ในสัปดาห์ที่แล้วการเมืองไทยทำท่าจะพลิกผัน อันเกิดแต่การให้สัมภาษณ์ของนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ที่ว่าได้สลายขั้วการเมืองเรียบร้อยแล้ว พร้อมจะร่วมมือกับใครก็ได้
แล้วว่าที่เคยพูดว่าจะไม่ทำให้ผู้ที่นับถือมา 30 ปีผิดหวังนั้นลืมไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่เพิ่งพูดถึงเรื่องนี้มายังไม่ถึงสัปดาห์ดี เรียกว่าตดยังไม่ทันหายเหม็นก็ทำเป็นลืมไปแล้ว
การเมืองไทยทำท่าจะพลิกผันจากคำให้สัมภาษณ์แบบนี้ก็เพราะเป็นการพูดที่ส่อให้เห็นว่าพรรคชาติไทยกำลังจะพลิกขั้วที่เคยพูดนักพูดหนาว่าจะร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่มีทางร่วมกับพรรคพลังประชาชน ไปเป็นว่าจะร่วมกับพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลขึ้น
ก็แน่นอนว่าย่อมหวังลึก ๆ ว่าจะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะอาจมีการถีบส่งนายสมัคร สุนทรเวช ไปเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร
แต่ยังไม่ควรเชื่อเสียทีเดียวว่าคนอย่างนายบรรหาร ศิลปอาชา จะตระบัดสัตย์ หรือไปเลียนแบบพลเอก สุจินดา คราประยูร ที่ยอมตระบัดสัตย์ แล้วเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
และย่อมเห็นบทเรียนเป็นอย่างดีว่าการตระบัดสัตย์เพื่อให้ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ในที่สุดก็ไม่สามารถอยู่ได้ เพียงแค่ 40 กว่าวันแห่งการชุลมุนและจลาจล รัฐบาลนั้นก็เป็นอันพินาศไป
นายบรรหาร ศิลปอาชา นั้นเป็นนักการเมืองเก่า มือเก๋า เคยมีบทเรียนมาแล้วจากการที่พรรคชาติไทยเคยถูกปฏิวัติในข้อหาบุฟเฟ่ต์คาร์บิเน่ต จนมีการยึดทรัพย์รัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลนั้นมาแล้ว
คนอย่างนายบรรหาร ศิลปอาชา ยังมีบุตรและบุตรีที่เป็นทายาททางการเมืองอันพอจะเชื่อใจได้บ้างว่าจะประคับประคองน้ำใจนายบรรหาร ศิลปอาชา ไม่ให้ผิดเพี้ยนกลายเป็นคนถ่อยในสังคมไทยต่อไปในอนาคต
คนอย่างนายบรรหาร ศิลปอาชา มีบทเรียนอันเจ็บปวดมาแล้วจากสภาพที่ยุคหนึ่งพรรคชาติไทยไหลกะล่อนจนได้รับการขนานนามว่าเป็นพรรคปลาไหลใส่สเก็ตซ์ถูกผู้คนดูหมิ่นเหยียดหยามทั้งบ้านทั้งเมือง
ดังนั้นจึงยังต้องติดตามดูกันต่อไปว่านายบรรหาร ศิลปอาชา และพรรคชาติไทยจะเอาอย่างไรกันแน่ จะตระบัดสัตย์หรือดำรงความสัตย์กันแน่ อีกไม่ช้าไม่นานคงจะได้เห็นกัน
มีความเป็นไปได้ว่านายบรรหาร ศิลปอาชา ต้องกล่าวอย่างนั้นในบางพื้นที่ก็เพื่อประโยชน์ในการรณรงค์เลือกตั้ง
แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันว่าผลประโยชน์จำนวนมหาศาลดังที่เป็นข่าวซุบซิบกันทั้งบ้านทั้งเมืองและโชควาสนาที่มีการหยิบยื่นให้ก็อาจทำให้น้ำใจคนกลับกลายเป็นอื่นไปก็ได้
ดังนั้นการตระบัดสัตย์หรือการดำรงความสัตย์ของนายบรรหาร ศิลปอาชา ในคราวนี้จึงไม่ใช่เรื่องเฉพาะตัวหรือส่วนตัวของนายบรรหาร ศิลปอาชา หรือผู้คนในครอบครัวศิลปอาชา หรือผู้คนในพรรคชาติไทยเท่านั้น หากเกี่ยวพันกับอนาคตของชาติบ้านเมืองด้วย
เป็นการตัดสินใจที่จะมีผลว่าระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจะดำรงคงอยู่ หรือว่าจะล่วงลับดับสูญไป โดยมีระบอบใหม่เข้ามาแทนที่
เป็นการตัดสินใจที่จะมีผลว่าประเทศของเราจะกลับสู่ความเป็นปกติสุขหรือจะกลับไปสู่ความแตกแยกในบ้านเมืองที่มีการจองเวรจองล้างจองผลาญกันจนอาจเกิดเป็นสงครามประชาชน และนำไปสู่การปฏิวัติอีก
เพราะการตัดสินใจว่าจะตระบัดสัตย์หรือไม่ตระบัดสัตย์ของนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นเรื่องสาธารณะ เป็นเรื่องของบ้านเมืองและประชาชนเช่นนี้ ประชาชนจึงมีสิทธิ์ที่จะออกความคิดความเห็น
และประชาชนทั้งหลายย่อมหวังตั้งใจว่านายบรรหาร ศิลปอาชา จะรักษาดำรงความสัตย์ที่เคยเปล่งประกาศว่าจะไม่ร่วมมือกับพรรคพลังประชาชน แต่จะร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลขึ้น
เพื่อนำความสงบสุขกลับคืนบ้านเมือง เพื่อหยุดยั้งการจองล้างจองเวร เพื่อหยุดสงครามประชาชน เพื่อหยุดการยึดอำนาจ เพื่อธำรงรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้ดำรงคงอยู่คู่บ้านเมืองสืบไป
ประชาชนทั้งหลายย่อมต้องคัดค้านหากมีการตระบัดสัตย์ และย่อมมีการเคลื่อนไหวต่อสู้ไม่ให้ผู้ตระบัดสัตย์หรือคนทุศีลมีอำนาจในบ้านเมือง ถึงมีขึ้นมาได้ด้วยการฉ้อฉลและกลอุบายใด ๆ ก็จะไม่มีวันอยู่ในอำนาจนั้นได้โดยเด็ดขาด
ก็ประกาศให้รู้กันเสียในวันนี้ว่าหากมีการตระบัดสัตย์เพียงเพื่อหวังอำนาจวาสนา มีอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับการจองล้างจองผลาญในบ้านเมืองก็อย่าหวังว่าจะได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้อย่างปกติสุข
นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในลักษณะนี้วันไหน ก็จะมีเหมือนกับถูกจับขึ้นไปนั่งบนเตาไฟ ที่มีแต่จะถูกเผาไหม้เป็นจุณไป ชะดีชะร้ายจะพาเอาวงศ์วานว่านเครือพินาศฉิบหายไปสิ้น
นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในลักษณะนี้วันไหน อย่าคิดว่าคนไทยเขาจะยินยอมเพิกเฉย
บรรดาผู้รักชาติรักประชาธิปไตยทั่วทั้งประเทศก็จะพร้อมเพรียงกันขับไล่ไสส่งเฉดหัวออกไปอย่างไม่ไยดีแม้แต่นิดเดียว
เพราะคนตระบัดสัตย์นั้นเป็นคนทุศีล คนทุศีลชนิดนี้เชื่อถืออะไรมิได้ เนื่องจากเป็นคนชั่วช้าสารเลว ขืนให้มีอำนาจในบ้านเมือง บ้านเมืองก็จะพินาศล่มจม ประชาชนก็จะย่อยยับดับดิ้น โดยมิพักต้องสงสัยใด ๆ เลย
นายบรรหาร ศิลปอาชา จะนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยแลกเอากับการสูญเสียสัจจะที่เคยเชิดชูบูชาและกำกับตัวมาถึงวันนี้ แม้อาจจะเป็นเรื่องยั่วยวนใจนัก แต่ขอให้นึกดูสภาพที่ถูกเหมือนกับถูกจับไปนั่งบนเตาถ่านดูเถอะว่าความกลียุคและความจลาจลในบ้านเมืองที่จะเกิดขึ้นนั้นจะนั่งในตำแหน่งแบบนี้ได้เป็นสุขหรือ?
คุณบรรหารที่รัก เวลานี้อายุก็เลย 70 แล้ว จะอยู่ไปอีกสักกี่ปี เวลาที่เหลืออยู่นี้จะทำแบบนี้เพื่อทำลายประวัติศาสตร์ชีวิตของตนเอง ของตระกูลศิลปอาชา และเห็นชัด ๆ อยู่แล้วว่าจะทำให้ประเทศชาติพินาศล่มจมหรืออย่างไร?
แล้วว่าที่เคยพูดว่าจะไม่ทำให้ผู้ที่นับถือมา 30 ปีผิดหวังนั้นลืมไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่เพิ่งพูดถึงเรื่องนี้มายังไม่ถึงสัปดาห์ดี เรียกว่าตดยังไม่ทันหายเหม็นก็ทำเป็นลืมไปแล้ว
การเมืองไทยทำท่าจะพลิกผันจากคำให้สัมภาษณ์แบบนี้ก็เพราะเป็นการพูดที่ส่อให้เห็นว่าพรรคชาติไทยกำลังจะพลิกขั้วที่เคยพูดนักพูดหนาว่าจะร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่มีทางร่วมกับพรรคพลังประชาชน ไปเป็นว่าจะร่วมกับพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลขึ้น
ก็แน่นอนว่าย่อมหวังลึก ๆ ว่าจะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะอาจมีการถีบส่งนายสมัคร สุนทรเวช ไปเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร
แต่ยังไม่ควรเชื่อเสียทีเดียวว่าคนอย่างนายบรรหาร ศิลปอาชา จะตระบัดสัตย์ หรือไปเลียนแบบพลเอก สุจินดา คราประยูร ที่ยอมตระบัดสัตย์ แล้วเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
และย่อมเห็นบทเรียนเป็นอย่างดีว่าการตระบัดสัตย์เพื่อให้ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ในที่สุดก็ไม่สามารถอยู่ได้ เพียงแค่ 40 กว่าวันแห่งการชุลมุนและจลาจล รัฐบาลนั้นก็เป็นอันพินาศไป
นายบรรหาร ศิลปอาชา นั้นเป็นนักการเมืองเก่า มือเก๋า เคยมีบทเรียนมาแล้วจากการที่พรรคชาติไทยเคยถูกปฏิวัติในข้อหาบุฟเฟ่ต์คาร์บิเน่ต จนมีการยึดทรัพย์รัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลนั้นมาแล้ว
คนอย่างนายบรรหาร ศิลปอาชา ยังมีบุตรและบุตรีที่เป็นทายาททางการเมืองอันพอจะเชื่อใจได้บ้างว่าจะประคับประคองน้ำใจนายบรรหาร ศิลปอาชา ไม่ให้ผิดเพี้ยนกลายเป็นคนถ่อยในสังคมไทยต่อไปในอนาคต
คนอย่างนายบรรหาร ศิลปอาชา มีบทเรียนอันเจ็บปวดมาแล้วจากสภาพที่ยุคหนึ่งพรรคชาติไทยไหลกะล่อนจนได้รับการขนานนามว่าเป็นพรรคปลาไหลใส่สเก็ตซ์ถูกผู้คนดูหมิ่นเหยียดหยามทั้งบ้านทั้งเมือง
ดังนั้นจึงยังต้องติดตามดูกันต่อไปว่านายบรรหาร ศิลปอาชา และพรรคชาติไทยจะเอาอย่างไรกันแน่ จะตระบัดสัตย์หรือดำรงความสัตย์กันแน่ อีกไม่ช้าไม่นานคงจะได้เห็นกัน
มีความเป็นไปได้ว่านายบรรหาร ศิลปอาชา ต้องกล่าวอย่างนั้นในบางพื้นที่ก็เพื่อประโยชน์ในการรณรงค์เลือกตั้ง
แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันว่าผลประโยชน์จำนวนมหาศาลดังที่เป็นข่าวซุบซิบกันทั้งบ้านทั้งเมืองและโชควาสนาที่มีการหยิบยื่นให้ก็อาจทำให้น้ำใจคนกลับกลายเป็นอื่นไปก็ได้
ดังนั้นการตระบัดสัตย์หรือการดำรงความสัตย์ของนายบรรหาร ศิลปอาชา ในคราวนี้จึงไม่ใช่เรื่องเฉพาะตัวหรือส่วนตัวของนายบรรหาร ศิลปอาชา หรือผู้คนในครอบครัวศิลปอาชา หรือผู้คนในพรรคชาติไทยเท่านั้น หากเกี่ยวพันกับอนาคตของชาติบ้านเมืองด้วย
เป็นการตัดสินใจที่จะมีผลว่าระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจะดำรงคงอยู่ หรือว่าจะล่วงลับดับสูญไป โดยมีระบอบใหม่เข้ามาแทนที่
เป็นการตัดสินใจที่จะมีผลว่าประเทศของเราจะกลับสู่ความเป็นปกติสุขหรือจะกลับไปสู่ความแตกแยกในบ้านเมืองที่มีการจองเวรจองล้างจองผลาญกันจนอาจเกิดเป็นสงครามประชาชน และนำไปสู่การปฏิวัติอีก
เพราะการตัดสินใจว่าจะตระบัดสัตย์หรือไม่ตระบัดสัตย์ของนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นเรื่องสาธารณะ เป็นเรื่องของบ้านเมืองและประชาชนเช่นนี้ ประชาชนจึงมีสิทธิ์ที่จะออกความคิดความเห็น
และประชาชนทั้งหลายย่อมหวังตั้งใจว่านายบรรหาร ศิลปอาชา จะรักษาดำรงความสัตย์ที่เคยเปล่งประกาศว่าจะไม่ร่วมมือกับพรรคพลังประชาชน แต่จะร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลขึ้น
เพื่อนำความสงบสุขกลับคืนบ้านเมือง เพื่อหยุดยั้งการจองล้างจองเวร เพื่อหยุดสงครามประชาชน เพื่อหยุดการยึดอำนาจ เพื่อธำรงรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้ดำรงคงอยู่คู่บ้านเมืองสืบไป
ประชาชนทั้งหลายย่อมต้องคัดค้านหากมีการตระบัดสัตย์ และย่อมมีการเคลื่อนไหวต่อสู้ไม่ให้ผู้ตระบัดสัตย์หรือคนทุศีลมีอำนาจในบ้านเมือง ถึงมีขึ้นมาได้ด้วยการฉ้อฉลและกลอุบายใด ๆ ก็จะไม่มีวันอยู่ในอำนาจนั้นได้โดยเด็ดขาด
ก็ประกาศให้รู้กันเสียในวันนี้ว่าหากมีการตระบัดสัตย์เพียงเพื่อหวังอำนาจวาสนา มีอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับการจองล้างจองผลาญในบ้านเมืองก็อย่าหวังว่าจะได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้อย่างปกติสุข
นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในลักษณะนี้วันไหน ก็จะมีเหมือนกับถูกจับขึ้นไปนั่งบนเตาไฟ ที่มีแต่จะถูกเผาไหม้เป็นจุณไป ชะดีชะร้ายจะพาเอาวงศ์วานว่านเครือพินาศฉิบหายไปสิ้น
นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในลักษณะนี้วันไหน อย่าคิดว่าคนไทยเขาจะยินยอมเพิกเฉย
บรรดาผู้รักชาติรักประชาธิปไตยทั่วทั้งประเทศก็จะพร้อมเพรียงกันขับไล่ไสส่งเฉดหัวออกไปอย่างไม่ไยดีแม้แต่นิดเดียว
เพราะคนตระบัดสัตย์นั้นเป็นคนทุศีล คนทุศีลชนิดนี้เชื่อถืออะไรมิได้ เนื่องจากเป็นคนชั่วช้าสารเลว ขืนให้มีอำนาจในบ้านเมือง บ้านเมืองก็จะพินาศล่มจม ประชาชนก็จะย่อยยับดับดิ้น โดยมิพักต้องสงสัยใด ๆ เลย
นายบรรหาร ศิลปอาชา จะนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยแลกเอากับการสูญเสียสัจจะที่เคยเชิดชูบูชาและกำกับตัวมาถึงวันนี้ แม้อาจจะเป็นเรื่องยั่วยวนใจนัก แต่ขอให้นึกดูสภาพที่ถูกเหมือนกับถูกจับไปนั่งบนเตาถ่านดูเถอะว่าความกลียุคและความจลาจลในบ้านเมืองที่จะเกิดขึ้นนั้นจะนั่งในตำแหน่งแบบนี้ได้เป็นสุขหรือ?
คุณบรรหารที่รัก เวลานี้อายุก็เลย 70 แล้ว จะอยู่ไปอีกสักกี่ปี เวลาที่เหลืออยู่นี้จะทำแบบนี้เพื่อทำลายประวัติศาสตร์ชีวิตของตนเอง ของตระกูลศิลปอาชา และเห็นชัด ๆ อยู่แล้วว่าจะทำให้ประเทศชาติพินาศล่มจมหรืออย่างไร?