ผู้จัดการรายวัน - ปีใหม่นี้ประชาชนยิ้มไม่ออก ปตท.นำทีมผู้ค้าน้ำมันขยับขึ้นราคาขายปลีกวันนี้อีก 40 สตางค์/ลิตร ส่งผลให้เบนซิน 95 ทะลุลิตรละ 33.29 บาท บิ๊กปตท.ย้ำจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขายปลีก หลังราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ไต่ระดับทำนิวไฮอีกครั้ง เตือนผู้ใช้ทำใจ ปีนี้ราคาน้ำมันสูงกว่าปีที่แล้ว
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า จากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปลายปีจนถึงปีใหม่นี้ มาจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล/วัน มาอยู่ที่ 293.6 ล้านบาร์เรล/วัน ปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปก็ลดลงเช่นกัน 2.8 ล้านบาร์เรล/วัน มาอยู่ที่ 126.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมทั้งอากาศหนาวเย็นมากและเหตุการณ์ความไม่สงบรอบโลก ส่งผลให้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมาโดยตลอด ล่าสุดวันที่ 2 ม.ค. 51 ราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 89.32 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 3.54 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันเบนซิน 95 ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 104.07 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 111 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลทำให้ค่าการตลาดติดลบ 2 สตางค์/ลิตร
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้ค้าน้ำมันรับภาระจากต้นทุนน้ำมันที่เพิ่มขึ้นแทนเฉลี่ยลิตรละ 1.52 บาท/ลิตร ทำให้ ผู้ค้าน้ำมันจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซลขึ้น 40 สตางค์/ลิตร มีผลวันนี้ (3 ม.ค. ) ทำให้ราคาเบนซิน 95 อยู่ที่ 33.29 บาท/ลิตร เบนซิน 91 ลิตรละ 31.99 บาท ดีเซล ลิตรละ 29.74 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 29.29 บาท และไบโอดีเซล 28.74 บาท/ลิตร
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า จากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ทำระดับนิวไฮอีกครั้ง ทำให้ราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการน้ำมันในปัจจุบันต่ำกว่าราคาหน้าโรงกลั่น ผู้ค้าน้ำมันต้องรับภาระขาดทุนอยู่ลิตรละ 1 -1.50 บาทต่อลิตร จึงจำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกขึ้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคาน้ำมันปีนี้ยังคงสูงต่อเนื่อง คาดว่าราคาน้ำมันดิบในตะวันออกกลาง อยู่ระหว่าง 70-80 ดอลลาร์ หรือเฉลี่ยประมาณ 75 ดอลลาร์ น้ำมันสำเร็จรูป 90-100 ดอลลาร์สหรัฐ แต่สถานการณ์ราคาพลังงานไม่ถึงกับประสบภาวะขาดแคลน เนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันยังคงมีมากกว่าปริมาณการใช้ แต่ราคาเฉลี่ยปีนี้จะสูงกว่าปี 2550 และคาดว่าราคาขายปลีกคงไม่เปลี่ยนแปลงมาก เนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทุก 1 บาท มีผลต่อราคาน้ำมันลดลงประมาณ 50 สตางค์ต่อลิตร นอกจากนี้ ในปี 2551 ยังมีพลังงานทดแทนทยอยออกสู่ตลาดมากขึ้น เช่น ไบโอดีเซล ซึ่งจะถูกกว่าน้ำมันดีเซลลิตรละ 1 บาท ก๊าซธรรมชาติที่ใช้กับภาคขนส่ง ซึ่ง ปตท.จะเพิ่มจุดจำหน่ายให้มากขึ้น เนื่องจากในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติขยายตัวรวดเร็ว ทำให้สถานีบริการไม่เพียงพอ ในขณะที่น้ำมันอี 20 ก็ออกมาจำหน่ายเช่นกัน
ส่วนแนวโน้มค่าการกลั่น คาดว่าปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้ว แต่แนวโน้มระยะ 2-3 ปีข้างหน้าค่าการกลั่นจะปรับตัวลดลง เนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันมีเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ทางโรงกลั่นน้ำมันคงจะมีกำไรปีนี้ และสามารถลงทุนเพิ่มในการปรับคุณภาพน้ำมันให้เป็นไปตามมาตรฐานยูโร 4 อย่างไม่มีปัญหา
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า จากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปลายปีจนถึงปีใหม่นี้ มาจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล/วัน มาอยู่ที่ 293.6 ล้านบาร์เรล/วัน ปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปก็ลดลงเช่นกัน 2.8 ล้านบาร์เรล/วัน มาอยู่ที่ 126.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมทั้งอากาศหนาวเย็นมากและเหตุการณ์ความไม่สงบรอบโลก ส่งผลให้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมาโดยตลอด ล่าสุดวันที่ 2 ม.ค. 51 ราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 89.32 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 3.54 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันเบนซิน 95 ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 104.07 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 111 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลทำให้ค่าการตลาดติดลบ 2 สตางค์/ลิตร
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้ค้าน้ำมันรับภาระจากต้นทุนน้ำมันที่เพิ่มขึ้นแทนเฉลี่ยลิตรละ 1.52 บาท/ลิตร ทำให้ ผู้ค้าน้ำมันจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซลขึ้น 40 สตางค์/ลิตร มีผลวันนี้ (3 ม.ค. ) ทำให้ราคาเบนซิน 95 อยู่ที่ 33.29 บาท/ลิตร เบนซิน 91 ลิตรละ 31.99 บาท ดีเซล ลิตรละ 29.74 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 29.29 บาท และไบโอดีเซล 28.74 บาท/ลิตร
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า จากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ทำระดับนิวไฮอีกครั้ง ทำให้ราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการน้ำมันในปัจจุบันต่ำกว่าราคาหน้าโรงกลั่น ผู้ค้าน้ำมันต้องรับภาระขาดทุนอยู่ลิตรละ 1 -1.50 บาทต่อลิตร จึงจำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกขึ้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคาน้ำมันปีนี้ยังคงสูงต่อเนื่อง คาดว่าราคาน้ำมันดิบในตะวันออกกลาง อยู่ระหว่าง 70-80 ดอลลาร์ หรือเฉลี่ยประมาณ 75 ดอลลาร์ น้ำมันสำเร็จรูป 90-100 ดอลลาร์สหรัฐ แต่สถานการณ์ราคาพลังงานไม่ถึงกับประสบภาวะขาดแคลน เนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันยังคงมีมากกว่าปริมาณการใช้ แต่ราคาเฉลี่ยปีนี้จะสูงกว่าปี 2550 และคาดว่าราคาขายปลีกคงไม่เปลี่ยนแปลงมาก เนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทุก 1 บาท มีผลต่อราคาน้ำมันลดลงประมาณ 50 สตางค์ต่อลิตร นอกจากนี้ ในปี 2551 ยังมีพลังงานทดแทนทยอยออกสู่ตลาดมากขึ้น เช่น ไบโอดีเซล ซึ่งจะถูกกว่าน้ำมันดีเซลลิตรละ 1 บาท ก๊าซธรรมชาติที่ใช้กับภาคขนส่ง ซึ่ง ปตท.จะเพิ่มจุดจำหน่ายให้มากขึ้น เนื่องจากในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติขยายตัวรวดเร็ว ทำให้สถานีบริการไม่เพียงพอ ในขณะที่น้ำมันอี 20 ก็ออกมาจำหน่ายเช่นกัน
ส่วนแนวโน้มค่าการกลั่น คาดว่าปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้ว แต่แนวโน้มระยะ 2-3 ปีข้างหน้าค่าการกลั่นจะปรับตัวลดลง เนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันมีเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ทางโรงกลั่นน้ำมันคงจะมีกำไรปีนี้ และสามารถลงทุนเพิ่มในการปรับคุณภาพน้ำมันให้เป็นไปตามมาตรฐานยูโร 4 อย่างไม่มีปัญหา