เครื่องรับโทรทัศน์อยู่ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่สำคัญ จากเทคโนโลยีจอภาพ CRT แบบเดิมที่หนาเทอะทะ เริ่มเปลี่ยนมาเป็นจอภาพ LCD และ Plasma ที่แบนและบางกว่ามาก ทั้งนี้เนื่องจากการพัฒนาของเทคโนโลยีเป็นสำคัญหรือที่เรียกว่า Technology Push ในขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคและสภาพแวดล้อม รวมถึงวิถีชิวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไป ได้มีส่วนผลักดันให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ และ ระบบการใช้งานต่างๆ ของเครื่องรับโทรทัศน์อย่างมาก ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าเทคโนโลยีและรูปลักษณ์หลักๆ ของเครื่องรับโทรทัศน์ในอนาคตประกอบด้วย 6 ประการ ได้แก่
ประการแรก โทรทัศน์จอแบน (Flat Panel) เครื่องรับโทรทัศน์จอแบบนนี้จะเห็นได้จากความนิยมของ LCD TV และ Plasma TV ทีเริ่มเข้ามาทดแทนเครื่องรับโทรทัศน์แบบหลอด CRT อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนักวิจัยหลายค่ายได้คาดการณ์การเติบโตของ LCD TV และ Plasma TV ไว้ตรงกันบ้าง ไม่ตรงกันบ้าง แต่แนวโน้มล้วนเป็นไปในแนวทางเดียวกันคือ มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคต1 ซึ่งในส่วนของเทคโนโลยีจอภาพ ในอนาคตมีการปรับปรุงในแง่ของความคมชัดโดยมีสัดส่วน Contrast สูงขึ้น มีมุมมองที่กว้างขึ้น มีการพัฒนา Software ควบคุมความสว่างของ Back light ที่ทำให้ภาพดูนุ่มนวลสบายตา และมีความสมจริงมากขึ้น และแม้ว่าในขณะนี้เริ่มมีการพูดถึงเทคโนโลยี จอภาพแบบใหม่ๆ เช่น จอภาพแบบ Organic Light Emitting Device (OLED) ที่อาจมาแทน LCD และ Plasma ในอนาคต แต่ก็ล้วนเป็นเทคโนโลยีแบบจอแบนทั้งสิ้น
ประการที่ 2 ระบบ Digital Convergence หรือ Multimedia ที่รวมระบบต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันตามแนวคิด “Anytime Anywhere Any-Device” คือการสามารถเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ได้ทุกหนทุกแห่งผ่านระบบเครือข่าย เนื่องจากปัจจุบันเราสามารถผลิต Microchip ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และมีระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงใช้อย่างแพร่หลาย รวมถึงหน่วยความจำมีความจุเพิ่มขึ้น เครื่องรับโทรทัศน์ในอนาคตจะมุ่งเข้าสู่ระบบสัญญาณแบบดิจิตอล โดยประสานเทคโนโลยีหลัก คือ “Network Technology” และ “3C Technology”2 ทำให้ในอนาคตเครื่องรับโทรทัศน์สามารถทำงานได้หลายรูปแบบมากขึ้น และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกอื่นๆได้ เช่น สามารถใช้เป็นจอมอนิเตอร์รวมกับคอมพิวเตอร์ PC ได้ หรือเมื่อเชื่อมต่อกับเครื่องเล่น DVD หรือเสาอากาศก็จะใช้เป็นจอโทรทัศน์ และเมื่อต่อเข้ากับระบบ ADSL เครื่องรับโทรทัศน์จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ Home network โดยเราสามารถใช้โทรทัศน์สั่งงานและควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน หรือสั่งให้อัดรายการผ่าน DVD Recorder หรือ Memory card ต่างๆ ตลอดจนสามารถใช้โทรศัพท์แบบที่เห็นหน้าเห็นตากันผ่านทางจอโทรทัศน์ได้
จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้บริษัทจากค่ายเกาหลีและญี่ปุ่น เช่น Samsung LG Sony และ Panasonic จะมีความได้เปรียบบริษัทจากค่ายยุโรป จีน และไต้หวันเนื่องจากมีสินค้าครอบคลุมทั้งคอมพิวเตอร์เพื่อการสื่อสารและ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อย่างกว้างขวางมากกว่า
นอกจากนี้ในอนาคตผู้ผลิตจอภาพจะลดระดับความสำคัญในอุตสาหกรรมเครื่องรับโทรทัศน์ลง ตัวอย่างเช่น LCD TV และ Plasma TV ที่ในปัจจุบันผู้ผลิตต่างเร่งพัฒนาประสิทธิภาพของ จอภาพเป็นหลัก จะเปลี่ยนมาเน้นพัฒนาระบบ Multimedia และการ Integrated เทคโนโลยีต่างๆในเครื่องรับโทรทัศน์มากกว่า
ประการที่ 3 ต้องมีขนาดใหญ่ ซึ่งแนวโน้มนี้สามารถเห็นได้ชัดเจนจากทั้งเครื่องรับโทรทัศน์ และ จอคอมพิวเตอร์ที่วางขายในตลาดโดยทั่วไป โดยโทรทัศน์ขนาดจอ 14 นิ้วนั้น ปัจจุบันพบเห็นน้อยมากเนื่องจากผู้บริโภคหันไปนิยมโทรทัศน์ขนาดจอใหญ่ตั้งแต่ 21 นิ้วขึ้นไป จนถึง 29 นิ้ว แต่เครื่องรับโทรทัศน์แบบ CRT ก็มีข้อจำกัดให้ไม่สามารถผลิตหน้าจอมีขนาดใหญ่มากๆ ได้ เนื่องจากต้องมีระยะการยิงอิเล็กตรอนมากขึ้นทำให้เครื่องรับโทรทัศน์มีขนาดใหญ่เทอะทะมาก แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเมื่อเป็น LCD TV และ Plasma TV ซึ่งปัจจุบันค่ายผู้ผลิตต่างแข่งกันผลิตจอภาพที่ใหญ่ขึ้นๆ ปัจจุบัน LCD TV ขนาดใหญ่ที่สุดที่มีการผลิตคือ 52 นิ้ว แต่ในอนาคตอันใกล้นี้จอภาพต้องมีขนาดมากกว่า 60 นิ้วอย่างแน่นอน ในขณะที่ขนาดจอมาตรฐานของจอคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันอยู่ที่ 19 นิ้ว เพิ่มขึ้นจาก 17 นิ้ว เมื่อ 2-3 ปีก่อน
ประการที่ 4 ต้องมีการออกแบบให้มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัย เนื่องจากโทรทัศน์ถูกใช้เสมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านซึ่งสะท้อนถึงรสนิยมและฐานะของเจ้าของ เครื่องรับโทรทัศน์ในอนาคตนอกจากใช้ประโยชน์เพื่ออความบันเทิงแล้วยังเป็นเสมือนสิ่งตกแต่งภายในบ้าน ดังนั้นจึงต้องมีการออกแบบให้เข้าชุดกับเครื่องเล่น Audio and Visual ชนิดอื่นๆ อาทิ ลำโพง Stereo หรือ เครื่องเล่นDVD รวมถึงต้องเข้าชุดกับเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านชนิดอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มมีให้เห็นแล้ว ตัวอย่างเช่น LCD ที่ถูกออกแบบให้มีความโค้งมน หลากสีหลายแบบ หรือมีการออกแบบลวดลายคล้ายกับผลึกแก้ว กระเบื้อง หินอ่อน และลายไม้แบบต่างๆ เป็นต้น
ประการที่ 5 ต้องเป็น Green Product หรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งในอนาคตประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อมจะถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นทางการค้ามากขึ้น ไม่เพียงแต่เครื่องรับโทรทัศน์เท่านั้น แต่ครอบคลุมสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น จากการที่ปัจจุบันหลายประเทศได้มีการออกกฎระเบียบต่างๆ เข้มงวดสำหรับสินค้าให้ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น สหภาพยุโรปได้ออกระเบียบว่าด้วยเศษเหลือทิ้งผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Waste from Electrical and Electronic Equipment : WEEE) และระเบียบว่าด้วยการจำกัดการใช้สารอันตรายในผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Restriction of Hazardous Substances :RoHs) หรือในประเทศญี่ปุ่นที่ได้ออกระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งทยอยประกาศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2544 รวมถึงประเทศจีนที่ได้ออกระเบียบเช่นเดียวกับสหภาพยุโรปโดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2549 เช่นกัน
เช่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เครื่องรับโทรทัศน์ในอนาคตนอกจากจะต้องถูกห้ามใช้สารเคมีต่างๆ เช่น ปรอท ตะกั่ว แคทเมียม ฯลฯ แล้วยังต้องถูกกำหนดให้ใช้ชิ้นส่วนที่สามารถ รีไซเคิล ได้ รวมถึงต้องมีการออกแบบให้สามารถถอดแยกชิ้นส่วนเพื่อรีไซเคิล ได้ง่ายด้วย หรือเรียกว่า ECO-Design โดยสัดส่วนของการ Recycle น่าจะอยู่ที่ 80% ดังนั้น Trend ด้านสิ่งแวดล้อมนี้ผู้เขียนมั่นใจว่าต้องเป็นปัจจัยที่กระทบต่ออุตสาหกรรมเครื่องรับโทรทัศน์ในอนาคตอย่างมากแน่นอน
ประการที่ 6 เครื่องรับโทรทัศน์ในอนาคตต้องประหยัดไฟฟ้า (Energy Saving) เนื่องจากมาตรฐานด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอนาคตต้องมีการกำหนดให้สูงขึ้น โดยคาดว่าโทรทัศน์ที่ใช้พลังงานในการ Standby เกินกว่า 9 Watts และมีค่าดัชนีการใช้พลังงานสูงกว่า 1.5 จะไม่อนุญาตให้ขายในตลาด โดยคาดว่ามาตรฐานจะอนุญาตให้ใช้พลังงานในตอน Standby ได้ไม่เกิน 5 Watts เท่านั้น
ติดต่อขอข้อมูล ติชม และเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่กองการตลาดเพื่อการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 0-2537-8163 หรือที่ marketing@boi.go.th
1 ในปี 2010 คาดการณ์ว่า LCD TV จะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 4.5 เท่า ในขณะที่ Plasma TV จะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากปัจจุบัน
2 3C Technology คือเป็นการ Merge กันของระบบ Computers, Communications และ Consumer Electronics
ประการแรก โทรทัศน์จอแบน (Flat Panel) เครื่องรับโทรทัศน์จอแบบนนี้จะเห็นได้จากความนิยมของ LCD TV และ Plasma TV ทีเริ่มเข้ามาทดแทนเครื่องรับโทรทัศน์แบบหลอด CRT อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนักวิจัยหลายค่ายได้คาดการณ์การเติบโตของ LCD TV และ Plasma TV ไว้ตรงกันบ้าง ไม่ตรงกันบ้าง แต่แนวโน้มล้วนเป็นไปในแนวทางเดียวกันคือ มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคต1 ซึ่งในส่วนของเทคโนโลยีจอภาพ ในอนาคตมีการปรับปรุงในแง่ของความคมชัดโดยมีสัดส่วน Contrast สูงขึ้น มีมุมมองที่กว้างขึ้น มีการพัฒนา Software ควบคุมความสว่างของ Back light ที่ทำให้ภาพดูนุ่มนวลสบายตา และมีความสมจริงมากขึ้น และแม้ว่าในขณะนี้เริ่มมีการพูดถึงเทคโนโลยี จอภาพแบบใหม่ๆ เช่น จอภาพแบบ Organic Light Emitting Device (OLED) ที่อาจมาแทน LCD และ Plasma ในอนาคต แต่ก็ล้วนเป็นเทคโนโลยีแบบจอแบนทั้งสิ้น
ประการที่ 2 ระบบ Digital Convergence หรือ Multimedia ที่รวมระบบต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันตามแนวคิด “Anytime Anywhere Any-Device” คือการสามารถเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ได้ทุกหนทุกแห่งผ่านระบบเครือข่าย เนื่องจากปัจจุบันเราสามารถผลิต Microchip ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และมีระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงใช้อย่างแพร่หลาย รวมถึงหน่วยความจำมีความจุเพิ่มขึ้น เครื่องรับโทรทัศน์ในอนาคตจะมุ่งเข้าสู่ระบบสัญญาณแบบดิจิตอล โดยประสานเทคโนโลยีหลัก คือ “Network Technology” และ “3C Technology”2 ทำให้ในอนาคตเครื่องรับโทรทัศน์สามารถทำงานได้หลายรูปแบบมากขึ้น และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกอื่นๆได้ เช่น สามารถใช้เป็นจอมอนิเตอร์รวมกับคอมพิวเตอร์ PC ได้ หรือเมื่อเชื่อมต่อกับเครื่องเล่น DVD หรือเสาอากาศก็จะใช้เป็นจอโทรทัศน์ และเมื่อต่อเข้ากับระบบ ADSL เครื่องรับโทรทัศน์จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ Home network โดยเราสามารถใช้โทรทัศน์สั่งงานและควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน หรือสั่งให้อัดรายการผ่าน DVD Recorder หรือ Memory card ต่างๆ ตลอดจนสามารถใช้โทรศัพท์แบบที่เห็นหน้าเห็นตากันผ่านทางจอโทรทัศน์ได้
จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้บริษัทจากค่ายเกาหลีและญี่ปุ่น เช่น Samsung LG Sony และ Panasonic จะมีความได้เปรียบบริษัทจากค่ายยุโรป จีน และไต้หวันเนื่องจากมีสินค้าครอบคลุมทั้งคอมพิวเตอร์เพื่อการสื่อสารและ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อย่างกว้างขวางมากกว่า
นอกจากนี้ในอนาคตผู้ผลิตจอภาพจะลดระดับความสำคัญในอุตสาหกรรมเครื่องรับโทรทัศน์ลง ตัวอย่างเช่น LCD TV และ Plasma TV ที่ในปัจจุบันผู้ผลิตต่างเร่งพัฒนาประสิทธิภาพของ จอภาพเป็นหลัก จะเปลี่ยนมาเน้นพัฒนาระบบ Multimedia และการ Integrated เทคโนโลยีต่างๆในเครื่องรับโทรทัศน์มากกว่า
ประการที่ 3 ต้องมีขนาดใหญ่ ซึ่งแนวโน้มนี้สามารถเห็นได้ชัดเจนจากทั้งเครื่องรับโทรทัศน์ และ จอคอมพิวเตอร์ที่วางขายในตลาดโดยทั่วไป โดยโทรทัศน์ขนาดจอ 14 นิ้วนั้น ปัจจุบันพบเห็นน้อยมากเนื่องจากผู้บริโภคหันไปนิยมโทรทัศน์ขนาดจอใหญ่ตั้งแต่ 21 นิ้วขึ้นไป จนถึง 29 นิ้ว แต่เครื่องรับโทรทัศน์แบบ CRT ก็มีข้อจำกัดให้ไม่สามารถผลิตหน้าจอมีขนาดใหญ่มากๆ ได้ เนื่องจากต้องมีระยะการยิงอิเล็กตรอนมากขึ้นทำให้เครื่องรับโทรทัศน์มีขนาดใหญ่เทอะทะมาก แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเมื่อเป็น LCD TV และ Plasma TV ซึ่งปัจจุบันค่ายผู้ผลิตต่างแข่งกันผลิตจอภาพที่ใหญ่ขึ้นๆ ปัจจุบัน LCD TV ขนาดใหญ่ที่สุดที่มีการผลิตคือ 52 นิ้ว แต่ในอนาคตอันใกล้นี้จอภาพต้องมีขนาดมากกว่า 60 นิ้วอย่างแน่นอน ในขณะที่ขนาดจอมาตรฐานของจอคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันอยู่ที่ 19 นิ้ว เพิ่มขึ้นจาก 17 นิ้ว เมื่อ 2-3 ปีก่อน
ประการที่ 4 ต้องมีการออกแบบให้มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัย เนื่องจากโทรทัศน์ถูกใช้เสมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านซึ่งสะท้อนถึงรสนิยมและฐานะของเจ้าของ เครื่องรับโทรทัศน์ในอนาคตนอกจากใช้ประโยชน์เพื่ออความบันเทิงแล้วยังเป็นเสมือนสิ่งตกแต่งภายในบ้าน ดังนั้นจึงต้องมีการออกแบบให้เข้าชุดกับเครื่องเล่น Audio and Visual ชนิดอื่นๆ อาทิ ลำโพง Stereo หรือ เครื่องเล่นDVD รวมถึงต้องเข้าชุดกับเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านชนิดอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มมีให้เห็นแล้ว ตัวอย่างเช่น LCD ที่ถูกออกแบบให้มีความโค้งมน หลากสีหลายแบบ หรือมีการออกแบบลวดลายคล้ายกับผลึกแก้ว กระเบื้อง หินอ่อน และลายไม้แบบต่างๆ เป็นต้น
ประการที่ 5 ต้องเป็น Green Product หรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งในอนาคตประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อมจะถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นทางการค้ามากขึ้น ไม่เพียงแต่เครื่องรับโทรทัศน์เท่านั้น แต่ครอบคลุมสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น จากการที่ปัจจุบันหลายประเทศได้มีการออกกฎระเบียบต่างๆ เข้มงวดสำหรับสินค้าให้ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น สหภาพยุโรปได้ออกระเบียบว่าด้วยเศษเหลือทิ้งผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Waste from Electrical and Electronic Equipment : WEEE) และระเบียบว่าด้วยการจำกัดการใช้สารอันตรายในผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Restriction of Hazardous Substances :RoHs) หรือในประเทศญี่ปุ่นที่ได้ออกระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งทยอยประกาศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2544 รวมถึงประเทศจีนที่ได้ออกระเบียบเช่นเดียวกับสหภาพยุโรปโดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2549 เช่นกัน
เช่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เครื่องรับโทรทัศน์ในอนาคตนอกจากจะต้องถูกห้ามใช้สารเคมีต่างๆ เช่น ปรอท ตะกั่ว แคทเมียม ฯลฯ แล้วยังต้องถูกกำหนดให้ใช้ชิ้นส่วนที่สามารถ รีไซเคิล ได้ รวมถึงต้องมีการออกแบบให้สามารถถอดแยกชิ้นส่วนเพื่อรีไซเคิล ได้ง่ายด้วย หรือเรียกว่า ECO-Design โดยสัดส่วนของการ Recycle น่าจะอยู่ที่ 80% ดังนั้น Trend ด้านสิ่งแวดล้อมนี้ผู้เขียนมั่นใจว่าต้องเป็นปัจจัยที่กระทบต่ออุตสาหกรรมเครื่องรับโทรทัศน์ในอนาคตอย่างมากแน่นอน
ประการที่ 6 เครื่องรับโทรทัศน์ในอนาคตต้องประหยัดไฟฟ้า (Energy Saving) เนื่องจากมาตรฐานด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอนาคตต้องมีการกำหนดให้สูงขึ้น โดยคาดว่าโทรทัศน์ที่ใช้พลังงานในการ Standby เกินกว่า 9 Watts และมีค่าดัชนีการใช้พลังงานสูงกว่า 1.5 จะไม่อนุญาตให้ขายในตลาด โดยคาดว่ามาตรฐานจะอนุญาตให้ใช้พลังงานในตอน Standby ได้ไม่เกิน 5 Watts เท่านั้น
ติดต่อขอข้อมูล ติชม และเสนอแนะความคิดเห็นได้ที่กองการตลาดเพื่อการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 0-2537-8163 หรือที่ marketing@boi.go.th
1 ในปี 2010 คาดการณ์ว่า LCD TV จะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 4.5 เท่า ในขณะที่ Plasma TV จะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากปัจจุบัน
2 3C Technology คือเป็นการ Merge กันของระบบ Computers, Communications และ Consumer Electronics