ตลาดอนุพันธ์ปลื้มผลงานปี 50 หลังผลงานเข้าเป้า สัญญาซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 5,172 สัญญา และจำนวนบัญชีซื้อขายทะลุ 9,415 บัญชี ตั้งเป้าปีหนู เพิ่มสัญญาซื้อขายอนุพันธ์โตเท่าตัวเป็น 10,000 สัญญาต่อวัน พร้อมวางแผนเปิดซื้อขายสินค้าอันดับสาม Stock Options และเปิดรับสมาชิกใหม่
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2550 นี้ว่า ภาวะการซื้อขายอยู่ในระดับที่น่าพอใจและเป็นไปตามเป้าหมายปริมาณการซื้อขายของตลาดอนุพันธ์เฉลี่ยในปีนี้ ( นับถึง 25 ธ.ค.) อยู่ที่ 5,172 สัญญาต่อวัน เทียบกับ1,204 สัญญาต่อวันในปี 2549 เพิ่มขึ้นร้อยละ 330 โดยประกอบด้วย SET50 Index Futures 4,976 สัญญาต่อวัน และ SET50 Index Options 196 สัญญาต่อวัน การซื้อขายออปชั่นยังอยู่ในระยะเริ่มต้นซึ่งเริ่มซื้อขายเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้พบว่าผู้ลงทุนได้ให้ความสนใจเพิ่มขึ้นในการเปิดบัญชีซื้อขายโดยมีจำนวนทั้งสิ้น 9,415 บัญชี เพิ่มจากปีก่อนหน้าที่มีเพียง 4,513 บัญชี คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 108 ประเภทบัญชีที่มีอัตราเพิ่มขึ้นสูงสุดคือผู้ลงทุนทั่วไป เพิ่มขึ้นร้อยละ 112 ผู้ลงทุนต่างประเทศ เพิ่มขึ้นร้อยละ 85 และผู้ลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้นร้อยละ 52
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยมีจำนวนน้อยเพียง 2,882 สัญญาต่อวันเท่านั้น เป็นผลจากภาวะความซบเซาของตลาดหลักทรัพย์ภายหลังการใช้มาตรการการสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ในครึ่งหลังของปีภาวะความผันผวนจากวิกฤตการณ์ราคาน้มัน ปัญหา sub prime ในตลาดต่างประเทศและเหตุการณ์ในประเทศไทยเอง ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ปริมาณการซื้อขายจึงเพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งในตลาดหลักทรัพย์และตลาดอนุพันธ์ โดยมีปริมาณการซื้อขายต่อวันสูงสุดที่ 13,701 สัญญา เมื่อวันที่ 26 กันยายน
สำหรับบริษัทสมาชิกที่ซื้อขายสูงสุดห้าอันดับแรก ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท ทรีนีตี้ โพลาริส ฟิวเจอร์ส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) สำหรับสัดส่วนการซื้อขายมาจากผู้ลงทุนทั่วไปร้อยละ 55 ผู้ลงทุนสถาบันร้อยละ 25.5 และผู้ลงทุนต่างประเทศ ร้อยละ19.5
นางเกศรากล่าวต่อว่า สำหรับเป้าหมายของตลาดอนุพันธ์ในปี 2551 คาดว่าผู้ลงทุนจะให้ความสนใจเข้าร่วมตลาดมากขึ้นเนื่องจากการทำงานอย่างต่อเนื่องของสมาชิกและตลาดอนุพันธ์เองในการจัดอบรมและสัมนาเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจด้านอนุพันธ์แก่ผู้สนใจทุก ๆ ระดับ ซึ่งตลาดอนุพันธ์นั้น มีแผนงานที่จะรับผู้ดูแลสภาพคล่องและสมาชิกเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีอยู่ 25 รายเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและเพิ่มช่องทางการซื้อขายแก่ผู้ลงทุน รวมทั้ง การจัดให้มีสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ออปชั่นที่อ้างอิงกับหุ้นรายตัว หรือ Stock Options ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้สามารถดำเนินกลยุทธการบริหารความเสี่ยงและการลงทุนได้หลากหลายและคล่องตัวมากขึ้น โดยตลาดอนุพันธ์ได้คาดการณ์ปริมาณการซื้อขายโดยเฉลี่ยต่อวันจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 10,000 สัญญาต่อวัน ในปี 2551 เพิ่มขึ้นประมาณ 1 เท่าจากปีนี้
สำหรับกิจกรรมการอบรมสัมมนาจะยังคงมีต่อเนื่องไปในปีหน้า โดยจะได้เน้นหนักทั้งด้านความเข้าใจพื้นฐานของอนุพันธ์ และการเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์การซื้อขายจริงและเรียนรู้ด้านกลยุทธการซื้อขายรูปแบบต่างๆเพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้ลงทุน โดยโครงการ Lucky กับ TFEX ซึ่งเป็นกิจกรรมเพื่อนักลงทุนทั่วไปที่สามารถบริหารผลตอบแทนการซื้อขายของตนเองได้ดีและได้กำไรสูงสุด สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการนี้เพื่อมีสิทธิได้รับรางวัลประจำเดือนและรางวัลการดูงานที่ตลาดอนุพันธ์ต่างประเทศ โดยติดต่อสมัครได้ที่สมาชิกของตลาดอนุพันธ์ทั้ง 25 แห่ง และ www.futures-society.com ในด้านผู้ลงทุนต่างประเทศนั้น ตลาดอนุพันธ์จะยังคงร่วมงานและออกบูธประชาสัมพันธ์ในงานอนุพันธ์ระดับสากลของเอเชียยุโรป และสหรัฐอเมริกา เพื่อขยายฐาน ผู้ลงทุนในตลาดอนุพันธ์ให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2550 นี้ว่า ภาวะการซื้อขายอยู่ในระดับที่น่าพอใจและเป็นไปตามเป้าหมายปริมาณการซื้อขายของตลาดอนุพันธ์เฉลี่ยในปีนี้ ( นับถึง 25 ธ.ค.) อยู่ที่ 5,172 สัญญาต่อวัน เทียบกับ1,204 สัญญาต่อวันในปี 2549 เพิ่มขึ้นร้อยละ 330 โดยประกอบด้วย SET50 Index Futures 4,976 สัญญาต่อวัน และ SET50 Index Options 196 สัญญาต่อวัน การซื้อขายออปชั่นยังอยู่ในระยะเริ่มต้นซึ่งเริ่มซื้อขายเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้พบว่าผู้ลงทุนได้ให้ความสนใจเพิ่มขึ้นในการเปิดบัญชีซื้อขายโดยมีจำนวนทั้งสิ้น 9,415 บัญชี เพิ่มจากปีก่อนหน้าที่มีเพียง 4,513 บัญชี คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 108 ประเภทบัญชีที่มีอัตราเพิ่มขึ้นสูงสุดคือผู้ลงทุนทั่วไป เพิ่มขึ้นร้อยละ 112 ผู้ลงทุนต่างประเทศ เพิ่มขึ้นร้อยละ 85 และผู้ลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้นร้อยละ 52
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยมีจำนวนน้อยเพียง 2,882 สัญญาต่อวันเท่านั้น เป็นผลจากภาวะความซบเซาของตลาดหลักทรัพย์ภายหลังการใช้มาตรการการสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ในครึ่งหลังของปีภาวะความผันผวนจากวิกฤตการณ์ราคาน้มัน ปัญหา sub prime ในตลาดต่างประเทศและเหตุการณ์ในประเทศไทยเอง ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ปริมาณการซื้อขายจึงเพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งในตลาดหลักทรัพย์และตลาดอนุพันธ์ โดยมีปริมาณการซื้อขายต่อวันสูงสุดที่ 13,701 สัญญา เมื่อวันที่ 26 กันยายน
สำหรับบริษัทสมาชิกที่ซื้อขายสูงสุดห้าอันดับแรก ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท ทรีนีตี้ โพลาริส ฟิวเจอร์ส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) สำหรับสัดส่วนการซื้อขายมาจากผู้ลงทุนทั่วไปร้อยละ 55 ผู้ลงทุนสถาบันร้อยละ 25.5 และผู้ลงทุนต่างประเทศ ร้อยละ19.5
นางเกศรากล่าวต่อว่า สำหรับเป้าหมายของตลาดอนุพันธ์ในปี 2551 คาดว่าผู้ลงทุนจะให้ความสนใจเข้าร่วมตลาดมากขึ้นเนื่องจากการทำงานอย่างต่อเนื่องของสมาชิกและตลาดอนุพันธ์เองในการจัดอบรมและสัมนาเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจด้านอนุพันธ์แก่ผู้สนใจทุก ๆ ระดับ ซึ่งตลาดอนุพันธ์นั้น มีแผนงานที่จะรับผู้ดูแลสภาพคล่องและสมาชิกเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีอยู่ 25 รายเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและเพิ่มช่องทางการซื้อขายแก่ผู้ลงทุน รวมทั้ง การจัดให้มีสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ออปชั่นที่อ้างอิงกับหุ้นรายตัว หรือ Stock Options ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้สามารถดำเนินกลยุทธการบริหารความเสี่ยงและการลงทุนได้หลากหลายและคล่องตัวมากขึ้น โดยตลาดอนุพันธ์ได้คาดการณ์ปริมาณการซื้อขายโดยเฉลี่ยต่อวันจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 10,000 สัญญาต่อวัน ในปี 2551 เพิ่มขึ้นประมาณ 1 เท่าจากปีนี้
สำหรับกิจกรรมการอบรมสัมมนาจะยังคงมีต่อเนื่องไปในปีหน้า โดยจะได้เน้นหนักทั้งด้านความเข้าใจพื้นฐานของอนุพันธ์ และการเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์การซื้อขายจริงและเรียนรู้ด้านกลยุทธการซื้อขายรูปแบบต่างๆเพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้ลงทุน โดยโครงการ Lucky กับ TFEX ซึ่งเป็นกิจกรรมเพื่อนักลงทุนทั่วไปที่สามารถบริหารผลตอบแทนการซื้อขายของตนเองได้ดีและได้กำไรสูงสุด สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการนี้เพื่อมีสิทธิได้รับรางวัลประจำเดือนและรางวัลการดูงานที่ตลาดอนุพันธ์ต่างประเทศ โดยติดต่อสมัครได้ที่สมาชิกของตลาดอนุพันธ์ทั้ง 25 แห่ง และ www.futures-society.com ในด้านผู้ลงทุนต่างประเทศนั้น ตลาดอนุพันธ์จะยังคงร่วมงานและออกบูธประชาสัมพันธ์ในงานอนุพันธ์ระดับสากลของเอเชียยุโรป และสหรัฐอเมริกา เพื่อขยายฐาน ผู้ลงทุนในตลาดอนุพันธ์ให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง