"เพื่อแผ่นดิน"ไม่สน"ชาติไทย"รีบโดดเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพลังประชาชน ยันยังไม่ได้ตัดสินใจ ขอดูการเลือกตั้งซ่อมก่อนเชื่อได้ ส.ส.เพิ่มนับ 10 คน ขณะที่ พลังประชาชนชู “บรรหาร” เป็นนักการเมืองตัวจริงที่ส่งสัญญาณเข้าซบ มั่นใจที่สุดเพื่อแผ่นดินก็ต้องตามมา ส่วนมัชฌิมาธิปไตย ประกาศยังมั่นคงกับ “พลังแม้ว” แม้จะถูกแขวนจำนวนมาก “บรรยิน” เหน็บ“ประชัย” ไม่ได้ ส.ส.สัดส่วนสักคน ควรลาออกไปแล้ว ด้าน ปชป.ระบุช่วงไว้อาลัยพระพี่นางฯ ไม่มีความเคลื่อนไหวตั้งรัฐบาลแข่ง
นายวชิระมณฑ์ คุณะเกษมธนาวัฒน์ โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงการหารือ ร่วมกับพรรคชาติไทย กรณีที่พรรคพลังประชาชนเชิญเข้าร่วมรัฐบาล ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการนัดหารือกันแต่อย่างใด พรรคเพื่อแผ่นดินยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ร่วมกับประชาชนทั่วไป และแกนนำพรรคทั้ง 3 คนได้แก่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรค เพื่อแผ่นดิน นายวัฒนา อัศวเหม ประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน และ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ยังไม่ได้แจ้งว่าจะมีการดำเนินกิจกรรม ทางการเมืองของพรรคเมื่อใด
ส่วนกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยได้ให้สัมภาษณ์ถึง ท่าทีของพรรคชาติไทยนั้นถือเป็นสิทธิของพรรคชาติไทยที่จะพูดอะไรก็ได้ แล้วแต่ใคร เพราะใครจะบังคับใครได้
นายวชิระพณฑ์ กล่าวอีกว่า สำหรับพรรคเพื่อแผ่นดินแล้วขณะนี้เรายังไม่ได้ตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วมหรือเข้าร่วมรัฐบาล จุดยืนของพรรคยังเหมือนเดิมคือ ต้องการให้ตัวเลขของ ส.ส.นิ่งเสียก่อนอีกทั้งยังต้องมีการเลือกตั้งซ่อมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.บุรีรัมย์ซึ่งพรรคเพื่อแผ่นดินกำลังรอดูอยู่ว่า กกต. จะประกาศยืนยันให้ใบแดงตามประกาศเดิมหรือไม่ซึ่งถ้ายืนยันพรรคก็ต้องเตรียมการรณรงค์เลือกตั้งในพื้นที่นั้นเพิ่มด้วย เพราะผู้สมัครของพรรคมีคะแนนอยู่อันดับที่ 4 ,6,7 และยังมีอีกหลายเขตที่พรรคเพื่อแผ่นดินยังอาจจะมีอย่างนี้อีก
“พรรคชาติไทยจะตัดสินใจก็เป็นสิทธิของเขาแต่พรรคเพื่อแผ่นดินยังยืนอยู่ จุดยืนเดิม คือ เราอยากรอดูกระบวนการทางกฎหมาย ให้ กกต. รับรองว่าที่ส.ส. ให้นิ่งก่อนซึ่งพรรคเพื่อแผ่นดินเราได้รับผลกระทบว่าที่ ส.ส.เหมือนพรรคอื่นๆ เพราะถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว พรรคเพื่อแผ่นดินก็มีเปอร์เซ็นต์มากถึง 25 เปอร์เซ็นต์ทั้ง ส.ส.เขตและสัดส่วนดังนั้นเราต้องรณรงค์หาเสียงตรงนั้นเพราะพรรคเราเป็นพรรคเล็ก การทำอะไรจำเป็นต้องมีการจัดเตรียม เพราะหากมีการเลือกตั้งสัก 10 เขต เราก็ต้องทำเต็มที่ เพราะถ้าเราได้มาอีกประมาณ 10 ที่นั่งมันก็จะสามารถเพิ่มกำลังให้เราได้อีกเยอะ เราจึงต้องดูแลตรงนี้ให้เรียบร้อยก่อน” โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าว
พชป.ยก“เติ้ง”นักการเมืองตัวจริง
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงความชัดเจน เกี่ยวกับกระแสข่าวว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติ ได้ ตอบตกลงร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนแล้วว่า จากที่ได้ฟังจากการให้สัมภาษณ์ของนายบรรหาร คงจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับความชัดเจนในเรื่องนี้ในช่วงเวลา ที่เหมาะสม พร้อมแสดงความมั่นใจที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ระบุว่าจะร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนว่า วันนี้ต้องบอกรับว่าทุกคนต้องการให้การเมืองนิ่ง โดยการยอมรับการตัดสินของประชาชนโดยให้เกียรติพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่งได้จัดตั้งรัฐบาล เพื่อเข้ามาแก้ปัญหาของประเทศโดยเร็ว
ส่วนกรณีนายบรรหาร ก็ชัดเจนว่าเป็นนักการเมืองตัวจริงที่ตัดสินใจอย่างนี้ เพราะการเมืองที่ชอบธรรมคือพรรคที่ได้เสียงมากจะต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้ สำหรับเรื่องใบเหลือง ใบแดงนั้นตนคิดว่าไม่ส่งผลต่อการ เปลี่ยนขั้วรัฐบาล เพราะอย่างที่นายบรรหารพูดก็ถูกต้องคือ ส่วนใหญ่ว่าที่ ส.ส.ของ พรรคพลังประชาชนทั้ง 65 คน ที่ถูกแขวนนั้นอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน หากจะมีการเลือกตั้งใหม่คะแนนก็ไม่ไหลไปทางประชาธิปัตย์แน่นอน
“เมื่อพรรคชาติไทยโดยนายบรรหารได้ส่งสัญญาณชัดเจนอย่างนี้แล้ว คือ จะตั้งรัฐบาลกับขั้วพลังประชาชน ทางกลับกันก็เป็นการส่งสัญญาณให้พรรคประชาธิปัตย์ ต้องยอมรับความจริงได้แล้ว และต้องหยุดการกระทำต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดความสับสน ในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนกรณีพรรคเพื่อแผ่นดินนั้นผมคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะเมื่อพรรคชาติไทยประกาศชัดเจนอย่างนี้แล้ว การตัดสินใจร่วมรัฐบาลของ พรรคเพื่อแผ่นดินก็ไม่น่ามีปัญหา” ร.ท.กุเทพ กล่าว
มัชฌิมาฯ เกาะ พปช.ไม่ปล่อย
ด้าน พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย และทีมเจรจาจัดตั้งรัฐบาล กล่าวถึงการร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคพลังประชาชนว่า แม้ขณะนี้ว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) แขวนชื่อยังไม่ประกาศรับรองผล จำนวน 65 คน ซึ่งยังไม่ทราบว่า กกต. จะประกาศแจกใบเหลือง หรือใบแดงหรือไม่ แต่พรรคมัชฌิมาธิปไตย ยังยืนยันว่าจะร่วมสนับสนุนพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลต่อไปตามที่เคยร่วมแถลงข่าวนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ไปแล้ว
พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวว่า เวลานี้ท่าทีของพรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคพลังประชาชน ดังนั้นจึงเชื่อว่า พรรคพลังประชาชนยังจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ และแม้ว่า กกต. จะแจกใบแดงให้กับว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน จนต้องมีการเลือกตั้งใหม่ แต่เชื่อว่าคะแนนเสียง จากการเลือกตั้งจะไม่ได้เทให้กับพรรคประชาธิปัตย์เพียงพรรคเดียวจนถึงขั้นได้เปลี่ยนมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งคะแนนเลือกตั้งน่าจะกระจายไปยัง พรรคขนาดกลาง และพรรคขนาดเล็กที่ตกลงจะร่วมรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ดังนั้นจึงคิดว่าเรื่องนี้จะไม่มีปัญหาต่อการจัดตั้งรัฐบาลผสมของพรรคพลังประชาชน
พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวว่า แม้การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้จะเป็นรัฐบาลผสม หลายพรรค แต่เชื่อว่าการร่วม รัฐบาลจะไม่เกิดปัญหาความขัดแย้งที่อาจส่งผลให้รัฐบาลมีอายุอยู่ได้เพียง 1 หรือ 2 ปี ซึ่งขณะนี้ทุก พรรคการเมืองมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่แล้วจึงเชื่อว่าทุกพรรคจะช่วยกันประคับประคองให้รัฐบาลผสม เดินหน้าไปได้ โดยการจัดตั้งรัฐบาลนั้นแม้จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้แต่ต้องระวัง เพราะอดีตแม้พรรคไทยรักไทยจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้สำเร็จก็มีปัญหา มีคนจ้องทำลายจนรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ล้มลงได้
“บรรยิน”เหน็บ“ประชัย”เป็นผมลาออก
พ.ต.ท.บรรยิน ยังกล่าวถึงปัญหาการตรวจสอบสถานภาพการเป็นหัวหน้าพรรค ของ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ด้วยว่า เรื่องนี้ยังต้องรอผลการพิจารณาของ กกต. ซึ่งล่าสุดทราบว่า กกต. เรียกให้นายประชัย เข้าพบในวันที่ 8 ม.ค.นี้เพื่อสอบสวนเกี่ยวกับการประกาศลาออกเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2550 โดย กกต. เรียกให้นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรค เข้าพบเพื่อสอบสวนด้วยในวันที่ 9 ม.ค.
อย่างไรก็ตามหากการพิจารณาของ กกต. มีมติสรุปว่านายประชัย พ้นจาก สถานภาพการเป็นสมาชิกพรรคและหัวหน้าพรรคจริง ในการบริหารพรรคตนในฐานะรองหัวหน้าพรรค จะเสนอชื่อนางอนงค์วรรณ เลขาธิการพรรค ต่อที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ให้เลือกขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทนซึ่งนางอนงค์วรรณ เป็นผู้บริหารพรรคคนหนึ่งที่สมาชิกพรรคให้การยอมรับจากตัวอย่างในการได้รับแต่งตั้งจากที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคให้เป็นทีมเจรจาจัดตั้งรัฐบาล โดยว่าที่ ส.ส. 6 คนของพรรค ได้มอบอำนาจการเข้าร่วมรัฐบาลให้นางอนงค์วรรณเป็นผู้ตัดสินใจแทน
“การเลือกตั้งที่ผ่านมา ผู้สมัครของพรรคอื่นได้รับเลือกทั้งระบบสัดส่วน และระบบเขต แต่พรรคมัชฌิมาธิปไตย ผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วนกลับไม่ได้รับเลือกเลย ซึ่งที่ได้รับเลือกมีเพียง ส.ส.ระบบเขต จำนวน7 คน หากผมเป็นหัวหน้าพรรค คงประกาศลาออกแล้วเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เหมือนที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยประกาศลาออกแสดงความรับผิดชอบ ที่ไม่สามารถนำพาพรรคจัดตั้งรัฐบาลได้”
ปชป.ยันไม่เคลื่อนไหวตั้งรัฐบาลแข่ง
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ในฐานะโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่าขณะนี้อยู่ในช่วงไว้อาลัย การสิ้นพระชนม์ ของ สมเด็จพระพี่นางฯพรรคการเมืองจึงยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเชื่อว่าการเมืองยังคงเดินหน้าต่อไปตามกรอบเวลา โดยเมื่อมีจำนวนส.ส.ครบร้อยละ95 จะต้องมีการเปิดสมัยประชุมสภาฯ ส่วนหากมีจำนวนส.ส.ไม่ครบ คงไม่ใช่ปัญหาอะไรโดยต้องรอจนกว่าจะมีส.ส.ครบ
นายองอาจ ยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีการประเมินจำนวนใบเหลือง ใบแดงที่ กกต.จะให้เพราะไม่ทราบถึงสำนวนที่เข้าสู่การพิจารณาของ กกต. ส่วนหากมีความเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส.ของพรรคที่มีคะแนนเสียงข้างมากพรรคประชาธิปัตย์จะประเมินวางแนวทาง การเคลื่อนไหวในการจัดตั้งรัฐบาลภายหลังจากพ้นช่วงเวลาไว้อาลัยไปแล้วอย่างไรนั้น ขอยืนยันอีกครั้งว่าขณะนี้พรรคไม่ได้ประสานกับพรรคการเมืองใดส่วนการตัดสินใจเป็นสิทธิของแต่ละพรรคจะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของตนเอง
ปัดรู้ตัวเลขใบเหลือง-แดงล่วงหน้า
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ในฐานะโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าเลขาธิการ พรรคประชาธิปัตย์คาดเดาจำนวน ใบเหลืองใบแดงใกล้เคียงกับจำนวนส.ส.ที่กกต.ยังไม่ได้รับรองว่า เชื่อว่าไม่มีใครรู้เกี่ยวกับการให้ใบเหลือใบแดง เลขาพรรคประชาธิปัตย์เองก็ไม่รู้ ข่าวที่เกิดขึ้นเป็นการประเมินโดยทั่วไปโดยในการให้สัมภาษณ์ของ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนั้นใช้คำว่า สมมติ แต่เมื่อออกไปเป็นข่าว ไม่มีคำว่าสมมุติจึงทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าตรงกัน
ทั้งนี้ตนเห็นว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะให้ใบเหลืองใดแดงมาก ในอดีตการเลือกตั้ง ส.ว.ครั้งแรกก็มีการให้ใบเหลืองแดงจำนวนมาก ซึ่งเป็นการให้ตามข้อมูลที่เป็นจริงและขึ้นอยู่กับเรื่องร้องเรียนและหลักฐานที่มีอยู่ จำนวนมาก การให้ใบเหลือใบแดงมาก หรือน้อยไม่ใช่เครื่องบ่งบอกถึงความปกติหรือไม่ปกติ ขอยืนยันอีกครั้งว่าพรรคไม่ได้มีความร่วมมือกับ กกต.
“มนูญกฤต”เชื่อได้ ส.ส.ครบตามกำหนด
พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ส.ส.ระบบสัดส่วนกลุ่ม 7 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวระหว่างเดินทางมารับหนังสือรับรองผลการเลือกตั้งส.ส. อย่างเป็นทางการ ถึงทางออก การเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ต้องเป็นไปตามที่กำหมายกำหนด คือ ต้องได้ส.ส. ร้อยละ 95 หรือจำนวนไม่น้อยกว่า 456 คน ซึ่งเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะดำเนินการ ตนไม่ขอก้าวล่วง แต่คิดว่า กกต. จะพิจารณาตามหลักฐานและข้อเท็จจริง โดยเชื่อว่า ไม่มีใครมีอำนาจเหนือ กกต.ได้ ทั้งนี้ หากว่าที่ ส.ส. ได้รับใบเหลืองใบแดงจำนวนมาก ก็คงไม่กระทบกับการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพราะเชื่อว่า กกต. จะสามารถ พิจารณารับรองผลการเลือกตั้งว่าที่ ส.ส. ที่เหลือได้ทันครบจำนวนก่อนการเปิดประชุม
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของกกต. ที่ไม่มีการเข้าข้าง ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แม้ว่าจะมีประชาชนบางกลุ่มไม่พอใจผลการพิจารณาให้ใบแดงที่จังหวัดบุรีรัมย์ จนออกมาชุมนุมประท้วงก็ตาม
พล.ต.มนูญกฤต ยังกล่าวถึงบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานสภา ผู้แทนราษฎรว่า บุคคลที่จะมาทำหน้าที่ดังกล่าวถือเป็นเรื่องความสำคัญ ซึ่งขึ้นอยู่กับ ส.ส.ว่าจะยกมือโหวตเลือกบุคคลใดเข้ามาทำหน้าที่
ยอด ส.ส.รับหนังสือรับรอง 277 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศการเข้ารับหนังสือรับรองการเป็น ส.ส.ทั้งแบบสัดส่วน และแบ่งเขตตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศรับรองส.ส. อย่างเป็นทางการจำนวน 397 คน วานนี้ (6 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของการเปิดให้รับใบรับรองมี ส.ส.จากพรรคการเมืองต่างๆ ทยอยเดินทางมารับอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้มารับหนังสือรับรองจำนวน 13 คน
ประกอบด้วย ส.ส.แบ่งเขต 10 คน คือ ม.ล.อภิมงคล โสณกุล ส.ส. กทม. เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ , นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ,นายปริญญา ฤกษ์สาหร่าย ส.ส. กำแพงเพชร เขต 2 พรรคพลังประชาชน ,นายวัลลภ สุปริยศิลป์ และนางสิรินทร รามสูตร ส.ส. น่าน เขต 1 พรรคพลังประชาชน, นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร เขต 2 พรรคพลังประชาชน , นายวรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส. พิษณุโลก เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์, นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฐ์ ส.ส.พังงา เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์, นายสฤษฏ์ อึ้งอภินันท์ ส.ส.เชียงราย เขต 1 พรรคพลังประชาชน และนายมนต์ไชย ชาติวัฒนศิริ ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 2 พรรคพลังประชาชน
ส่วนระบบสัดส่วนมี 3 คนคือ นายดนัย นพสุวรรณวงศ์ ส.ส. สัดส่วน กลุ่ม 4 พรรคประชาธิปัตย์ , นายปัญญาวัฒน์ บุญมี และพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ส.ส.กลุ่ม 7 พรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ ยอดรวมล่าสุดของการรับหนังสือรับรองส.ส.เป็นวันที่ 3 ปรากฏว่ามี ส.ส.มารับหนังสือไปแล้วทั้งสิ้น 277 คน แบ่งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต 223 คน แบบสัดส่วน 54 คน ทำให้ขณะนี้เหลือส.ส. ที่ยังไม่ได้มารับหนังสือรับรองอีกจำนวน 120 คน จากยอดส.ส.ที่กกต. ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการไปแล้วจำนวน 397 คน
ยื่นสมัคร ส.ว.สรรหาแล้ว 6 ราย
ส่วนการเปิดรับให้มีการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือส.ว. ซึ่งเป็นวันที่ 4 มีหน่วยงานที่ยื่นเสนอชื่อบุคคลเพื่อสรรหาเป็นส.ว. เพิ่ม 3 หน่วยงาน คือ สภาการเหมืองแร่เสนอชื่อ นายเกรียงศักดิ์ หล่อวัฒนะตระกูล รองประธานสภาการเหมืองแร่ และสมาคมหอการค้าจังหวัดแพร่เสนอชื่อ นายสามขวัญ พนมไทย อดีตประธานหอการค้าจังหวัดแพร่ และอดีต สสร.ปี 2550 เข้ารับการสรรหา เป็น ส.ว.ในส่วนของภาคเอกชน และมีแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูถัมภ์ เสนอชื่อ พ.ญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ อดีตนายกแพทยสภาฯ เข้ารับการสรรหาเป็น ส.ว.ในส่วนของภาควิชาชีพ ซึ่งยอดรวมล่าสุด 4 วันมีจำนวน 6 คน
นายวชิระมณฑ์ คุณะเกษมธนาวัฒน์ โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงการหารือ ร่วมกับพรรคชาติไทย กรณีที่พรรคพลังประชาชนเชิญเข้าร่วมรัฐบาล ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการนัดหารือกันแต่อย่างใด พรรคเพื่อแผ่นดินยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ร่วมกับประชาชนทั่วไป และแกนนำพรรคทั้ง 3 คนได้แก่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรค เพื่อแผ่นดิน นายวัฒนา อัศวเหม ประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน และ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ยังไม่ได้แจ้งว่าจะมีการดำเนินกิจกรรม ทางการเมืองของพรรคเมื่อใด
ส่วนกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยได้ให้สัมภาษณ์ถึง ท่าทีของพรรคชาติไทยนั้นถือเป็นสิทธิของพรรคชาติไทยที่จะพูดอะไรก็ได้ แล้วแต่ใคร เพราะใครจะบังคับใครได้
นายวชิระพณฑ์ กล่าวอีกว่า สำหรับพรรคเพื่อแผ่นดินแล้วขณะนี้เรายังไม่ได้ตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วมหรือเข้าร่วมรัฐบาล จุดยืนของพรรคยังเหมือนเดิมคือ ต้องการให้ตัวเลขของ ส.ส.นิ่งเสียก่อนอีกทั้งยังต้องมีการเลือกตั้งซ่อมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.บุรีรัมย์ซึ่งพรรคเพื่อแผ่นดินกำลังรอดูอยู่ว่า กกต. จะประกาศยืนยันให้ใบแดงตามประกาศเดิมหรือไม่ซึ่งถ้ายืนยันพรรคก็ต้องเตรียมการรณรงค์เลือกตั้งในพื้นที่นั้นเพิ่มด้วย เพราะผู้สมัครของพรรคมีคะแนนอยู่อันดับที่ 4 ,6,7 และยังมีอีกหลายเขตที่พรรคเพื่อแผ่นดินยังอาจจะมีอย่างนี้อีก
“พรรคชาติไทยจะตัดสินใจก็เป็นสิทธิของเขาแต่พรรคเพื่อแผ่นดินยังยืนอยู่ จุดยืนเดิม คือ เราอยากรอดูกระบวนการทางกฎหมาย ให้ กกต. รับรองว่าที่ส.ส. ให้นิ่งก่อนซึ่งพรรคเพื่อแผ่นดินเราได้รับผลกระทบว่าที่ ส.ส.เหมือนพรรคอื่นๆ เพราะถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว พรรคเพื่อแผ่นดินก็มีเปอร์เซ็นต์มากถึง 25 เปอร์เซ็นต์ทั้ง ส.ส.เขตและสัดส่วนดังนั้นเราต้องรณรงค์หาเสียงตรงนั้นเพราะพรรคเราเป็นพรรคเล็ก การทำอะไรจำเป็นต้องมีการจัดเตรียม เพราะหากมีการเลือกตั้งสัก 10 เขต เราก็ต้องทำเต็มที่ เพราะถ้าเราได้มาอีกประมาณ 10 ที่นั่งมันก็จะสามารถเพิ่มกำลังให้เราได้อีกเยอะ เราจึงต้องดูแลตรงนี้ให้เรียบร้อยก่อน” โฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าว
พชป.ยก“เติ้ง”นักการเมืองตัวจริง
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงความชัดเจน เกี่ยวกับกระแสข่าวว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติ ได้ ตอบตกลงร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนแล้วว่า จากที่ได้ฟังจากการให้สัมภาษณ์ของนายบรรหาร คงจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับความชัดเจนในเรื่องนี้ในช่วงเวลา ที่เหมาะสม พร้อมแสดงความมั่นใจที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ระบุว่าจะร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนว่า วันนี้ต้องบอกรับว่าทุกคนต้องการให้การเมืองนิ่ง โดยการยอมรับการตัดสินของประชาชนโดยให้เกียรติพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่งได้จัดตั้งรัฐบาล เพื่อเข้ามาแก้ปัญหาของประเทศโดยเร็ว
ส่วนกรณีนายบรรหาร ก็ชัดเจนว่าเป็นนักการเมืองตัวจริงที่ตัดสินใจอย่างนี้ เพราะการเมืองที่ชอบธรรมคือพรรคที่ได้เสียงมากจะต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้ สำหรับเรื่องใบเหลือง ใบแดงนั้นตนคิดว่าไม่ส่งผลต่อการ เปลี่ยนขั้วรัฐบาล เพราะอย่างที่นายบรรหารพูดก็ถูกต้องคือ ส่วนใหญ่ว่าที่ ส.ส.ของ พรรคพลังประชาชนทั้ง 65 คน ที่ถูกแขวนนั้นอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน หากจะมีการเลือกตั้งใหม่คะแนนก็ไม่ไหลไปทางประชาธิปัตย์แน่นอน
“เมื่อพรรคชาติไทยโดยนายบรรหารได้ส่งสัญญาณชัดเจนอย่างนี้แล้ว คือ จะตั้งรัฐบาลกับขั้วพลังประชาชน ทางกลับกันก็เป็นการส่งสัญญาณให้พรรคประชาธิปัตย์ ต้องยอมรับความจริงได้แล้ว และต้องหยุดการกระทำต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดความสับสน ในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนกรณีพรรคเพื่อแผ่นดินนั้นผมคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะเมื่อพรรคชาติไทยประกาศชัดเจนอย่างนี้แล้ว การตัดสินใจร่วมรัฐบาลของ พรรคเพื่อแผ่นดินก็ไม่น่ามีปัญหา” ร.ท.กุเทพ กล่าว
มัชฌิมาฯ เกาะ พปช.ไม่ปล่อย
ด้าน พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย และทีมเจรจาจัดตั้งรัฐบาล กล่าวถึงการร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคพลังประชาชนว่า แม้ขณะนี้ว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) แขวนชื่อยังไม่ประกาศรับรองผล จำนวน 65 คน ซึ่งยังไม่ทราบว่า กกต. จะประกาศแจกใบเหลือง หรือใบแดงหรือไม่ แต่พรรคมัชฌิมาธิปไตย ยังยืนยันว่าจะร่วมสนับสนุนพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลต่อไปตามที่เคยร่วมแถลงข่าวนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ไปแล้ว
พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวว่า เวลานี้ท่าทีของพรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสมกับพรรคพลังประชาชน ดังนั้นจึงเชื่อว่า พรรคพลังประชาชนยังจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ และแม้ว่า กกต. จะแจกใบแดงให้กับว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน จนต้องมีการเลือกตั้งใหม่ แต่เชื่อว่าคะแนนเสียง จากการเลือกตั้งจะไม่ได้เทให้กับพรรคประชาธิปัตย์เพียงพรรคเดียวจนถึงขั้นได้เปลี่ยนมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งคะแนนเลือกตั้งน่าจะกระจายไปยัง พรรคขนาดกลาง และพรรคขนาดเล็กที่ตกลงจะร่วมรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ดังนั้นจึงคิดว่าเรื่องนี้จะไม่มีปัญหาต่อการจัดตั้งรัฐบาลผสมของพรรคพลังประชาชน
พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวว่า แม้การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้จะเป็นรัฐบาลผสม หลายพรรค แต่เชื่อว่าการร่วม รัฐบาลจะไม่เกิดปัญหาความขัดแย้งที่อาจส่งผลให้รัฐบาลมีอายุอยู่ได้เพียง 1 หรือ 2 ปี ซึ่งขณะนี้ทุก พรรคการเมืองมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่แล้วจึงเชื่อว่าทุกพรรคจะช่วยกันประคับประคองให้รัฐบาลผสม เดินหน้าไปได้ โดยการจัดตั้งรัฐบาลนั้นแม้จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้แต่ต้องระวัง เพราะอดีตแม้พรรคไทยรักไทยจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้สำเร็จก็มีปัญหา มีคนจ้องทำลายจนรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ล้มลงได้
“บรรยิน”เหน็บ“ประชัย”เป็นผมลาออก
พ.ต.ท.บรรยิน ยังกล่าวถึงปัญหาการตรวจสอบสถานภาพการเป็นหัวหน้าพรรค ของ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ด้วยว่า เรื่องนี้ยังต้องรอผลการพิจารณาของ กกต. ซึ่งล่าสุดทราบว่า กกต. เรียกให้นายประชัย เข้าพบในวันที่ 8 ม.ค.นี้เพื่อสอบสวนเกี่ยวกับการประกาศลาออกเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2550 โดย กกต. เรียกให้นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรค เข้าพบเพื่อสอบสวนด้วยในวันที่ 9 ม.ค.
อย่างไรก็ตามหากการพิจารณาของ กกต. มีมติสรุปว่านายประชัย พ้นจาก สถานภาพการเป็นสมาชิกพรรคและหัวหน้าพรรคจริง ในการบริหารพรรคตนในฐานะรองหัวหน้าพรรค จะเสนอชื่อนางอนงค์วรรณ เลขาธิการพรรค ต่อที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ให้เลือกขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทนซึ่งนางอนงค์วรรณ เป็นผู้บริหารพรรคคนหนึ่งที่สมาชิกพรรคให้การยอมรับจากตัวอย่างในการได้รับแต่งตั้งจากที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคให้เป็นทีมเจรจาจัดตั้งรัฐบาล โดยว่าที่ ส.ส. 6 คนของพรรค ได้มอบอำนาจการเข้าร่วมรัฐบาลให้นางอนงค์วรรณเป็นผู้ตัดสินใจแทน
“การเลือกตั้งที่ผ่านมา ผู้สมัครของพรรคอื่นได้รับเลือกทั้งระบบสัดส่วน และระบบเขต แต่พรรคมัชฌิมาธิปไตย ผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วนกลับไม่ได้รับเลือกเลย ซึ่งที่ได้รับเลือกมีเพียง ส.ส.ระบบเขต จำนวน7 คน หากผมเป็นหัวหน้าพรรค คงประกาศลาออกแล้วเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เหมือนที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยประกาศลาออกแสดงความรับผิดชอบ ที่ไม่สามารถนำพาพรรคจัดตั้งรัฐบาลได้”
ปชป.ยันไม่เคลื่อนไหวตั้งรัฐบาลแข่ง
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ในฐานะโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่าขณะนี้อยู่ในช่วงไว้อาลัย การสิ้นพระชนม์ ของ สมเด็จพระพี่นางฯพรรคการเมืองจึงยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเชื่อว่าการเมืองยังคงเดินหน้าต่อไปตามกรอบเวลา โดยเมื่อมีจำนวนส.ส.ครบร้อยละ95 จะต้องมีการเปิดสมัยประชุมสภาฯ ส่วนหากมีจำนวนส.ส.ไม่ครบ คงไม่ใช่ปัญหาอะไรโดยต้องรอจนกว่าจะมีส.ส.ครบ
นายองอาจ ยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีการประเมินจำนวนใบเหลือง ใบแดงที่ กกต.จะให้เพราะไม่ทราบถึงสำนวนที่เข้าสู่การพิจารณาของ กกต. ส่วนหากมีความเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส.ของพรรคที่มีคะแนนเสียงข้างมากพรรคประชาธิปัตย์จะประเมินวางแนวทาง การเคลื่อนไหวในการจัดตั้งรัฐบาลภายหลังจากพ้นช่วงเวลาไว้อาลัยไปแล้วอย่างไรนั้น ขอยืนยันอีกครั้งว่าขณะนี้พรรคไม่ได้ประสานกับพรรคการเมืองใดส่วนการตัดสินใจเป็นสิทธิของแต่ละพรรคจะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของตนเอง
ปัดรู้ตัวเลขใบเหลือง-แดงล่วงหน้า
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ในฐานะโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าเลขาธิการ พรรคประชาธิปัตย์คาดเดาจำนวน ใบเหลืองใบแดงใกล้เคียงกับจำนวนส.ส.ที่กกต.ยังไม่ได้รับรองว่า เชื่อว่าไม่มีใครรู้เกี่ยวกับการให้ใบเหลือใบแดง เลขาพรรคประชาธิปัตย์เองก็ไม่รู้ ข่าวที่เกิดขึ้นเป็นการประเมินโดยทั่วไปโดยในการให้สัมภาษณ์ของ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนั้นใช้คำว่า สมมติ แต่เมื่อออกไปเป็นข่าว ไม่มีคำว่าสมมุติจึงทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าตรงกัน
ทั้งนี้ตนเห็นว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะให้ใบเหลืองใดแดงมาก ในอดีตการเลือกตั้ง ส.ว.ครั้งแรกก็มีการให้ใบเหลืองแดงจำนวนมาก ซึ่งเป็นการให้ตามข้อมูลที่เป็นจริงและขึ้นอยู่กับเรื่องร้องเรียนและหลักฐานที่มีอยู่ จำนวนมาก การให้ใบเหลือใบแดงมาก หรือน้อยไม่ใช่เครื่องบ่งบอกถึงความปกติหรือไม่ปกติ ขอยืนยันอีกครั้งว่าพรรคไม่ได้มีความร่วมมือกับ กกต.
“มนูญกฤต”เชื่อได้ ส.ส.ครบตามกำหนด
พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ส.ส.ระบบสัดส่วนกลุ่ม 7 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวระหว่างเดินทางมารับหนังสือรับรองผลการเลือกตั้งส.ส. อย่างเป็นทางการ ถึงทางออก การเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ต้องเป็นไปตามที่กำหมายกำหนด คือ ต้องได้ส.ส. ร้อยละ 95 หรือจำนวนไม่น้อยกว่า 456 คน ซึ่งเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะดำเนินการ ตนไม่ขอก้าวล่วง แต่คิดว่า กกต. จะพิจารณาตามหลักฐานและข้อเท็จจริง โดยเชื่อว่า ไม่มีใครมีอำนาจเหนือ กกต.ได้ ทั้งนี้ หากว่าที่ ส.ส. ได้รับใบเหลืองใบแดงจำนวนมาก ก็คงไม่กระทบกับการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพราะเชื่อว่า กกต. จะสามารถ พิจารณารับรองผลการเลือกตั้งว่าที่ ส.ส. ที่เหลือได้ทันครบจำนวนก่อนการเปิดประชุม
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของกกต. ที่ไม่มีการเข้าข้าง ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แม้ว่าจะมีประชาชนบางกลุ่มไม่พอใจผลการพิจารณาให้ใบแดงที่จังหวัดบุรีรัมย์ จนออกมาชุมนุมประท้วงก็ตาม
พล.ต.มนูญกฤต ยังกล่าวถึงบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานสภา ผู้แทนราษฎรว่า บุคคลที่จะมาทำหน้าที่ดังกล่าวถือเป็นเรื่องความสำคัญ ซึ่งขึ้นอยู่กับ ส.ส.ว่าจะยกมือโหวตเลือกบุคคลใดเข้ามาทำหน้าที่
ยอด ส.ส.รับหนังสือรับรอง 277 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศการเข้ารับหนังสือรับรองการเป็น ส.ส.ทั้งแบบสัดส่วน และแบ่งเขตตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศรับรองส.ส. อย่างเป็นทางการจำนวน 397 คน วานนี้ (6 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของการเปิดให้รับใบรับรองมี ส.ส.จากพรรคการเมืองต่างๆ ทยอยเดินทางมารับอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้มารับหนังสือรับรองจำนวน 13 คน
ประกอบด้วย ส.ส.แบ่งเขต 10 คน คือ ม.ล.อภิมงคล โสณกุล ส.ส. กทม. เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ , นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ,นายปริญญา ฤกษ์สาหร่าย ส.ส. กำแพงเพชร เขต 2 พรรคพลังประชาชน ,นายวัลลภ สุปริยศิลป์ และนางสิรินทร รามสูตร ส.ส. น่าน เขต 1 พรรคพลังประชาชน, นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร เขต 2 พรรคพลังประชาชน , นายวรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส. พิษณุโลก เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์, นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฐ์ ส.ส.พังงา เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์, นายสฤษฏ์ อึ้งอภินันท์ ส.ส.เชียงราย เขต 1 พรรคพลังประชาชน และนายมนต์ไชย ชาติวัฒนศิริ ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 2 พรรคพลังประชาชน
ส่วนระบบสัดส่วนมี 3 คนคือ นายดนัย นพสุวรรณวงศ์ ส.ส. สัดส่วน กลุ่ม 4 พรรคประชาธิปัตย์ , นายปัญญาวัฒน์ บุญมี และพล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ส.ส.กลุ่ม 7 พรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ ยอดรวมล่าสุดของการรับหนังสือรับรองส.ส.เป็นวันที่ 3 ปรากฏว่ามี ส.ส.มารับหนังสือไปแล้วทั้งสิ้น 277 คน แบ่งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต 223 คน แบบสัดส่วน 54 คน ทำให้ขณะนี้เหลือส.ส. ที่ยังไม่ได้มารับหนังสือรับรองอีกจำนวน 120 คน จากยอดส.ส.ที่กกต. ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการไปแล้วจำนวน 397 คน
ยื่นสมัคร ส.ว.สรรหาแล้ว 6 ราย
ส่วนการเปิดรับให้มีการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือส.ว. ซึ่งเป็นวันที่ 4 มีหน่วยงานที่ยื่นเสนอชื่อบุคคลเพื่อสรรหาเป็นส.ว. เพิ่ม 3 หน่วยงาน คือ สภาการเหมืองแร่เสนอชื่อ นายเกรียงศักดิ์ หล่อวัฒนะตระกูล รองประธานสภาการเหมืองแร่ และสมาคมหอการค้าจังหวัดแพร่เสนอชื่อ นายสามขวัญ พนมไทย อดีตประธานหอการค้าจังหวัดแพร่ และอดีต สสร.ปี 2550 เข้ารับการสรรหา เป็น ส.ว.ในส่วนของภาคเอกชน และมีแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูถัมภ์ เสนอชื่อ พ.ญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ อดีตนายกแพทยสภาฯ เข้ารับการสรรหาเป็น ส.ว.ในส่วนของภาควิชาชีพ ซึ่งยอดรวมล่าสุด 4 วันมีจำนวน 6 คน