและพสกนิกรทุกหมู่เหล่าเป็นล้นพ้น
ด้าน นางเตือนใจ กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวไทยภูเขาอย่างมากมาย ทรงถวายงานสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชนนี แม่ฟ้าหลวงของปวงชนชาวไทย ณ พระตำหนักดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย และจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ออกรักษาพยาบาลชาวไทยภูเขาในถิ่นทุรกันดารมานานกว่า 30 ปี พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ทรงสถิตอยู่ในใจของชาวไทยภูเขาชาติพันธุ์ต่างๆ จึงได้มารวมตัวกันไว้เพื่อแสดงความสำนึก และแสดงความกตัญญูกตเวที และจัดพิธีกรรมที่แสดงด้วยความจริงใจ
โดยสมาคมลาหู่ เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตมีแนวทางที่จะสนองกระแสพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง รักษาขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมที่ดีงาม ช่วยกันดูแลรักษาป่า ดิน น้ำ และสิ่งแวดล้อม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลให้พระองค์สถิตอยู่ ณ สวรรคาลัย และคอยปกปักรักษาพสกนิกรชาวไทยทุกคน
"เด็กซาไกสตูล"ถวายการไว้อาลัย
ที่ จ.สตูล น้องเบี้ย และน้องบิว ชนกลุ่มน้อยซาไก ที่เข้ารับการศึกษา ณ โรงเรียนบ้านช่องไทร อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล พร้อมครอบครัว และคณะครูจากโรงเรียนบ้านช่องไทร พร้อมใจสวมชุดดำ บรรจงเขียนชื่อลงสมุดลงนามถวายอาลัยต่อหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เพื่อตอบแทนพระคุณและแสดงความจงรักภักดีในฐานะพสกนิกรคนหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้น้องเบี้ย และน้องบิว ได้เคยไปร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯมาแล้ว
ขณะเดียวกันนายมาโนช มณีวิทย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนท่าแพผดุงวิทย์ อ.ท่าแพ นำนักศึกษาวิชาทหาร 56 คน ร่วมลงนามถวายอายลัย เพื่อแสดงความเคารพและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงทำแก่แผ่นดินอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย
ส่วนที่ จ.สงขลา ที่บริเวณหน้าอาคารอำนวยการ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา นางนิตยา ศรีญาณลักษณ์ รักษาการแทนผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีสงขลาเป็นประธานในพิธีถวายสักการะและลงนามไว้อาลัยถวายแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยมีอาจารย์และตัวแทนนักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีร่วมในพิธีถวายสักการะและลงนามไว้อาลัยถวายแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ รวมทั้งนักเรียนจากศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีสงขลา ร่วมในการถวายสักการะด้วย
พอ.สว.นราฯ ตั้งมั่นสานต่อพระปณิธาน
นพ.วิรุฬห์ พรพัฒน์กุล ผอ.รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่า ตนและคณะเจ้าหน้าที่มูลนิธิหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จ.นราธิวาส หน่วยกายอุปกรณ์ทำแขนขาเทียมในพระอุปถัมภ์ และหน่วยไตเฉลิมพระเกียรติ มีความมุ่งมั่นตั้งใจสานต่อพระปณิธานในการช่วยเหลือพี่น้องชายแดนใต้ โดยเฉพาะการทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในพื้นที่ให้มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ
สำหรับโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ได้จัดนิทรรศการแสดงพระราชประวัติภายในบริเวณอาคารผู้ป่วยนอกเพื่อเป็นการสดุดี และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และเปิดให้ประชาชนได้ร่วมลงนามถวายความอาลัย ต่อหน้าพระฉายาลักษณ์เป็นเวลา 30 วัน
วันเดียวกันชุดปฏิบัติการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ และหน่วยขึ้นควบคุมทางยุทธการ ชุดดูแลพระตำหนัก กองพันพัฒนาที่ 4 ชุดทำลายวัตถุระเบิด ฉก.อโณทัย หมวดรักษาความปลอดภัยนาวิกโยธิน สถานีตำรวจภูธรตันหยง ตำรวจน้ำ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 446 และ 447 หน่วยปฏิบัติการพิเศษจังหวัดนราธิวาส กว่า 500 คน ร่วมกับพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จัดพิธีถวายสักการะและไว้อาลัยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ด้วยความสำนึกในพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงพสกนิกรทั้งประเทศ ณ สิริกาญจนทักษิณ ตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ อ.เมือง จ.นราธิวาส
พ.ท.วิชัย ชัยมงคล พนักงานพิเศษผู้ดูแลพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้ติดตามพระกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เมื่อครั้งตามเสด็จสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มาปฏิบัติพระกรณียกิจมูลนิธิแพทย์อาสาในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยข้าราชบริพารในพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ต่างสำนึกในพระกรุณาธิคุณ และเสียใจต่อการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่าน พร้อมกันนี้จะตั้งปณิธานในการร่วมกันทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสนี้ด้วย
วานนี้ (7 ม.ค. ) เวลา 06.50 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อสดับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ จากนั้นทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายภัตตาหารเช้าพระสงฆ์จากวัดระฆังโฆสิตารามราชวรมหาวิหาร และ วัดพระเชตุพนฯ จำนวน 8 รูป ซึ่งเป็นวัดที่สวดพระอภิธรรมตั้งแต่เวลา 18.00-07.00 น. ของวันที่ 6 ม.ค.
จากนั้นเวลาประมาณ 19.00 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และ ทูลกระหม่อหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จฯไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อสดับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยพระสงฆ์จากวัด ระฆังโฆสิตารามราชวรมหาวิหาร และ วัดพระเชตุพนฯ จำนวน 8 รูป
พรุ่งนี้ในหลวงเสด็จฯ
สำนักพระราชวังได้แจ้งกำหนดพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปะทาน 7 วันพระราชทานพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมหมาราชวัง 2551...ว่า
โดยในวันพุธที่ 9 มกราคม 2551 เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ จะ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระตำหนักจิตลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เพื่อทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปะทาน 7 วัน (ทำบุญครบ 7 วัน) พระราชทานพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ รวมถึงในวันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม 2551 เวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระตำหนักจิตลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
"เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ" ประทานดอกไม้
และในเวลา 14.30 น. สมเด็จภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ ราชสุดา ศิริโสภาพรรณวดี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะข้าราชบริพารวังรื่นฤดี นำโดยท่านผู้หญิงศรีนาถ สุริยะ อัญเชิญดอกไม้ส่วนพระองค์ไปถวายสักการะพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ฯ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
ควีนฯ ส่งพระราชราชสาสน์แสดงความอาลัย
สถานทูตอังกฤษแจ้งว่า ในวันนี้ ( 8 ม.ค.) เวลา 09.00 น. เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยจะเข้ามาลงนามไว้อาลัยและถวายสักการะพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ พร้อมกันนี้เอกอัครราชทูตจะอัญเชิญพระราชสาสน์จาก สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ ที่ 2 มามอบให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายรับรองที่ประจำการอยู่ ณ ศาลาสหทัยสมาคม
ทูต-ตัวแทนฯ 28 ประเทศเคารพพระศพ
ตลอดทั้งวันของเมื่อวานนี้ยังมีบรรดาทูตานุทูตและตัวแทนจากนานาประเทศเดินทางมาเคารพพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ รวมทั้งสิ้น 28 ประเทศ โดยในช่วงเช้ามีทูตจากประเทศต่าง ๆ อาทิ สหรัฐอเมริกา , ศรีลังกา , สหรัฐอาหรับเอมิเรต ,ฟินแลนด์ , โอมาน, อิสราเอล , โรมาเนีย , อิตาลี , คิวบา, แกมเบีย , ดร.เนโอลีน เฮเซอร์ เลขาธิการคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจและสังคม ประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของสหประชาชาติ
นายอาโนว์ โอเบอร์ไมเยอร์ อุปทูตประจำประเทศออสเตรีย ,Vasill Pytel เอคอัครราชทูตสโลวัก และ Yasia Elmawki Mohamed กงสุลกิตติมศักดิ์ประเทศซูดาน , เอกอัครราชทูตจากประเทศเบลเยียม , อุปทูตจากประเทศมาเลียเซีย ,นายเอ็ดการ์ด เทลเลส ริเบย์โรเอกอัครราชทูตบราซิล ประจำประเทศไทย , นายมาร์ค อุนเกอร์ ฮัยเยอร์ เอกอัครราชทูตลักเซมเบอร์ก ประจำประเทศไทย เดินทางมาพร้อมด้วยนายชาร์ลส ชมิต รองหัวหน้าคณะทูต
ส่วนในช่วงบ่ายก็มี อีวาน โฮเทค เอกอัคราชทูตสาธารณรัฐเชค , นายบรูค บาริ่นตัน เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย ,Vasill Pytel เอคอัครราชทูตสโลวัก และ Yasia Elmawki Mohamed กงสุลกิตติมศักดิ์ประเทศซูดาน นอกจากนี้ยังมีเอกอัครราชทูตจากประเทศเบลเยียม และอุปทูตจากประเทศมาเลียเซีย
ทูตฝรั่งเศส-การ์ตา-ลาว แสดงความอาลัย
Mr. Laurent Vili เอกอัครฝรั่งเศส กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า รู้สึกเสียใจต่อการสิ้นพระชนของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เนื่องจากพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประเทศฝรั่งเศสโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์ทรงให้การสนับสนุนในเรื่องวัฒนธรรมของทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะด้านการศึกษาภาษาฝรั่งเศส เนื่องด้วยพระองค์ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์สมาคมภาษาฝรั่งเศส
ส่วน Abdalla la-hamar เอกอัครราชทูตจากรัฐการ์ตาประจำประเทศไทย กล่าวว่ารู้สึกซาบซึ้งในพระจริยวัตรของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ แม้จะไม่เคยทำงานร่วมกับพระองค์ท่าน
และนายคำส่วยแก้ว ดาราวงศ์ ที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้เชิญพวงมาลามาถวายสักการะพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในนาม พลโท มจูมมาลี ไชยะสอน ประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
เปิดบัญชี “ทุนสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ”
นายรัตนาวุธ วัชโรทัย ที่ปรึกษาฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สำนักพระราชวัง เปิดเผยว่า เนื่องจากได้มีประชาชนได้ร่วมบำเพ็ญพระราชกุศล ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัยในแต่ละวันเป็นเงินจำนวนมาก ทางสำนักพระราชวังจึงชี้แจงมาว่าขณะนี้ได้ทำการเปิดบัญชีในชื่อ “ทุนสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ” เพื่อนำเงินทั้งหมดเข้าในบัญชีนี้แล้ว
ขณะเดียวกันทางสำนักพระราชวังยังได้จัดเตรียมห้องประชุมของสำนักพระราชวัง เพื่อใช้เป็นศูนย์ข่าวสำหรับสื่อมวลชนที่มาทำข่าวงานพระศพของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยในห้องดังกล่าวจะมีอุปกรณ์สื่อสารและเครื่องใช้สำนักงานครบครัน เพื่อให้ความสะดวกแก่ผู้สื่อข่าว นอกจากนี้ยังได้จัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสำนักพระราชวังผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาประจำอยู่ ณ ห้องนี้เพื่อให้ความสะดวกแก่สื่อมวลชนที่มาใช้บริการ
บัณฑิต-อึ้ง ตั้งวงฯ ถวายพระเกียรติ
ในเวลา 15.00 น. นายบัณฑิต อึ้งรังสี วาทยากรชื่อก้องโลก ได้เดินทางมาลงนามไว้อาลัยและสักการะพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และได้กล่าวกับผู้สื่อข่าว “ผู้จัดการรายวัน” ว่าการสูญเสียสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ฯ ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ทั้งต่อคนไทยและต่อวงการเพลงคลาสสิกของไทย
โดยนายบัณฑิตกล่าวเพิ่มเติมว่า สมเด็จพระพี่นางเธอฯทรงให้ความสนพระทัยต่อการแสดงของตนเป็นพิเศษ และจะเสด็จชมการแสดงของเขาทุกครั้งที่มาเปิดการแสดงในเมืองไทย
"ผมเคยมีโอกาสเข้าเฝ้า ซึ่งพระองค์ทรงรับสั่งถามถึงรายละเลียดในการทำงานด้านดนตรีของผม ทรงถามว่าผมมีวิธีการฝึกซ้อมอย่างไร รวมถึงวิธีในการทำงาน ในการพิสูจน์ให้ชาวต่างชาติได้เห็นถึงความสามรรถ กระทั่งได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่นานาประเทศจะให้การยอมรับ"
นอกจากนี้นายบัณฑิตยังมีความตั้งใจที่จะจัดตั้งวงออเคสตรา และกำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ เพื่อขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตต่อไป
อาสาฯ พอสว. เผยเหมือนขาดพ่อแม่
พล.อ.พิชายเมธ ม่วงมณี ที่ปรึกษาโครงการทันตแพทย์อาสาสมัครเคลื่อนที่ พอสว.ภาคเหนือ ที่ปรึกษาโครงการชุมชนเรียนรู้ในพระเมตตาสมเด็จย่า และสมาชิกสภาผู้แทนแบบสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวความรู้สึกภายหลังที่ได้สักการะพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯว่า ตัวเองเป็นที่ปรึกษาให้กับ 2 โครงการที่อยู่ในพระอุปถัมภ์ ของพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งสองโครงการนี้เป็นงานที่ถวายโดยตรงต่อพระองค์ท่าน แต่ก่อนหน้าที่จะได้มารับใช้พระพี่นางฯ เขาเคยถวายงานรับใช้สมเด็จย่าที่ดอยตุงมาก่อน เรียกได้ว่าเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยง ของทั้งสองพระองค์
นอกจากนี้ในช่วงที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ประชวรก็ยังคงช่วยงานอยู่ที่ดอยตุงและก็เฝ้าภาวนาให้ท่านหายจากอาการพระประชวรโดยเร็ว แต่ท่านก็สิ้นพระชน เจ้าตัวบอกว่าความรู้สึกของเขาในขณะนั้นเหมือนขาดพ่อขาดแม่ เหมือนขาดครอบครัว เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา รู้สึกว่าและรับรู้ได้ว่าท่านแผ่เมตตาให้พสกนิกรเสมอมา นับจากนี้ไป ผมก็จะยังคงทำงานให้พระองค์ท่าน โดยเฉพาะทางชายแดนภาคเหนือ และจะสานต่อปณิธานของพระองค์ท่านต่อไป โดยเฉพาะงานทางชายแดนภาคเหนือ
ผู้สื่อข่าวถามว่า โครงการของพาระองค์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป พล.อ.พิชายเมธ กล่าวว่าเมื่อสิ้นท่าน ผมเชื่อว่าพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นคงจะทางสานต่อ ส่วนตัวผมเอง ก็จะขอรับใช้ จนกระทั่งหมดสติปัญญาและกำลังความสามารถ และในวันเดียวกันเขาหลังจากที่เขาได้สักการะพระยาลักษณ์เสร็จแล้วเขาได้เดินทางไปยังดอยอินทนน์เพื่อไปดูแลโครงการของพระองค์ท่าน
ส่วนในช่วงเช้าวันนี้ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ปปช. กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์สิ้นพระชนม์ พร้อมกันนี้ยังกล่าวชื่นชมในพระจริยวัตรของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯที่ทรงช่วยเหลือประชาชนในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านการศึกษา และสังคมสงเคราะห์ และอยากให้คนไทยยึดพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างที่ทำเพื่อประเทศชาติ
ยอดรวมผู้ลงนาม 5 วันเกือบแสนแล้ว
และเมื่อ 17.00 น สำนักพระราชวังทำการปิดการถวายสักการะและลงนามสักการะภายในศาลาสหทัยสมาคม โดยยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาลงนามสักการะในวันที่ 7 ม.ค.จำนวนทั้งสิ้น 23,875 คน รวม 5 วันเป็นจำนวน 95,275 รายชื่อ ในจำนวนนี้มีแยกเป็นบุคคลสำคัญทั้งสิ้น 266 คน และคณะทูต 28 คน ขณะที่พวงมาลาที่นำมาถวายสักการะเมื่อวานนี้ มีจำนวน 70 พวง และยอดเงินบำเพ็ญพระราชกุศล ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัยในวันนี้เป็นจำนวน 520,787 บาท รวม 5 วันเป็นเงินทั้งสิ้น 1,682,147 บาท
เผยแบบร่างพระเมรุเสร็จแล้ว
เมื่อเวลา (7 ม.ค.) 10.45 น. คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ในวันนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ตนจะเสนอความคืบหน้า และขั้นตอนการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ทั้งเรื่องการออกแบบร่างพระเมรุ การอัญเชิญพระเวชยันตราชรถ และราชรถน้อยออกมาทำความสะอาดและเตรียมความพร้อมในการใช้งาน เป็นต้น
ทั้งนี้ ทราบว่า น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น ประธานคณะทำงานออกแบบร่างพระเมรุฯ ของกรมศิลปากร ได้ดำเนินการออกแบบร่างพระเมรุฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เพื่อให้รัฐบาลทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงมีพระราชวินิจฉัยต่อไป
คุณหญิงไขศรี กล่าวอีกว่า ตนได้หารือร่วมกับท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ ภายหลังจากเข้าเฝ้าฯ ที่พระบรมมหาราชวัง ซึ่งท่านผู้หญิงบุตรีได้ย้ำว่า วธ.ควรอัญเชิญพระเวชยันตราชรถ และราชรถน้อยที่จะใช้ในพระราชพิธีเคลื่อนพระศพฯ โดยจะต้องเร่งปรับปรุงซ่อมแซมและทำความสะอาดพระเวชยันตราชรถและราชรถน้อยให้เรียบร้อย จากนั้นควรอัญเชิญออกมาทดลองเคลื่อนขบวนจากพระบรมมหาราชวังไปยังสนามหลวงอย่างน้อย 2 รอบ
“ขณะนี้พระเวชยันตราชรถและราชรถน้อย รวมถึงยานมาศ 3 ลำคานนั้นได้รับการจัดเก็บไว้ที่โรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ดังนั้นจะต้องประสานไปยังกรมศิลปากรในการระดมทหารช่างมาซ่อมแซมล้อและโครงสร้างของพระเวชยันตราชรถและราชรถน้อย ส่วนกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์จะเร่งดำเนินการความความสะอาดและซ่อมแซมลวดลายต่างๆ เนื่องจากมีขั้นตอนการทำงานที่ละเอียดต้องใช้เวลาพอสมควร จึงต้องเร่งสั่งการให้กรมศิลปากรดำเนินการทันที”รมว.วัฒนธรรม กล่าว
ด้าน น.อ.อาวุธ เงินชูกลิ่น อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ในฐานะประธานคณะทำงานคณะทำงานในการจัดสร้างพระเมรุของกรมศิลปากร เปิดเผยว่า ขณะนี้แบบร่างพระเมรุ ได้จัดทำขึ้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะมีการนำขึ้นทูลเกล้าถวายฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงมีพระราชวินิจฉัย แบบร่างดังกล่าวต่อไป
นายสมชาย ณ นครพนม ผอ.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร กล่าวว่า การอัญเชิญพระเวชยันตราชรถ และราชรถน้อยออกมาเพื่อออกมาทดลองเคลื่อนขบวนออกจากพระบรมมหาราชวังนั้น คงต้องรอให้คณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ มีหนังสือแจ้งมาก่อนจึงจะสามารถดำเนินการได้
คาดใช้เวลาสร้างพระเมรุ 4-8 เดือน
นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยภายหลังการประชุมเตรียมงานก่อสร้างพระเมรุ และอาคารประกอบพิธี ณ บริเวณปริมณฑลท้องสนามหลวงว่า การประชุมวานนี้ (7 ม.ค.) เป็นการหารือกันถึงการเตรียมงานก่อสร้างพระเมรุในพระราชพิธีพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เพื่อเตรียมเสนอต่อคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่มี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งจะมีการประชุมในวันนี้ โดยที่ประชุมได้หารือกัน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ องค์ประกอบพระเมรุในพระราชพิธีพระศพ งบประมาณในการก่อสร้างพระเมรุ และระยะเวลาที่ใช้ในการก่อสร้างพระเมรุ
“สำหรับองค์ประกอบต่างๆ นั้นจะรวมทั้งการก่อสร้างพระเมรุ และอาคารประกอบต่างๆ ในบริเวณมณฑลพิธี ตลอดจนการก่อสร้างโรงมหรสพ ปะรำ ปรับปรุงเส้นทางเดินเท้า ทางลาด และพื้นลานต่างๆ โดยงบประมาณที่จะใช้ในการก่อสร้างพระเมรุในพระราชพิธีพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ประมาณ 150-200 ล้านบาท ซึ่งเทียบเคียงจากงานก่อสร้างพระเมรุมาศในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา ซึ่งใช้งบฯ ทั้งสิ้น 120 ล้าน ระยะเวลาการก่อสร้างพระเมรุมาศ 6 เดือน แต่ปัจจุบันค่าวัสดุก่อสร้างต่างๆ มีราคาแพงขึ้น จึงทำให้งบฯ ที่จะใช้สูงขึ้นตามไปด้วย ส่วนระยะเวลาในการก่อสร้างพระเมรุในพระราชพิธีพระศพสมเด็จพระพี่นางเธอฯ อยู่ในช่วง 4-8 เดือน”
ระดมช่างสิบหมู่กว่า 400 คน
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า รายละเอียดการก่อสร้างพระเมรุในขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากยังไม่ทราบแบบร่างพระเมรุต้องรอให้คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฯ ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อมีพระบรมราชวินิจฉัยก่อน ซึ่งการก่อสร้างพระเมรุครั้งนี้ ตนจะขอยกเว้นเป็นกรณีพิเศษที่จะไม่ปฏิบัติตามระเบียบพัสดุของทางราชการ เนื่องจากจะใช้เวลานานไม่ทันกับการก่อสร้างพระเมรุ โดยรัฐบาลอาจจะให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินหรือสำนักงบประมาณเข้ามาร่วมในการก่อสร้างดังกล่าว เพื่อดูแลเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณด้วยก็ได้
ทั้งนี้ สำนักช่างสิบหมู่จะรับผิดชอบในการจัดทำลวดลายต่างๆ ในพระเมรุทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะใช้บุคลากรในการก่อสร้างพระเมรุประมาณ 300-400 คน และระยะเวลาในการก่อสร้างไม่ควรน้อยกว่า 4 เดือน แต่หากจะต้องดำเนินการให้เสร็จก่อน 4 เดือน ตนก็พร้อมจะระดมบุคลากรจากกรมศิลปากรทั้งหมด และประสานหน่วยงานอื่นๆ เข้ามาร่วมในการก่อสร้างให้เสร็จตามเวลา
ตั้งคณะทำงานบันทึกจดหมายเหตุแห่งชาติ
นางสุรีรัตน์ วงศ์เสงี่ยม ผอ.สำนักหอจดหมายแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติได้ดำเนินการตามภารกิจของหอจดหมายเหตุฯ โดยได้มีการประชุมแต่งตั้งคณะทำงานในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพระราชพิธีพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ฯ และเจ้าหน้าที่รวบรวมเอกสารเกี่ยวกับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ตลอดจนเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทั้งหมด เพื่อจัดทำเป็นจดหมายเหตุแห่งชาติ
ส่วนการแต่งตั้งคณะอนุกรรมเกี่ยวกับการจัดทำจดหมายเหตุงานพระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ อย่างเป็นทางการนั้น ต้องรอให้มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ที่มี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ประชุมคณะกรรมการในวันที่ 8 ม.ค.นี้ก่อน
“สำหรับจดหมายเหตุพระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทางสำนักหอจดหมายเหตุฯ จะรวบรวมเอกสารทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น สื่อสิ่งพิมพ์ บันทึกเทปโทรทัศน์ เอกสารกำหนดการจากสำนักพระราชวัง ตั้งแต่แถลงการณ์สำนักพระราชวังในช่วงประชวร ณ โรงพยาบาลศิริราช จนกระทั้งสิ้นพระชนม์ ตลอดจนพระราชพิธีพระศพ พระเมรุ การจัดขบวนเคลื่อนพระศพ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพ จากนั้นทางสำนักหอจดหมายเหตุฯจะทำการรวบรวมให้เป็นรูปเล่ม แบ่งเป็นบทๆ ตั้งแต่ พระประวัติ พระกรณียกิจ พระราชพิธีพระศพ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพ เพื่อบันทึกเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป”ผอ.สำนักจดหมายเหตุแห่งชาติ กล่าว
กทม.ประสานขอเป็นเจ้าภาพ
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในการเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นั้น ทางกทม.ได้มีการประสานในเบื้องต้นไปแล้วแต่จะได้มีการประสานอย่างเป็นทางการผ่านเลขาธิการพระราชวังอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกทม.ได้กำหนดจัดพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 185 รูป เพื่อถวายเป็นพระกุศล ณ บริเวณลานคนเมืองในโอกาสวันครบรอบสิ้นพระชนม์ 7 วัน ในที่ 9 ม.ค.2551, ครบ 15 วัน ในที่ 18 ม.ค.2551, ครบ 50 วัน วันที่ 21 ก.พ. 2551 และครบ100 วัน วันที่ 11 เม.ย.2551
ขณะเดียวกันนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ทราบข่าวประกาศจากสำนักพระราชวังว่า จะเปิดโอกาสให้ประชาชนและองค์กรต่างๆ ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญพระราชกุศลและบำเพ็ญกุศลถวายพระศพ ในวันที่ 12 เม.ย เป็นต้นไป ทางสภาทนายความขอเป็นองค์กรหนึ่งที่ร่วมเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ด้วย
รพ.สงฆ์จัดพิธีบำเพ็ญกุศลถวาย
นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรมการแพทย์กำหนดจัดพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันสิ้นพระชนม์ครบ 7 วัน ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในเวลา 13.45 น. วันที่ 9 ม.ค. ณ หอฉัน รพ.สงฆ์ โดยนิมนต์ พระพุทธวรญาณ เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตร เป็นประธานสวดพระพุทธมนต์พร้อมด้วยพระสงฆ์รวมทั้งสิ้น 10 รูป ทั้งนี้เพราะสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงมีพระกรุณาธิคุณต่อกรมการแพทย์ โดยเฉพาะรพ.สงฆ์ ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ในการก่อสร้างตึกกัลยาณิวัฒนา เพื่อผู้ป่วยโรคไต และ พระภิกษุสงฆ์อาพาธด้วย
เผยทรงห่วงผืนป่าเหนือเขื่อนภูมิพล
นายบุญอินทร์ ชื่นชวลิต ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก เปิดเผยว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ได้ทรงเสด็จมาประทับแรมที่เขื่อนภูมิพลเป็นประจำทุกปี โดยครั้งสุดท้าย ได้เสด็จระหว่างวันที่ 10-14 มี.ค.46 โดยทรงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ถิ่นทุรกันดารห่างไกลในพื้นที่จังหวัดตาก พร้อมนำหน่วยอาสาฯ พอ.สว.ตรวจรักษาราษฎรผู้ยากไร้ หลังเสร็จสิ้นภารกิจพระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาประทับแรมที่เขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก
ในระหว่างที่ทรงพักผ่อนพระราชอิริยาบถ พระองค์ทรงกีฬาเปตอง ซึ่งเป็นกีฬาที่โปรดปราน ทรงพระราชทานลูกเปตองไว้เป็นที่ระลึกเมื่อคราวเสด็จครั้งนั้นด้วย นอกจากนั้นพระองค์ทรงเสด็จทางเรือ ชมทัศนียภาพอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนภูมิพล และทรงชื่นชมทัศนียภาพที่งดงาม โดยทรงห่วงใยผืนป่าเหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล และทรงดำริให้ทุกคนช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมเหนือเขื่อนภูมิพล ไม่ให้มีการตัดไม้ทำลายป่า เพราะแม่น้ำปิงคือ แหล่งน้ำสายสำคัญที่จะหล่อเลี้ยงลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
นอกจากนี้ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ยังทรงปลูกต้นไม้ ชื่อว่า ต้น "พระเจ้าห้าองค์" ไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ไทย ปัจจุบันมีลำต้นสูงกว่า 10 เมตร อยู่บริเวณเขตพระราชฐาน ที่ประทับแรมด้วย
นายบุญอินทร์ กล่าวถึงความประทับใจที่ได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ หลังจากที่ถวายรายงานพระองค์ทรงสนพระทัยในรายละเอียดของการทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานน้ำของเขื่อนภูมิพลทุกขั้นตอน ตลอดจนถึงการระบายน้ำ การใช้พลังงานน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้านับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใยการชลประทานและเกษตรของพสกนิกรชาวไทยซึ่งต้องอาศัยน้ำและไฟฟ้าจากเขื่อนภูมิพลในการดำรงชีพ อย่างหาที่สุดมิได้
"ชาวลาหู่"ร่วมถวายไว้อาลัยพะพี่นางฯ
สำหรับบรรยากาศการลงนามถวายสักการะ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯในต่างจังหวัดนั้นก็มีอย่างต่อเนื่อง โดยมีประชาชนในแต่ละจังหวัดมายืนเข้าแถวตามสถานที่ราชการต่าง ๆที่จัดให้เป็นที่ถวายสักการะและลงนามสักการกันอย่างเนืองแน่น
ที่ จ.เชียงราย นางเตือนใจ ดีเทศน์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เชียงราย ได้ร่วมกับผู้นำทางศาสนาชาวลาหู่ (โตโบ) และผู้นำหมู่บ้านลาหู่ 30 หมู่บ้านราว 200 คน นำโดยนายสีละ จะแฮ นายกสมาคมลาหู่ เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต, นายประวิทย์ ประดับชมภู ผู้ใหญ่บ้านจะคือ ม.10 ต.ห้วยชมภู อ.เมืองเชียงราย, นายวุฒิพงษ์ สวรรค์โชติ นายก อบต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย จัดพิธีน้อมระลึกและแสดงความอาลัยถวายฯ ต่อหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ บริเวณศาลากลางบ้านจะคือ ม.10 ต.ห้วยชมพู อ.เมืองเชียงราย กลางหุบเขาสูงริมแม่น้ำกก เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา
โดยผู้นำทางศาสนา (โตโบ) ชาวลาหู่ ได้นำเครื่องราชสักการะ ประกอบด้วยปีกไก่ หมายถึง เป็นปีกที่ช่วยคลายความร้อนในระหว่างเสด็จขึ้นสวรรค์,ขาไก่ หมายถึง เป็นอุปกรณ์หาน้ำระหว่างเสด็จขึ้นสรวงสวรรค์, ข้าวสาร หมายถึง เป็นเครื่องเสวยระหว่างเสด็จขึ้นสรวงสวรรค์, เทียนไข หมายถึง เป็นแสงส่องสว่างในระหว่างเสด็จขึ้นสรวงสวรรค์ และอุปกรณ์หลายอย่าง ถวายต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมมีการบรรเลงดนตรีแบบลาหู่ จากนั้นได้นั่งสมาธิ เพื่อส่งแรงใจถวายเป็นพระราชกุศลด้วย
นายอากู่ มูเซอ อายุ 68 ปี ตัวแทนผู้สูงอายุชาวลาหู่ กล่าวว่า ชาวลาหู่ได้มาร่วมพิธีเพื่อถวายอาลัย แด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เพื่อที่จะให้ในภพหน้า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ จะได้กลับมาคุ้มครองดูแลพสกนิกรชาวไทยภูเขาอีกครั้ง
นางเรณู ธรรมบัณฑิต ผู้แทนหญิงลาหู่ กล่าวว่า ชาวไทยภูเขาเผ่าลาหู่หลายพื้นที่ได้มารวมกันและจัดเครื่องราชสักการะมาถวายเพื่อแสดงถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อชาวไทยภูเขาและพสกนิกรทุกหมู่เหล่าเป็นล้นพ้น
ด้าน นางเตือนใจ กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวไทยภูเขาอย่างมากมาย ทรงถวายงานสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชนนี แม่ฟ้าหลวงของปวงชนชาวไทย ณ พระตำหนักดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย และจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ออกรักษาพยาบาลชาวไทยภูเขาในถิ่นทุรกันดารมานานกว่า 30 ปี พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ทรงสถิตอยู่ในใจของชาวไทยภูเขาชาติพันธุ์ต่างๆ จึงได้มารวมตัวกันไว้เพื่อแสดงความสำนึก และแสดงความกตัญญูกตเวที และจัดพิธีกรรมที่แสดงด้วยความจริงใจ
โดยสมาคมลาหู่ เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตมีแนวทางที่จะสนองกระแสพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง รักษาขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมที่ดีงาม ช่วยกันดูแลรักษาป่า ดิน น้ำ และสิ่งแวดล้อม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลให้พระองค์สถิตอยู่ ณ สวรรคาลัย และคอยปกปักรักษาพสกนิกรชาวไทยทุกคน
"เด็กซาไกสตูล"ถวายการไว้อาลัย
ที่ จ.สตูล น้องเบี้ย และน้องบิว ชนกลุ่มน้อยซาไก ที่เข้ารับการศึกษา ณ โรงเรียนบ้านช่องไทร อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล พร้อมครอบครัว และคณะครูจากโรงเรียนบ้านช่องไทร พร้อมใจสวมชุดดำ บรรจงเขียนชื่อลงสมุดลงนามถวายอาลัยต่อหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เพื่อตอบแทนพระคุณและแสดงความจงรักภักดีในฐานะพสกนิกรคนหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้น้องเบี้ย และน้องบิว ได้เคยไปร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯมาแล้ว
ขณะเดียวกันนายมาโนช มณีวิทย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนท่าแพผดุงวิทย์ อ.ท่าแพ นำนักศึกษาวิชาทหาร 56 คน ร่วมลงนามถวายอายลัย เพื่อแสดงความเคารพและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงทำแก่แผ่นดินอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย
ส่วนที่ จ.สงขลา ที่บริเวณหน้าอาคารอำนวยการ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา นางนิตยา ศรีญาณลักษณ์ รักษาการแทนผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีสงขลาเป็นประธานในพิธีถวายสักการะและลงนามไว้อาลัยถวายแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยมีอาจารย์และตัวแทนนักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีร่วมในพิธีถวายสักการะและลงนามไว้อาลัยถวายแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ รวมทั้งนักเรียนจากศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีสงขลา ร่วมในการถวายสักการะด้วย
พอ.สว.นราฯ ตั้งมั่นสานต่อพระปณิธาน
นพ.วิรุฬห์ พรพัฒน์กุล ผอ.รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่า ตนและคณะเจ้าหน้าที่มูลนิธิหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จ.นราธิวาส หน่วยกายอุปกรณ์ทำแขนขาเทียมในพระอุปถัมภ์ และหน่วยไตเฉลิมพระเกียรติ มีความมุ่งมั่นตั้งใจสานต่อพระปณิธานในการช่วยเหลือพี่น้องชายแดนใต้ โดยเฉพาะการทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในพื้นที่ให้มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ
สำหรับโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ได้จัดนิทรรศการแสดงพระราชประวัติภายในบริเวณอาคารผู้ป่วยนอกเพื่อเป็นการสดุดี และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และเปิดให้ประชาชนได้ร่วมลงนามถวายความอาลัย ต่อหน้าพระฉายาลักษณ์เป็นเวลา 30 วัน
วันเดียวกันชุดปฏิบัติการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ และหน่วยขึ้นควบคุมทางยุทธการ ชุดดูแลพระตำหนัก กองพันพัฒนาที่ 4 ชุดทำลายวัตถุระเบิด ฉก.อโณทัย หมวดรักษาความปลอดภัยนาวิกโยธิน สถานีตำรวจภูธรตันหยง ตำรวจน้ำ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 446 และ 447 หน่วยปฏิบัติการพิเศษจังหวัดนราธิวาส กว่า 500 คน ร่วมกับพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จัดพิธีถวายสักการะและไว้อาลัยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ด้วยความสำนึกในพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงพสกนิกรทั้งประเทศ ณ สิริกาญจนทักษิณ ตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ อ.เมือง จ.นราธิวาส
พ.ท.วิชัย ชัยมงคล พนักงานพิเศษผู้ดูแลพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้ติดตามพระกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เมื่อครั้งตามเสด็จสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มาปฏิบัติพระกรณียกิจมูลนิธิแพทย์อาสาในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยข้าราชบริพารในพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ต่างสำนึกในพระกรุณาธิคุณ และเสียใจต่อการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่าน พร้อมกันนี้จะตั้งปณิธานในการร่วมกันทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสนี้ด้วย