ผู้จัดการรายวัน – ตลาดอนุพันธ์ ปลื้มวอลุ่มเทรดปี50 เข้าเป้า 5.17 พันสัญญาต่อวัน เพิ่มขึ้น 330% จากปีก่อนที่มี 1.2 พันสัญญาต่อวัน โดยมีนักลงทุนเปิดบัญชีซื้อขายทั้งสิ้น 9.41 พันบัญชี เพิ่มขึ้น100%จากปีก่อน ด้านบล.เคจีไอ ยังคงครองแชมป์โบรกเกอร์อันดับ1 ขณะที่ตราสารหนี้ปริมาณการซื้อขายพุ่งกว่า 600%
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ TFEX เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2550 อยู่ในระดับที่น่าพอใจ จากภาวะการซื้อขายเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยปีนี้(ถึงวันที่ 25 ธ.ค.)อยู่ที่ 5,172 สัญญาต่อวัน เพิ่มขึ้น 330% จากปี 2549 ที่ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 1,204 สัญญาต่อวัน แบ่งเป็น การซื้อขาย SET50Index Futures จำนวน 4,976 สัญญาต่อวัน และ SET50 Index Options 196สัญญาต่อวัน จากที่การซื้อขายออปชั่นเพิ่งเริ่มเปิดการซื้อขายเมื่อปลายเดือนตุลาคม2550
ทั้งนี้ มีนักลงทุนให้ความสนใจเพิ่มขึ้นในการเข้ามาซื้อขายในตลาอนุพันธ์โดยมีการเข้ามาเปิดบัญชีซื้อขายจำนวนทั้งสิ้น 9,415 บัญชี เพิ่มขึ้น 108 % จากปีก่อนที่มีจำนวน 4,513 บัญชี ซึ่งประเภทบัญชีที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นสูงสุดคือ ผู้ลงทุนทั่วไป เพิ่มขึ้น 112% ผู้ลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้น 85% และผู้ลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้น 52% โดยสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนแบ่งเป็น นักลงทุนทั่วไป จำนวน 55% นักลงทุนสถาบัน 25.5 % นักลงทุนต่างประเทศ 19.5%
สำหรับ สมาชิกที่ซื้อขายสูงสุดห้าอันดับแรก ได้ แก่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ KGI บริษัท ทรีนีตี้ โพลาริส ฟิวเจอร์ส จำกัด บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) บล.บัวหลวง โดยในปีหน้าตลาดอนุพันธ์ยังคงเดินหน้าในการจัดสัมมนา โดยจะเน้นทั้งด้านการให้ความเข้าใจพื้นฐานของอนุพันธ์ และการเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์การซื้อขายจริงและการเรียนรู้ด้านกลยุทธการซื้อขายรูปแบบต่างๆเพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้ลงทุน โดยโครงการLucky กับTFEX ซึ่งเป็นกิจกรรมเพื่อนักลงทุนทั่วไปที่สามารถบริหารผลตอบแทนการซื้อขายขายของตนเองได้ดีและได้กำไรสูงสุด สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการนี้เพื่อมีสิทธิได้รับรางวัลประจำเดือนและรางวัลการดูงานที่ตลาดอนุพันธ์ต่างประเทศ
ส่วนในด้านผู้ลงทุนต่างประเทศนั้นตลาดอนุพันธ์จะยังคงร่วมงานและออกบูธประชาสัมพันธ์ในงานอนุพันธ์ระดับสากลของเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา เพื่อขยายฐานผู้ลงทุนในตลาดอนุพันธ์ให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่านักลงทุนต่างๆจะให้ความสนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น โดยคาดว่าปริมาณการการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันปีหน้าประมาณ 10,000 สัญญาต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวจากปี 2550
นายสันติ กีระนันทน์ ผู้จัดการตลาดตราสารหนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดตราสารหนี้BEX (Bond Electronic Exchange)จะเดินหน้าพัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทยให้เป็นหนึ่งในเสาหลักที่มีประสิทธิภาพของระบบเศรษฐกิจ มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นและเป็นทางเลือกลงทุนที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าบรรยากาศการออกตราสารหนี้ในปี 2551คาดว่าจะเริ่มคึกคักตั้งแต่ช่วงต้นปี 2551 เพราะเชื่อว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะมีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงกลางปีและหากธนาคารแห่งประเทศพิจารณายกเลิกให้มาตรการ30% น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในตลาดตราสารหนี้
สำหรับ ภาวะการซื้อขายตราสารหนี้ปี2550 มีมูลค่า 2.9 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 616% จากปี 2549 ที่มีมูลค่า การซื้อขายทั้งสิ้น 4.06 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการซื้อขายโดยสถาบันจำนวน 2.9 แสนล้านบาท และบุคคล 275.71 ล้านบาท ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในปี2550 จำนวน 1,270 ล้านบาท เทียบกับปี2549 ซึ่งอยู่ที่ 168 ล้านบาทต่อวัน โดยการซื้อขายยังคงกระจุกตัวในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐบาลและตั๋วเงินคลัง
ทั้งนี้ มีตราสารหนี้เข้าจดทะเบียนใน BEX 3.9ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปี 2549ที่มี ตราสารหนี้เข้าจดทะเบียนทั้งสิ้น 3.5 ล้านล้านบาท โดยปัจจุบันมีมูลค่าคงค้างรวมประมาณ 3.7 ล้านล้านบาท โดย 90% เป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐ ขณะนี้ BEX อยู่ระหว่างศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรคของการออกหุ้นกู้ภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนให้เอกชนใช้ตราสารหนี้เป็นช่องทางการระดมทุนมากขึ้นรวมทั้ง เพิ่มความหลากหลายของสินค้าในตลาดด้วย นอกจากนี้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯได้ขยายเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนและซื้อขายตราสารหนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2551
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ TFEX เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2550 อยู่ในระดับที่น่าพอใจ จากภาวะการซื้อขายเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยปีนี้(ถึงวันที่ 25 ธ.ค.)อยู่ที่ 5,172 สัญญาต่อวัน เพิ่มขึ้น 330% จากปี 2549 ที่ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 1,204 สัญญาต่อวัน แบ่งเป็น การซื้อขาย SET50Index Futures จำนวน 4,976 สัญญาต่อวัน และ SET50 Index Options 196สัญญาต่อวัน จากที่การซื้อขายออปชั่นเพิ่งเริ่มเปิดการซื้อขายเมื่อปลายเดือนตุลาคม2550
ทั้งนี้ มีนักลงทุนให้ความสนใจเพิ่มขึ้นในการเข้ามาซื้อขายในตลาอนุพันธ์โดยมีการเข้ามาเปิดบัญชีซื้อขายจำนวนทั้งสิ้น 9,415 บัญชี เพิ่มขึ้น 108 % จากปีก่อนที่มีจำนวน 4,513 บัญชี ซึ่งประเภทบัญชีที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นสูงสุดคือ ผู้ลงทุนทั่วไป เพิ่มขึ้น 112% ผู้ลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้น 85% และผู้ลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้น 52% โดยสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนแบ่งเป็น นักลงทุนทั่วไป จำนวน 55% นักลงทุนสถาบัน 25.5 % นักลงทุนต่างประเทศ 19.5%
สำหรับ สมาชิกที่ซื้อขายสูงสุดห้าอันดับแรก ได้ แก่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ KGI บริษัท ทรีนีตี้ โพลาริส ฟิวเจอร์ส จำกัด บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) บล.บัวหลวง โดยในปีหน้าตลาดอนุพันธ์ยังคงเดินหน้าในการจัดสัมมนา โดยจะเน้นทั้งด้านการให้ความเข้าใจพื้นฐานของอนุพันธ์ และการเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์การซื้อขายจริงและการเรียนรู้ด้านกลยุทธการซื้อขายรูปแบบต่างๆเพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้ลงทุน โดยโครงการLucky กับTFEX ซึ่งเป็นกิจกรรมเพื่อนักลงทุนทั่วไปที่สามารถบริหารผลตอบแทนการซื้อขายขายของตนเองได้ดีและได้กำไรสูงสุด สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการนี้เพื่อมีสิทธิได้รับรางวัลประจำเดือนและรางวัลการดูงานที่ตลาดอนุพันธ์ต่างประเทศ
ส่วนในด้านผู้ลงทุนต่างประเทศนั้นตลาดอนุพันธ์จะยังคงร่วมงานและออกบูธประชาสัมพันธ์ในงานอนุพันธ์ระดับสากลของเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา เพื่อขยายฐานผู้ลงทุนในตลาดอนุพันธ์ให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่านักลงทุนต่างๆจะให้ความสนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น โดยคาดว่าปริมาณการการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันปีหน้าประมาณ 10,000 สัญญาต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวจากปี 2550
นายสันติ กีระนันทน์ ผู้จัดการตลาดตราสารหนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดตราสารหนี้BEX (Bond Electronic Exchange)จะเดินหน้าพัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทยให้เป็นหนึ่งในเสาหลักที่มีประสิทธิภาพของระบบเศรษฐกิจ มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นและเป็นทางเลือกลงทุนที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าบรรยากาศการออกตราสารหนี้ในปี 2551คาดว่าจะเริ่มคึกคักตั้งแต่ช่วงต้นปี 2551 เพราะเชื่อว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะมีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงกลางปีและหากธนาคารแห่งประเทศพิจารณายกเลิกให้มาตรการ30% น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในตลาดตราสารหนี้
สำหรับ ภาวะการซื้อขายตราสารหนี้ปี2550 มีมูลค่า 2.9 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 616% จากปี 2549 ที่มีมูลค่า การซื้อขายทั้งสิ้น 4.06 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการซื้อขายโดยสถาบันจำนวน 2.9 แสนล้านบาท และบุคคล 275.71 ล้านบาท ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในปี2550 จำนวน 1,270 ล้านบาท เทียบกับปี2549 ซึ่งอยู่ที่ 168 ล้านบาทต่อวัน โดยการซื้อขายยังคงกระจุกตัวในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐบาลและตั๋วเงินคลัง
ทั้งนี้ มีตราสารหนี้เข้าจดทะเบียนใน BEX 3.9ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปี 2549ที่มี ตราสารหนี้เข้าจดทะเบียนทั้งสิ้น 3.5 ล้านล้านบาท โดยปัจจุบันมีมูลค่าคงค้างรวมประมาณ 3.7 ล้านล้านบาท โดย 90% เป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐ ขณะนี้ BEX อยู่ระหว่างศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรคของการออกหุ้นกู้ภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนให้เอกชนใช้ตราสารหนี้เป็นช่องทางการระดมทุนมากขึ้นรวมทั้ง เพิ่มความหลากหลายของสินค้าในตลาดด้วย นอกจากนี้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯได้ขยายเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนและซื้อขายตราสารหนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2551