ททท.อาเซียนเอเชียใต้ และแปซิฟิก ตีปีก หลังตัวเลขนักท่องเที่ยวแต่ละประเทศเติบโตเฉลี่ยกว่า 10% ตั้งหลักปีหนูเดินสายโรดโชว์ตลอดปี ตอกย้ำสินค้าท่องเที่ยวของเมืองไทย ระบุอินเดีย ออสเตรเลียเติบโตสูง เผยผู้ว่าการ ททท.ไฟเขียวเพิ่มงบกว่า 10% เป็น 162 ล้านบาท บูมตลาดต่อเนื่อง ชูบูติกโฮเทล ไมซ์ เว็ดดิ้ง เจาะกลุ่มไฮโซ
นายประกิตติ์ พิริยะเกียรติ ผู้อำนวยการ ททท.ภูมิภาคอาเซียน เอเซียใต้และแปซิฟิค กล่าวถึงแผนการทำงานในปี 2551 ว่า จะให้ความสำคัญกับการเดินทางออกไปโรดโชว์ในตลาดต่างๆทุกประเทศที่ตัวเองดูแลอยู่ โดยมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นตลาดอาเซียน เอเชียใต้และแปซิฟิก ให้เติบโตอีกอย่างน้อย 10-15% ซึ่งในส่วนของงบประมาณเพื่อการโรดโชว์ และการทำตลาดแบบถึงตรงถึงผู้บริโภคและบริษัทนำเที่ยวในตลาดนี้ประจำปีงบประมาณ 2551 ได้รับจัดสรรมาทั้งสิ้น 162 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่ได้อยู่ประมาณ 140 ล้านบาท ราว 10% ทั้งนี้เพราะนโยบายของผู้ว่าการ ททท. ให้ความสำคัญกับการโรดโชว์ เนื่องจากเป็นการตลาดที่เห็นผลเร็วที่สุดสามารถดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทยจริง และเป็นกลุ่มที่ตรงตามเป้าหมาย
***เดินสายโรดโชว์กระหึ่มตลอดปี***
สำหรับแผนการเดินทางโรดโชว์ จะเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นี้ไปถึงสิ้นปี กระจายไปในแต่ละตลาด ได้แก่ เดือนกุมภาพันธ์ เดินทางไปประเทศอินเดีย ที่เมืองกัว(GOA) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ พร้อมกับเชิญ ผู้บริหารของบริษัทนำเที่ยวชั้นนำของประเทศกว่า 10 บริษัทใน 10 เมือง ที่การบินไทย มีเส้นทางบินในขณะนี้ และ สื่อมวลชน จัดงานนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยว แบบ เอ็กซ์คลูซีฟ โปรดักส์ อัพเดท เช่น แพเกจแต่งงาน ไมซ์ กอล์ฟ ชอปปิ้ง เป็นต้น ซึ่งอินเดียเป็นตลาดที่เติบโตสูง และมีศักยภาพดี ปี 2550 ทั้งปีคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาจากตลาดนี้ 5 แสนคน โตเกือบ 20% ส่วนปี 2551 ตั้งเป้าไว้ที่ 6 แสนคนเป็นอย่างต่ำ
ทั้งนี้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ก็เป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการเติบโตสูง ซึ่ง ททท. จะออกไปจัดโรดโชว์ช่วง 12-15 พฤษภาคม 2551 ตอกย้ำสินค้าทางการท่องเที่ยว เช่น ทะเล ภูเขา กอล์ฟ พร้อมกับแนะนำจังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นเดสติเนชั่นใหม่ของตลาดนี้ นำเสนอบูติกโฮเทล ในจังหวัดนี้ เพื่อเจาะลูกค้าระดับไฮเอนด์ ตลาดนี้ในปี 2550 เติบโตเกือบ 25% มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามากว่า 6.5 แสนคน ปี 2551 ตั้งเป้าโตอีกราว 10%
ส่วนตลาดใกล้เคียงย่านอาเซียน กำหนดเดินสายโรดโชว์ ในหลายประเทศ เช่น 25-27 มี.ค.51 โรดโชว์ที่ เวียดนาม ,8-10 ก.ค. 51 โรดโชว์ที่ มาเลเซียและสิงคโปร์ ,25-29 ส.ค. 51 โรดโชว์ที่ อินโดนีเซีย จากนั้นจะเดินทางไปโรดโชว์ที่ฟิลิปปินส์ ส่วนประเทศพม่า จะออกไปจัดงานพบปะผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทนำเที่ยว นำสินค้าไปนำเสนอ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตลาดที่เติบโตสูง กลุ่มลูกค้าหลักของประเทศในกลุ่มอาเซียน จะมีทั้ง นักธุรกิจของประเทศนั้นๆ และชาวต่างชาติที่เข้าไปทำงานในประเทศนั้น เมื่อเศรษฐกิจในภูมิภาคเติบโต การเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวหรือติดต่อธุรกิจในประเทศไทยก็มีเพิ่มมากขึ้น โดยภาพรวมตลาดนี้เติบโตตลอดปี 2550 เฉลี่ยที่ 10% และยังคงเติบโตต่อเนื่องในปี 2551
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน เส้นทางบิน ของสายการบินต่างๆ ทั้งโลว์คอสต์ และ ที่ไม่ใช่โลว์คอสต์ มีผลเป็นอย่างยิ่งกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดเจนว่า การท่องเที่ยวจะเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจการบิน เพราะ หาก ททท.ทำตลาดเท่าใด แต่เที่ยวบินไม่เพียงพอก็เป็นอุปสรรคสำคัญประการหนึ่ง
**ปลื้มATF ต่างชาติแห่ร่วมงาน***
นายประกิตติ์ กล่าวอีกว่า ในเดือนมกราคมนี้ ระหว่างวันที่ 18-26 ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน การประชุมการท่องเที่ยวอาเชียน 2551 หรือ ASEAN Tourism Forum (ATF) 2008 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "Synergy of ASEAN : Towards Dynamic Unity in Diversity" เพื่อแสดงศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งกายภาพ สังคม วัฒนธรรม ของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศที่สามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างมีเอกภาพ และมีเป้าหมายเดียวกันทางด้านจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว
ในงานดังกล่าว ททท.ได้ใช้งบประมาณ 60 ล้านบาท ล่าสุดมีผู้ขาย(บายเออร์) จาก 10 ประเทศอาเซียน เข้ามาลงทะเบียนขอออกบูธแสงดสินค้าทางการท่องเที่ยวกว่า 620 ราย ขณะที่ทาง ททท. ได้เชิญผู้ซื้อ(เซลล์เลอร์) จากทั่วโลกมาร่วมงานกว่า 500 ราย ถือเป็นการจัดงาน ATF ที่มีผู้เข้าร่วมงานสูงสุด เท่าที่เคยมีการจัดงานมา โดยททท.คาดว่า จะมีผู้ร่วมงานที่เป็นต่างชาติเดินทางมาเจรจาธุรกิจในงานนี้ไม่น้อยกว่า 3,000 คน
นายประกิตติ์ พิริยะเกียรติ ผู้อำนวยการ ททท.ภูมิภาคอาเซียน เอเซียใต้และแปซิฟิค กล่าวถึงแผนการทำงานในปี 2551 ว่า จะให้ความสำคัญกับการเดินทางออกไปโรดโชว์ในตลาดต่างๆทุกประเทศที่ตัวเองดูแลอยู่ โดยมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นตลาดอาเซียน เอเชียใต้และแปซิฟิก ให้เติบโตอีกอย่างน้อย 10-15% ซึ่งในส่วนของงบประมาณเพื่อการโรดโชว์ และการทำตลาดแบบถึงตรงถึงผู้บริโภคและบริษัทนำเที่ยวในตลาดนี้ประจำปีงบประมาณ 2551 ได้รับจัดสรรมาทั้งสิ้น 162 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่ได้อยู่ประมาณ 140 ล้านบาท ราว 10% ทั้งนี้เพราะนโยบายของผู้ว่าการ ททท. ให้ความสำคัญกับการโรดโชว์ เนื่องจากเป็นการตลาดที่เห็นผลเร็วที่สุดสามารถดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทยจริง และเป็นกลุ่มที่ตรงตามเป้าหมาย
***เดินสายโรดโชว์กระหึ่มตลอดปี***
สำหรับแผนการเดินทางโรดโชว์ จะเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นี้ไปถึงสิ้นปี กระจายไปในแต่ละตลาด ได้แก่ เดือนกุมภาพันธ์ เดินทางไปประเทศอินเดีย ที่เมืองกัว(GOA) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ พร้อมกับเชิญ ผู้บริหารของบริษัทนำเที่ยวชั้นนำของประเทศกว่า 10 บริษัทใน 10 เมือง ที่การบินไทย มีเส้นทางบินในขณะนี้ และ สื่อมวลชน จัดงานนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยว แบบ เอ็กซ์คลูซีฟ โปรดักส์ อัพเดท เช่น แพเกจแต่งงาน ไมซ์ กอล์ฟ ชอปปิ้ง เป็นต้น ซึ่งอินเดียเป็นตลาดที่เติบโตสูง และมีศักยภาพดี ปี 2550 ทั้งปีคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาจากตลาดนี้ 5 แสนคน โตเกือบ 20% ส่วนปี 2551 ตั้งเป้าไว้ที่ 6 แสนคนเป็นอย่างต่ำ
ทั้งนี้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ก็เป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการเติบโตสูง ซึ่ง ททท. จะออกไปจัดโรดโชว์ช่วง 12-15 พฤษภาคม 2551 ตอกย้ำสินค้าทางการท่องเที่ยว เช่น ทะเล ภูเขา กอล์ฟ พร้อมกับแนะนำจังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นเดสติเนชั่นใหม่ของตลาดนี้ นำเสนอบูติกโฮเทล ในจังหวัดนี้ เพื่อเจาะลูกค้าระดับไฮเอนด์ ตลาดนี้ในปี 2550 เติบโตเกือบ 25% มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามากว่า 6.5 แสนคน ปี 2551 ตั้งเป้าโตอีกราว 10%
ส่วนตลาดใกล้เคียงย่านอาเซียน กำหนดเดินสายโรดโชว์ ในหลายประเทศ เช่น 25-27 มี.ค.51 โรดโชว์ที่ เวียดนาม ,8-10 ก.ค. 51 โรดโชว์ที่ มาเลเซียและสิงคโปร์ ,25-29 ส.ค. 51 โรดโชว์ที่ อินโดนีเซีย จากนั้นจะเดินทางไปโรดโชว์ที่ฟิลิปปินส์ ส่วนประเทศพม่า จะออกไปจัดงานพบปะผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทนำเที่ยว นำสินค้าไปนำเสนอ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตลาดที่เติบโตสูง กลุ่มลูกค้าหลักของประเทศในกลุ่มอาเซียน จะมีทั้ง นักธุรกิจของประเทศนั้นๆ และชาวต่างชาติที่เข้าไปทำงานในประเทศนั้น เมื่อเศรษฐกิจในภูมิภาคเติบโต การเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวหรือติดต่อธุรกิจในประเทศไทยก็มีเพิ่มมากขึ้น โดยภาพรวมตลาดนี้เติบโตตลอดปี 2550 เฉลี่ยที่ 10% และยังคงเติบโตต่อเนื่องในปี 2551
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน เส้นทางบิน ของสายการบินต่างๆ ทั้งโลว์คอสต์ และ ที่ไม่ใช่โลว์คอสต์ มีผลเป็นอย่างยิ่งกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดเจนว่า การท่องเที่ยวจะเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจการบิน เพราะ หาก ททท.ทำตลาดเท่าใด แต่เที่ยวบินไม่เพียงพอก็เป็นอุปสรรคสำคัญประการหนึ่ง
**ปลื้มATF ต่างชาติแห่ร่วมงาน***
นายประกิตติ์ กล่าวอีกว่า ในเดือนมกราคมนี้ ระหว่างวันที่ 18-26 ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน การประชุมการท่องเที่ยวอาเชียน 2551 หรือ ASEAN Tourism Forum (ATF) 2008 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "Synergy of ASEAN : Towards Dynamic Unity in Diversity" เพื่อแสดงศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งกายภาพ สังคม วัฒนธรรม ของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศที่สามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างมีเอกภาพ และมีเป้าหมายเดียวกันทางด้านจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว
ในงานดังกล่าว ททท.ได้ใช้งบประมาณ 60 ล้านบาท ล่าสุดมีผู้ขาย(บายเออร์) จาก 10 ประเทศอาเซียน เข้ามาลงทะเบียนขอออกบูธแสงดสินค้าทางการท่องเที่ยวกว่า 620 ราย ขณะที่ทาง ททท. ได้เชิญผู้ซื้อ(เซลล์เลอร์) จากทั่วโลกมาร่วมงานกว่า 500 ราย ถือเป็นการจัดงาน ATF ที่มีผู้เข้าร่วมงานสูงสุด เท่าที่เคยมีการจัดงานมา โดยททท.คาดว่า จะมีผู้ร่วมงานที่เป็นต่างชาติเดินทางมาเจรจาธุรกิจในงานนี้ไม่น้อยกว่า 3,000 คน
